เจเนอเรชั่นใหม่ของนาฬิกา BUBBLE จาก CORUM
คงไม่มีใครปฏิเสธถึงความยอดเยี่ยมของ CORUM (โฆรุ่ม) ในการธำรงการผลิตนาฬิการะดับ ไฮ-เอนด์ ชั้นเลิศของชาวสวิสมาตลอดกว่าหกทศวรรษนับจากถือกำเนิดขึ้นใน ลา โชซ์-เดอ-ฟงด์ส เมื่อ ค.ศ. 1955 เป็นต้นมา ผลงานของ CORUM ต่างเป็นที่ยอมรับนับถือทั้งในด้านความงามเลิศและด้านคุณสมบัติทางเทคนิคกลไกโดยมีนวัตกรรมกลไกและรูปโฉมนาฬิกาอันเป็นอมตะมากมายเป็นเครื่องยืนยันถึงความยอดเยี่ยมนี้ เราจะมาอัพเดทถึงเรื่องราวในวันนี้ของ CORUM และคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของ Bubble (บับเบิ้ล)นาฬิการะดับไอคอนสุดโด่งดังของแบรนด์
การเข้าบริหารกิจการบริษัท Montres Corum Sarl. ของ Mr. Davide Traxler ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ได้ทำให้ทิศทางของผลิตผลและบริษัทมีความเด่นชัดยิ่งขึ้น ด้วยประสบการณ์ในวงการธุรกิจระดับหรูที่ชายชาวสวิสที่ถือกำเนิดในนครนิวยอร์กผู้นี้สั่งสมมาอย่างช่ำชองกว่าสิบปี อีกทั้งเขายังเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจในวัฒนธรรมยุโรปและวัฒนธรรมอเมริกันเป็นอย่างดีด้วย เขาตระหนักดีว่าจุดเด่นของ CORUM ก็คือ นาฬิการะดับไอคอนเปี่ยมเอกลักษณ์ทั้งหลาย อันได้แก่ Admiral’s Cup (แอดไมรัล’ส คัพ), Coin Watch (คอยน์ วอตช์), Golden Bridge (โกลเด้นบริดจ์) และ Bubble (บับเบิ้ล) ซึงนาฬิกาแต่ละแบบล้วนให้อารมณ์กับผู้คนในสไตล์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเขาจึงวางแนวทางให้นาฬิกาแต่ละแบบมีความหลากหลายอยู่ในคอลเลคชั่น ทั้งในด้านวัสดุ รูปแบบการตกแต่ง และรูปแบบกับฟังก์ชั่นของกลไก ขณะที่จะต้องคงบุคลิกและตัวตนของตัวเองเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นธงสัญลักษณ์ทางการเดินเรือทะเลของ Admiral’s Cup, การนำเงินเหรียญทองคำแท้มาใช้เป็นหน้าปัดของ Coin Watch, รูปแบบกลไกสะพานจักรแนวแท่งยาวของ Golden Bridge และกระจกแซฟไฟร์ทรงโดมนูนสุดสะดุดตาของ Bubble ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ขับเน้นให้นาฬิกา CORUM โดดเด่นออกมาจากนาฬิกาของผู้ผลิตรายอื่นๆ
Mr. Davide Traxler ซีโอโอ คนปัจจุบันของ CORUM
หลังจากที่นาฬิกา Bubble ห่างหายไปจากวงการนานหลายปีด้วยเหตุผลการตัดสินใจของผู้บริหาร ณ ขณะนั้น แม้ว่าจะยังคงมีสถานะเป็นนาฬิกาที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ก็ตาม ในที่สุดด้วยวิสัยทัศน์ของ Mr. Davide นาฬิกา Bubble จึงกลับมาจุติใหม่อีกครั้งเมื่อปี 2015 ในตัวเรือนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยมีรูปโฉมในภาพรวมเป็นเช่นเดียวกับนาฬิกา Bubble แบบเดิมที่คนทั่วโลกหลงใหล เช่นเดียวกับรูปแบบของธีมหน้าปัดที่ถูกสร้างสรรค์ออกมามากมายให้เลือกสรรตามรสนิยมของแต่ละคนเพื่อให้ภาพหรือลักษณะของหน้าปัดเป็นเครื่องบ่งบอกตัวตนของผู้เป็นเจ้าของ เฉกเช่นธรรมเนียมปฏิบัติที่กระทำมาในอดีตซึ่งเคยเขย่าวงการนาฬิกาโลกมาแล้ว และการอุทิศหน้าปัดเป็นพื้นที่ในการสร้างงานศิลป์เช่นนี้ก็จะทำให้เกิดการสร้างสรรค์ด้วยแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ อยู่เสมอจากจินตนาการที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์
Bubble Gaming สนุกไปกับการเดิมพัน
ความสุขจากการเสี่ยงโชคเป็นอะไรที่อยู่คู่กับมนุษย์มานานแสนนาน และในปี 2016 CORUM ก็ได้สร้างสรรค์ซีรี่ส์ Gaming (เกมมิ่ง) ให้กับ Bubble (บับเบิ้ล) ขึ้นมาโดยเป็นนาฬิกาสุดพิเศษถึง 5 รุ่นด้วยกัน ซึ่งจะเป็นการผลิตในแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น จำนวนจำกัดเพียงรุ่นละ 88 เรือนเท่านั้น (ยกเว้นเพียงรุ่น Bubble Roulette ซึ่งผลิตออกมาทั้งหมด 288 เรือน) ด้วยความหมายโดยนัยเป็นการรำลึกถึงนาฬิกา Bubble รุ่นดั้งเดิมที่เคยมีการจำลองลักษณะของการเสี่ยงโชคมาไว้บนหน้าปัดออกมาก่อนแล้ว อันได้แก่รุ่น Roulette และรุ่น Joker
นาฬิกา 5 รุ่นใน ซีรี่ส์ Bubble Gaming (บับเบิ้ล เกมมิ่ง) นี้ นอกจากจะมีรุ่น Roulette (รูเล็ต) และรุ่น Joker (โจ๊กเกอร์) ที่มากับหน้าปัดที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่แล้ว ยังได้ออกแบบธีมการเสี่ยงโชคเพิ่มมาอีก 3 รูปแบบหน้าปัด นั่นก็คือ รุ่น 8 Ball (เอ้กท์บอลล์), รุ่น Casino Chip (คาสิโน ชิพ)และรุ่น Dice (ไดซ์) โดยทุกรุ่นจะใช้ตัวเรือนสตีล ขนาด 47 มม. ที่ผนึกด้วยโดมกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนอันแสนโดดเด่น โดยมีฝาหลังกรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่เคลือบสารกันแสงสะท้อนเอาไว้เช่นกัน สวมคู่มากับสายยางสีดำ และเรือนหมายเลขที่ 88 ของแต่ละรุ่น (สำหรับรุ่น Roulette จะเป็นเรือนที่ 288) จะมีความพิเศษยิ่งขึ้นด้วยการใช้ขอบตัวเรือนและเม็ดมะยมเป็นวัสดุโรสโกลด์ สวมคู่มากับสายวัสดุหนังจระเข้สีดำที่เย็บประกบบนวัสดุยางสีดำ ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ ที่ให้กำลังสำรองได้ 42 ชั่วโมง แสดงเวลาแบบสามเข็ม ด้วยเข็มชั่วโมงกับนาทีทรงใบไม้ฉลุโปร่งและเข็มวินาทีทรงเรียว
หน้าปัดของรุ่น Bubble 8 Ball (บับเบิ้ล เอ้กท์บอลล์) กับรุ่น Bubble Roulette (บับเบิ้ล รูเล็ต) นั้นถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นสามมิติ โดยรุ่น 8 Ball จะมีลูกบอลพิมพ์หมายเลข 8 ดุนนูนขึ้นมาจากพื้นหน้าปัดเพื่อให้กลมกลืนกับความโค้งของกระจกหน้าปัด และแสดงเวลาด้วยเข็มเคลือบโรเดียม ส่วนรุ่น Roulette นั้นแน่นอนว่าเป็นการจำลองรูปแบบมาจากวงล้อรูเล็ตโดยมีการสร้างลักษณะเส้นกรอบของช่องขึ้นมาอย่างพิถีพิถันเช่นเดียวกับลูกรูเล็ตสีขาวที่ติดตั้งบนส่วนปลายของเข็มวินาทีสีดำ ส่วนเข็มชั่วโมงกับนาทีจะเคลือบด้วยโรเดียม
หน้าปัดของรุ่น Bubble Dice (บับเบิ้ล ไดซ์) ถ่ายทอดเกมการเดิมพันด้วยหน้าปัดที่เป็นภาพลูกเต๋าสีแดงเหลือบเงาวาว 2 ลูก ที่ทุกหน้าล้วนปรากฎจุดสีขาวเป็นหน้าหก อยู่บนพื้นแบ็คกราวด์สีเขียวดุจสักหลาดบนพื้นโต๊ะพนันในคาสิโน ทั้งยังเสริมด้วยเลข 6 อารบิกสีดำขนาดใหญ่เป็นหลักชั่วโมง ณ ตำแหน่ง 3 กับ 6 นาฬิกาด้วย เพื่อให้บนหน้าปัดนี้มีแต่เลข 6 อันเป็นแต้มสูงสุดของลูกเต๋า โดยจะแสดงเวลาด้วยเข็มเคลือบสีดำเงา ทั้งยังเป็นรุ่นเดียวในซีรี่ส์นี้ที่มีการเจาะหน้าต่างแสดงวันที่มาให้ทั้งยังออกแบบให้เป็นหน้าต่างทรงกลมภายในรูกลมของเลข 6 ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาอย่างพอดิบพอดี
หน้าปัดของรุ่น Bubble Joker (บับเบิ้ล โจ๊กเกอร์) โดดเด่นด้วยครึ่งใบหน้าโจ๊กเกอร์ตัวร้ายบนพื้นแบ็คกราวด์สีขาวของหน้าปัดซึ่งเป็นภาพสไตล์ ป็อป-อาร์ต ร่วมด้วยเลขอารบิกสีดำขนาดใหญ่ 2 ตัว วางเป็นหลักชั่วโมงด้วย โดยเลข 6 จะอยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาตามปกติ ขณะที่เลข 8 จะอยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาด้วยเหตุผลในการเสริมโชค ขณะที่มีลายมือเขียนคำว่า JOKER วางแนวเชื่อมโยงระหว่างตัวเลขทั้งสอง ทั้งยังมีการเคลือบสีดำเงาให้กับเข็มทั้งสามด้วย
หน้าปัดของรุ่น Bubble Casino (บับเบิ้ล คาสิโน) ถูกออกแบบให้แสดงถึงเกมไพ่เดิมพันสูงด้วยลักษณะของการวางไพ่ครบทุกดอกร่วมกับแผงชิปสีดำปรากฎตัวเลขหนึ่งล้านเหรียญสีเหลือง ถือเป็นเคล็ดแห่งโชคลาภ โดยแสดงเวลาด้วยเข็มเคลือบโรเดียมและใช้เข็มวินาทีเป็นสีแดง และมีตัวเรือนเป็นแบบเคลือบพีวีดีสีดำ
Bubble Dani Olivier เมื่อภาพนู้ดแอ็บสแทร็ก ปรากฏบนหน้าปัดนาฬิกา
ภาพถ่ายนู้ดมโนศิลปะที่ถ่ายจากการจัดแนวฉายแสงเป็นเส้นลายริ้วสีไปบนเรือนร่างของหญิงสาวบนพื้นแบ็คกราวด์สีดำสนิท ผลงานของ Dani Olivier (แดนิ โอลิวิเยร์) ช่างภาพแนว “แอ็บสแทร็ก แอนด์ ไซเคเดลิก นู้ดส” ชาวฝรั่งเศส ถูก CORUM นำมาถ่ายทอดลงบนหน้าปัดของนาฬิกา Bubble รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น 2 แบบด้วยกันในจำนวนจำกัดเพียงแบบละ 88 เรือน โดยเป็นการย่อภาพเด่น 2 ภาพของเขามาไว้บนหน้าปัดของแต่ละรุ่น
ความร่วมมือระหว่าง Dani กับ CORUM เริ่มต้นขึ้นในปี 2015 จากนั้นกระบวนการผลิตนาฬิกา 2 รุ่นแรกที่ปรากฎภาพถ่ายอันยอดเยี่ยมของเขาก็ได้เริ่มขึ้น โดยเสร็จสมบูรณ์พร้อมจำหน่ายในปี 2016 ภาพถ่ายของ Dani ถูกนำมาย่อส่วนและพิมพ์ด้วยความละเอียดสูงบนหน้าปัดของนาฬิกา Bubble เพื่อให้เป็นภาพศิลป์นู้ดสไตล์ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์บนเรือนเวลาข้อมือที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติดุจภาพต้นฉบับของเขา และเพื่อองค์ประกอบที่งดงามที่สุด แม้โลโก้ของ CORUM และลายเซ็นของ Olivier ที่วางไว้ ณ ตำแหน่ง 3 กับ 9 นาฬิกา ก็ยังถูกพิมพ์เป็นริ้วสีเช่นเดียวกับแสงบนเรือนร่างนางแบบด้วย
นาฬิการุ่นนี้แสดงเวลาด้วยเข็มเคลือบโรเดียม 3 เข็ม โดยมีเข็มชั่วโมงกับนาทีเป็นทรงใบไม้ฉลุโปร่งและมีเข็มวินาทีเป็นทรงเรียว เพื่อให้อ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนโดยไม่รบกวนการเสพภาพศิลป์บนหน้าปัด และเพื่อให้เข้ากับสีดำของแบ็คกราวด์ภาพ ตัวเรือนสตีล ขนาด 47 มม. ของรุ่นนี้จึงถูกเคลือบพีวีดีให้เป็นสีดำ และแน่นอนว่าจะต้องผนึกด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดมนูนเคลือบสารกันแสงสะท้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bubble ขณะที่ฝาหลังก็กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนเพื่อให้มองเห็นกลไกอัตโนมัติ กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง ที่เป็นขุมกำลังในการขับเคลื่อนนาฬิกา ส่วนสายนาฬิกาที่ใช้จะเป็นวัสดุหนังวัวสีดำที่เย็บประกบบนวัสดุยางสีดำ และพิเศษสุดสำหรับเรือนหมายเลขที่ 88 ของแต่ละแบบ ด้วยการใช้ขอบตัวเรือนกับเม็ดมะยมที่ทำจากโรสโกลด์ และสวมคู่มากับสายวัสดุหนังจระเข้สีดำที่เย็บประกบบนวัสดุยางสีดำ
Bubble 42 mm นาฬิกา Bubble ไซส์ย่อมสำหรับคนข้อมือเล็กหรือผู้ปรารถนา Bubble ในขนาดเดียวกับนาฬิกาทั่วไป
การคืนชีพของ Bubble เมื่อปี 2015 ล้วนมาพร้อมกับตัวเรือนขนาดใหญ่ถึง 47 มม. ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่นดั้งเดิม อันเป็นไปตามสมัยนิยมที่ผู้คนในปัจจุบันต่างสวมใส่นาฬิกาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังคงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นคุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิงซึ่งอาจมีขนาดข้อมือที่เล็กหรือไม่ก็ปรารถนา Bubble ในตัวเรือนที่มีขนาดย่อมลงมา ทาง CORUM คงจะรับรู้ได้ในเรื่องนี้ จึงได้เริ่มทำการผลิตนาฬิกา Bubble ตัวเรือนขนาด 42 มม. ออกมาในปี 2016 เพื่อตอบสนองความต้องการนี้
CORUM เปิดตัว Bubble ขนาด 42 มม. ออกมาหลายเวอร์ชั่นด้วยกัน โดยมีทั้งเวอร์ชั่นที่นำบางรูปแบบหน้าปัดของรุ่นตัวเรือนขนาดใหญ่มาปรับใช้ และเวอร์ชั่นที่ดีไซน์หน้าปัดขึ้นมาใหม่เพื่อใช้กับตัวเรือนขนาด 42 มม. โดยเฉพาะ แน่นอนว่าแต่ละเวอร์ชั่นต่างก็มีรายละเอียดการตกแต่งที่แตกต่างกันเพื่อให้เข้ากับธีมของตน อาทิ เวอร์ชั่น กรีน ไพธอน หน้าปัดลายหนังงูสีเขียว ที่ใช้กลไกอัตโนมัติแสดงเวลาแบบ 3 เข็ม บรรจุมาในตัวเรือนสตีลเคลือบพีวีดีสีดำ สวมคู่กับสายที่เป็นวัสดุหนังงูไพธอนสีเขียวเย็บประกบบนวัสดุยางสีดำ ตลอดจนเวอร์ชั่นหน้าปัดสีขาว, เวอร์ชั่นหน้าปัดสีฟ้า และเวอร์ชั่นหน้าปัดสีชมพู ซึ่งต่างก็ใช้หน้าปัดเปลือกหอยมุกและทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติที่แสดงวินาทีด้วยเข็มขนาดเล็กทรงโลโก้ CORUM เช่นเดียวกัน โดยจะมากับตัวเรือนสตีล, ตัวเรือนสตีลพร้อมขอบตัวเรือนแบบประดับเพชร หรือตัวเรือนสตีลพร้อมเม็ดมะยมโรสโกลด์และใช้ขอบตัวเรือนโรสโกลด์ประดับเพชร สวมคู่มากับสายที่ใช้หนังจระเข้ในโทนสีที่เข้ากับสีของหน้าปัดเย็บประกบกับวัสดุยาง โดยทุกเวอร์ชั่นล้วนถูกผลิตขึ้นในแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น จำนวนจำกัดเพียงเวอร์ชั่นละ 88 เรือนเท่านั้น
เมื่อได้เห็นบรรดา Bubble เจเนอเรชั่นใหม่เหล่านี้แล้ว เราเชื่อว่านาฬิกา Bubble จะยังคงธำรงไว้ซึ่งการเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงที่ต้องการนาฬิกาสไตล์สนุกสนานเพื่อหลีกหนีจากความจำเจจากรูปแบบเดิมๆ ได้อย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการสวมใส่และเก็บสะสม Bubble รูปแบบต่างๆ ที่จะทยอยตามกันออกมาในอนาคตได้อีกด้วย
By: Viracharn T.