INTERVIEW WITH Pierre Jacques of DE BETHUNE
Pierre Jacques ชายชาวสวิสวัยสี่สิบกลางๆ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งนิตยสาร GMT นิตยสารนาฬิกาชื่อดังราย 3 เดือนของสวิตเซอร์แลนด์สู่บทบาทผู้บริหารแบรนด์นาฬิกาโดยเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทนาฬิกาอิสระ De Bethune ตั้งแต่ต้นปี 2011 เป็นต้นมา เพื่อนำพาแบรนด์อินดี้สุดชีคนี้เดินทางไปข้างหน้าอย่างมั่นคงร่วมกับ David Zanetta และ Denis Flageollet สองผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์
IAW: อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ Mr. David สร้างแบรนด์นาฬิกาขึ้นมา?
จริงๆ แล้ว David เขาเริ่มต้นจากการสะสมนาฬิกามาก่อน โดยเป็นคนแรกๆ ที่เริ่มสะสมนาฬิกาข้อมือมาตั้งแต่ยุคปลายทศวรรษที่ 1970 คอลเลคชั่นของเขาหลากหลายมาก และท้ายที่สุดก็ขาดเสียไม่ได้ที่จะมีความฝันในการสร้างแบรนด์นาฬิกาของตัวเองขึ้นมาเพื่อเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งวงการนาฬิกาโลก
IAW: ต้องเรียกว่าเป็นนักสะสมที่สร้างนาฬิกาไปด้วยหรือเปล่า?
ใช่ เขาไม่ใช่นักสะสมธรรมดา แต่เขามีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวด้วย มีทั้งพรสวรรค์และวิสัยทัศน์อันชัดเจนในการสร้างนาฬิกาและแบรนด์ของตัวเอง โดยมีแนวคิดว่าจะต้องเป็นนาฬิการะดับไฮเอนด์ที่มีความยากลำบากในการผลิตกว่านาฬิกาทั่วไป และเมื่อสำเร็จในขั้นตอนหนึ่งแล้วก็มุ่งมั่นสู่เรื่องที่สูงขึ้นไปอีกขั้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และนั่นคือความท้าทายที่เขาชื่นชอบและวิสัยทัศน์ของเขา เปรียบแล้วก็คงเหมือนคนที่ชอบนาฬิกาที่อยากจะมองหาสิ่งที่พิเศษๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปสำหรับตัวเอง
IAW: ผมเคยพบ David ครั้งหนึ่งบนเรือ ราวปี 2007 หรือ 2008 ที่บาเซิล ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมตื่นเต้นในความเป็นนาฬิกาอินดิเพนเด้นท์ของ De Bethune มาก เพราะแบรนด์อินดิเพนเด้นท์อื่นๆ ส่วนมาก จะเริ่มต้นด้วยการว่าจ้างให้ซัพพลายเออร์พัฒนาและผลิตกลไกและชิ้นส่วนต่างๆ ให้ เพราะการจะเริ่มต้นทำอะไรต่างๆ เกือบทั้งหมดด้วยตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เขาบอกว่า De Bethune เริ่มต้นด้วยการพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยตัวเองเลย เรื่องนี้จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร?
ใช่ De Bethune เริ่มต้นแบบนั้นจริงๆ และนั่นก็ทำให้ De Bethune มีความแตกต่างจากแบรนด์นาฬิกาอิสระรายอื่นๆ ด้วยซึ่งเป็นผลให้จนถึงขณะนี้เรามีกลไกแบบต่างๆ ที่พัฒนาและผลิตขึ้นเองทั้งหมดรวม 15 แบบแล้ว ซึ่งถือว่ามากทีเดียวสำหรับแบรนด์ที่มีอายุเพียง 10 ปี (De Bethune ถือกำเนิดในปี 2002) และไม่ใช่แค่กลไกเท่านั้น แม้แต่ตัวเรือน หน้าปัด รวมถึงแฟลตสปริงและบาลานซ์วีล เราก็ทำขึ้นเองแบบอินเฮ้าส์ทั้งสิ้น หรือถ้าพูดถึงขั้นตอนต่างๆ อย่างเช่นการกัลวาไนซ์เราก็ทำเอง ไม่มีการส่งชิ้นส่วนออกไปให้ซัพพลายเออร์ข้างนอกทำเลย เพราะเราเชื่อว่าถ้าเราจะสร้างอะไรที่เป็นสิ่งพิเศษ เราจะต้องทำมันขึ้นด้วยตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
IAW: ส่วนประกอบของนาฬิกานี่มันเยอะมาก กลไกทั้ง 15 แบบนี่ De Bethune พัฒนาขึ้นเองทั้งหมดเลยตั้งแต่ต้น?
ใช่ เรามีฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเราเองเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับวงการ รวมถึงนำวัสดุใหม่ๆ ที่ได้จากเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ทำชิ้นส่วนต่างๆ อย่างซิลิเซียมนั้นเราเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2006 เป็นรายแรกๆ ของโลก ก่อน Patek Philippe ด้วยซ้ำ หรืออย่างการใช้ไทเทเนียมบริดจ์หรือแพลตินั่มเวจ การใช้พิลลาร์แบบที่ไม่เหมือนใคร ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากการหลอมรวมประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมบนพื้นฐานอันชาญฉลาดในการออกแบบ นี่ล่ะเป็นความสมบูรณ์แบบของ De Bethune เป็นงานศิลป์ชั้นเอกแห่งโลกนาฬิกาแบบครบองค์ประกอบ
IAW: De Bethune น่าจะเป็นแบรนด์อินดี้ที่มีการจดสิทธิบัตรมากที่สุด มีอะไรบ้างครับ
เรามีระบบและชิ้นส่วนที่คิดค้นขึ้นและจดสิทธิบัตรไว้มากมายเลยครับ เช่น ระบบแสดงมูนเฟสอันซับซ้อนของเรานี่ก็ใช่ บาร์เรลที่มีพาลเลททับทิมของเรานี่ก็ใช่เพื่อทำให้เกิดแรงเสียดทานน้อยที่สุด บนโรเตอร์ก็มีบอลแบริ่งเพื่อซึมซับแรงสะเทือนด้วยเช่นกัน โดยโรเตอร์จะทำจากไทเทเนียมและมีเวทเป็นแพลตินั่ม โรเตอร์จึงแกว่งได้ลื่นสุดๆ และยังมีอีกมาก รวมไปถึงพาราชูท ที่ทำหน้าที่ซึมซับแรงสะเทือนที่จะมีผลกระทบต่อการทำงานของบาลานซ์วีล ก็เป็นระบบที่เราจดสิทธิบัตรเอาไว้แล้วเช่นกัน
IAW: ด้านหลังกลไกเกือบทุกชุดมักจะถูกปิดด้วยเพลทลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม มีความหมายอะไรครับ
เป็นเอกลักษณ์แห่งดีไซน์ของเรา David อยากให้เห็นว่าหลายๆ อย่างของ De Bethune ไม่เหมือนใครและมีสิ่งบ่งชี้ได้ทันทีว่านี่คือ De Bethune
IAW: ดูจากสื่อต่างๆ ที่ออกมา นับว่า De Bethune ค่อนข้างเปิดเผยเทคนิคกลไกต่างๆ ของตัวเองมากทีเดียวในขณะที่หลายแบรนด์ค่อนข้างปกปิดข้อมูลเหล่านี้
Mr. David เชื่อว่าถ้าเรามั่นใจในความสามารถของตัวเอง ก็ไม่มีอะไรต้องปกปิดในสิ่งที่ทำสำเร็จแล้ว เพราะเราก็ยังคงพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ จึงไม่มีอะไรที่จะต้องปกปิดแม้จะมีคนพยายามลอกเลียนแบบก็ตาม
IAW: จนถึงวันนี้ มีนาฬิกา De Bethune อยู่ในมือคนรักนาฬิกาทั่วโลกมากน้อยแค่ไหนแล้วครับ
ทั้งหมดราว 1,500 เรือนแล้ว ปีแรกๆ เราอาจผลิตได้ไม่มากนัก ปีแรกเราทำได้ 35 เรือน ขยับเป็น 65 เรือน 80 เรือน มากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงปี 2008 ที่เราทำได้เกินร้อยเรือน ปีที่แล้วเราผลิตได้ 240 เรือน ส่วนปีนี้น่าจะจบที่ 320 เรือน และเราเชื่อว่าเราจะผลิตได้ราว 500 เรือนต่อปีในอนาคตอันใกล้และน่าจะคงตัวเลขอยู่ประมาณนี้ซึ่งเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับกำลังการผลิตของเรา
IAW: เงินลงทุนทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นเป็นของ Mr. David ทั้งหมดเลยหรือครับ
ส่วนใหญ่ใช่ครับ เขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นผู้ดูแลทิศทางของแบรนด์และส่งเสริมให้แบรนด์เติบโตขึ้นเพื่อคนที่ชอบและรักในเรื่องของเครื่องบอกเวลาโดยเฉพาะ ดังนั้นเงินลงทุน กำลังการผลิต การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกิจกรรมทางการตลาดจึงต้องเหมาะสมกันตลอดเวลา
IAW: หลังๆ De Bethune ทำนาฬิกาออกมาในขนาดตัวเรือนที่เล็กลงกว่าเดิม เป็นเพราะต้องการให้เข้าตานักสะสมนาฬิกาชาวเอเชียมากขึ้นหรือเปล่า
ก็ไม่เชิง ล่าสุดเรามี DB25 ในขนาดตัวเรือน 40 มิลลิเมตร ออกมา จริงที่ว่าในเอเชียก็มีนักสะสมนาฬิกาอยู่มากและก็ให้การต้อนรับเราดี แต่นักสะสมในอิตาลีก็ชอบนาฬิกาที่ตัวเรือนไม่ใหญ่มากเช่นกัน จึงไม่ใช่ว่าตลาดเอเชียเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เราทำ แต่เป็นความเหมาะสมมากกว่า การกระจายนาฬิกาของเรานั้นเรามองที่ความบาลานซ์เป็นหลัก ไม่ได้เน้นไปที่ตลาดภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งมากเป็นพิเศษ
บทสัมภาษณ์นี้บอกได้หลายอย่างถึงความเป็นแบรนด์อินดี้ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงมือผลิตด้วยตัวเองซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของแบรนด์นาฬิกากลุ่มนี้ เชื่อว่า De Bethune น่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้เราเห็นได้มากขึ้นๆ เร็วๆ นี้
By: Pramote R. & Viracharn T.