De Bethune DB28 Yellow Tone
ภายในห้องปฏิบัติการของ De Bethune ณ เลอ'ออเบอร์สัน อนุภาคซึ่งเล็กที่สุดจึงกลายเป็นสารเรืองแสง โดยเฉพาะไทเทเนียมที่จะสามารถปล่อยแสงเรืองรองให้สามารถมองเห็นได้ จากวัตถุที่เกิดการออกซิไดซ์ พร้อมด้วยคุณสมบัติที่เปลี่ยน รวมถึงพื้นผิว รูปลักษณ์ และสีสัน อันเป็นสีธรรมชาติสีที่จะเผยตัวขึ้นมา โดย Denis Flageollet ช่างนาฬิการะดับมาสเตอร์และผู้ก่อตั้ง De Bethune พร้อมทีมงาน ทำการศึกษาและค้นหาระดับความเข้มต่างๆ ของโทนสีน้ำเงิน โดยสีน้ำเงินธรรมชาตินับเป็นสีที่เชื่อมโยงถึงแนวคิด แห่งความเป็นนิรันดร์อย่างไม่สิ้นสุด และความสมดุลกลมกลืนก็ถือเป็นหนึ่งในแนวคิดหลักที่ De Bethune ทำการศึกษาวิจัย และกลายเป็นสีที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ในปัจจุบัน
ด้วยความยึดมั่นของ De Bethune ในการที่จะถ่ายทอดสีสันแห่งธรรมชาติของธาตุทั้งสี่คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งโทนสีอันอบอุ่นโทนใหม่ ซึ่งตรงกันข้ามกับสีน้ำเงินซึ่งเป็นโทนสีเย็น คือเฉดสีเหลืองอำพันและสีบลอนด์ของเปลวเพลิง ที่สะท้อนถึงสีแห่งไฟ ดวงอาทิตย์ ความอบอุ่น และความหรูหรา รวมทั้งรัศมีแวววาวที่ยากจะหาสิ่งใดเทียบ ที่จะเปล่งประกายออกจากพื้นผิว สื่อความหมายถึงพลัง ความรื่นเริง และความแข็งแกร่ง โดย De Bethune นำเทคนิคเฉพาะอันโด่งดังในการนำไทเทเนียมเกรด 5 มาผ่านกระบวนการออกซิไดซ์อย่างนุ่มนวล เพื่อสร้างเหลือบสีบนพื้นผิวโลหะอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งกระบวนการสร้างสรรค์นี้ ได้แปรเปลี่ยนวัสดุสู่โทนสีเหลืองประกายเพลิง อันสวยสะกดสายตา โดดเด่น และหาได้ยากยิ่ง โดยเป็นการนำมาใช้กับทั้งชิ้นส่วนตัวเรือน และชิ้นส่วนในชุดกลไก ดังนั้นแต่ละองค์ประกอบจึงต้องผ่านการสอบทีละชิ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าชิ้นส่วนต่างๆ จะมีสีสันในโทนเดียวกันอย่างงดงาม
De Bethune DB28 ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมเกรด 5 ขัดเงา โดยมีหูสายแบบเกาะให้ตัวเรือนลอยอยู่บนข้อมือ ซึ่งตัวเรือนขนาดปานกลางนี้ ผ่านการผสมผสานอย่างกลมกลืน และปรับให้ดูโดดเด่นยิ่งกว่า ชวนให้หวนนึกถึงจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ ผลงานในคอลเลคชั่นแรกๆ ของแบรนด์ ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ พร้อมมูนเฟสอันโดดเด่นและผ่านการจดสิทธิบัตรเฉพาะจาก De Bethune ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาที่ผลิตจากสตีลและแพลลาเดียม ในขณะที่เอสเคปเม้นท์สมรรถนะสูงซึ่งพัฒนาขึ้นโดย De Bethune จะประกอบไปด้วยบาลานซ์วีลไทเทเนียม พร้อมโรเตอร์ไวท์โกลด์ และบาลานซ์สปริงปลายโค้งแบบแบน ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ถึงอัตราการถ่วงแรงเฉื่อยที่เหมาะสม กับการทำงานบนความถี่ที่สูง 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง นอกจากนี้มีคุณสมบัติโดดเด่นอีกหลากหลายด้าน ทั้งในแง่ของหลักกลศาสตร์ ประสิทธิภาพสูงสุด ความไว้วางใจและเชื่อถือได้ คุณภาพของการควบคุม การปรับตั้ง การชดเชยอุณหภูมิความร้อน และการต้านทานอิทธิพลของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งรวมกันมอบเป็นผลลัพธ์อันเป็นรูปธรรมของพลังสำรองลานที่ยาวนานขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
กลไกไขลานอินเฮ้าคาลิเบอร์นี้ ยังมีระบบรองรับแรงกระแทก “ทริปเปิล “แพร์-ช็อค” ซึ่งไม่แค่เพียงเป็นบริษัทผู้ผลิตร่วมสมัยรายแรก ที่ออกแบบสะพานจักรยึดแบบสมมาตรทั้งสองด้าน เพื่อรักษาให้บาลานซ์วีลทำงานอยู่ในตำแหน่งได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่ยังได้ผสานชุดรองรับแรงกระแทกถึงสองชุด ณ แต่ละปลายของสะพานจักร นอกเหนือไปจากตัวรองรับแรงกระแทกของบาลานซ์วีลเอง อันเป็นที่มาของชื่อให้ “ทริปเปิล แพร์-ช็อค”
งานขัดแต่งพื้นผิวเป็นขั้นตอนที่จะกระทำด้วยมือทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งการติดตั้งสะพานจักรของระบบการทำงาน ซึ่งผลิตจากไทเทเนียมขัดเงา จะตกแต่งด้วยลวดลาย “โคตส เดอ บีทูน” (“Côtes De Bethune”) ในขณะที่บนสะพานจักร และวีลต่างๆ จะตกแต่งด้วยงานโรส-เวิร์ค (rose-work) และแสดงเวลาผ่านเข็มชี้แบบสเกเลตัน โดยมาร์กเกอร์ทรงกลมจะผลิตจากสตีล ที่ผ่านการขัดเงาอย่างแวววาวประดับอยู่บนหน้าปัด ประกอบคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำตาล และหัวเข็มขัดสีเหลืองทองที่ผลิตจากวัสดุและวิธีการเดียวกันกับตัวเรือน ที่จะมอบทั้งประโยชน์การใช้งาน ความสะดวกสบายขณะสวมใส่ รวมทั้งความงดงาม หรูหรา ที่แตกต่างอย่างมีชั้นเชิง โดยผู้สวมใส่จะเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะรับรู้ได้ถึงความพิเศษอันแวววาว ที่เบาหวิวอย่างน่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้
