CHRONOSWISS Opus นาฬิกาดีที่ถูกลืม
By Dr. Attawoot Papangkorn
Chronoswiss แบรนด์นาฬิกาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ก่อตั้งโดย Mr. Gerd-R Lang ในช่วงปี 1980 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมนักในการก่อตั้งและดำเนินธุรกิจผลิตนาฬิกาแบบกลไกเนื่องจากช่วงนั้นนาฬิกาควอตซ์ที่มีความเที่ยงตรงสูงกว่าแต่ราคาถูกกว่ามากมายึดครองตลาดนาฬิกาแบบกลไกไปเกือบทั้งหมด และถือเป็นช่วงวิกฤตครั้งใหญ่ของวงการผู้ผลิตนาฬิกาในยุโรปเลยก็ว่าได้ หลายบริษัทถึงกับต้องลดขนาดองค์กรเพื่อประคับประคองตัวเอง และเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่อีกหลายบริษัทต้องล้มละลายหรือปิดตัวลง แต่ Mr. Gerd-R Lang ก็ยังตระหนักถึงความเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการนาฬิกาในครั้งนั้นไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของตลาดนาฬิกาแบบกลไก แต่เป็นเพียงจุดสิ้นสุดของนาฬิกาเชิงกลไกสำหรับคนทั่วไปเท่านั้น แต่ความปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของนาฬิกาเชิงกลไกที่เป็นนวัตกรรมชั้นยอดและมีคุณภาพสูงเหล่านี้จะยังคงมีอยู่และสามารถเติบโตได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยจะไม่มีนาฬิกาควอตซ์เรือนใดที่จะสามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวเฉกเช่นนาฬิกาเชิงกลไกได้ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฝ่าฟันอุปสรรคและนำบริษัทก้าวไปข้างหน้าด้วยจุดยืนที่ชัดเจน Chronoswiss จึงวางตำแหน่งตัวเองเป็นนาฬิกาสำหรับนักสะสมที่มีความหลงใหลและมีความรู้เกี่ยวกับนาฬิกาอย่างเข้าเส้น และผลงานชิ้นโบว์แดงของ Chronoswiss ที่ทำให้วงการนาฬิกาทั่วโลกต้องตกตะลึงมาแล้วนั่นก็คือ Chronoswiss รุ่น Opus
Mr. Gerd-R Lang
Opus เป็นนาฬิกาแบบสเกลเลตันโครโนกราฟที่สร้างชื่อให้กับ Chronoswiss เป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นนาฬิกากลไกอัตโนมัติสเกลเลตันโครโนกราฟเรือนแรกของโลก สิ่งที่ตอกย้ำถึงการเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ Chronoswiss นั่นก็คือการได้รับรางวัล Watch of the year ในปี 1996 และ 1998 ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่นาฬิการุ่นเดียวกันจะได้รับรางวัลเช่นนี้ถึงสองปีซ้อน จึงถือเป็นนาฬิกาที่มีดีกรีไม่ธรรมดาเลยทีเดียวยิ่งเมื่อเทียบจากประวัติและความยาวนานของแบรนด์ที่ถือว่าไม่ยาวนานนักเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ Opus มาพร้อมตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร ความหนา 14.5 มิลลิเมตร และขนาดความกว้างของขาตัวเรือน 20 มิลลิเมตร มีขอบตัวเรือนหยักคล้ายขอบเหรียญซึ่งนิยมใช้ ในนาฬิกา Chronoswiss หลายๆ รุ่นที่เน้นความคลาสสิค เลือกใช้กระจกแบบคริสตัลแซฟไฟร์เพื่อการป้องกันรอยขีดข่วน หน้าปัดผลิตจากซีลเวอร์สเตอร์ริงค์ซึ่งแทบจะไม่เหลือให้เห็นเนื่องจากหน้าปัดถูกฉลุและเปลือยให้เห็นกลไลการทำงานภายในของนาฬิากาอย่างชัดเจนเกือบทั้งหมด เหลือไว้แต่ซับไดอัลจำนวนสี่วง โดยมีวงจับเวลาจำนวนสามวง ถูกวางตำแหน่งที่ 6, 9 และ 12 นาฬิกาเหมือนกับนาฬิกากลไก 7750 ทั่วไป แต่ที่พิเศษคือวงที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาเพื่อบอกวันที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวง และทำให้ดูแปลกตากว่ากลไก 7750 ทั่วไป ซึ่งโดยรวมแล้ว จะเห็นได้ว่า Opus เรือนนี้ประกอบขึ้นด้วยมือและความตั้งใจตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบอย่างประณีตสวยงาม รับรู้ได้ถึงความหรูหราและสะดุดต่อสายตาของผู้ที่พบเห็น โดยขนาดของตัวเรือนก็ไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ค่อนไปทางหนาเล็กน้อย ซึ้งโดยรวมแล้วน่าจะเหมาะที่จะใส่ออกงานในโอกาสพิเศษมากกว่าใส่ใช้งานในชีวิตประจำวัน
ในยุคที่การตลาดอยู่เหนือจิตวิญญาณและตัวตน ทำให้ผู้ผลิตนาฬิกาหลายๆ แบรนด์ต้องฝ่าฟันอุปสรรคชิ้นโตนี้อย่างยากลำบาก บางแบรนด์ยอมเปลี่ยนจุดยืนของตนเพื่อทำให้บริษัทอยู่รอดและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่บางแบรนด์ก็ไม่คิดทำเช่นนั้น Chronoswiss ได้พิสูจน์แล้วว่าทองย่อมคือทอง และไม่จำเป็นต้องเน้นที่จำนวนการผลิตต่อปี แต่เน้นหนักไปที่คุณภาพของนาฬิกาที่ตนผลิต และเชื่อว่าคุณภาพคือสิ่งที่ผู้บริโภครับรู้ได้ชัดเจนที่สุดยามที่ได้ครอบครอง