CHANEL J12 X-Ray Pink Edition, Caliber 3.1

จากกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 3.1 ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นในปี 2020 เพื่อทำให้นาฬิการุ่น J12 X-Ray มีความโปร่งใสได้อย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้องค์ประกอบต่างๆ ในตัวเรือนดูเสมือนลอยได้ กับในปี 2024 นี้ที่สตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาของ CHANEL ภูมิใจนำเสนอนาฬิการุ่น J12 X-Ray Pink Edition ที่มาพร้อมการทำงานของกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 3.1 ชุดพิเศษ พร้อมขอบตัวเรือนที่ผลิตจากวัสดุเบจโกลด์ ที่ประดับด้วยแซฟไฟร์สีชมพูเจียระไน ทรงบาแก็ตต์จำนวนรวม 46 เม็ดน้ำหนักรวมประมาณ 5.61 กะรัต

 

Screenshot 2567 08 30 at 01.52.57

 

โดยนาฬิการุ่น J12 X-Ray Pink Edition นี้จะนำเสนอในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น พร้อมการระบุหมายเลขประจำเรือน ในจำนวนการผลิตทั้งหมดเพียง 12 เรือนทั่วโลก กับนาฬิกาที่ผลิตตัวเรือนจากกระจกแซฟไฟร์ สีชมพูที่ผนวกเข้ากับเบจโกลด์อันงดงาม พร้อมขอบฝาด้านหลังตัวเรือนที่ผลิตจากเบจโกลด์ และกรุด้วยกระจกแซฟไฟร์เพื่อให้สามารถ มองเห็นการทำงานของกลไก นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดกระจกแซฟไฟร์ ที่ประดับด้วยแซฟไฟร์สีชมพูเจียระไนทรงบาแก็ตต์อีกจำนวน 12 เม็ด น้ำหนักประมาณ 0.43 กะรัต

 

2 11 1024x683

 

แสดงเวลาด้วยเข็มและเม็ดมะยม ที่ผลิตจากเบจโกลด์ ประดับด้วยแซฟไฟร์สีชมพูเจียระไนทรงบริลเลียนท์ 1 เม็ด น้ำหนักประมาณ 0.17 กะรัต โดยมีสายที่ผลิตขึ้นจากแซฟไฟร์สีชมพูเช่นกัน พร้อมพินข้อต่อที่ผลิตจากเบจโกลด์ ผนวกเข้ากับแซฟไฟร์สีชมพู เจียระไนทรงบาแก็ตต์จำนวน 12 เม็ดน้ำหนักรวมประมาณ 2.07 กะรัต และชุดล็อคที่ผลิตจากเบจโกลด์แบบพับสามทบ พร้อมให้ความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 30 เมตร ในตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร กับการทำงานของกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 3.1 ที่เป็นแบบไขลานด้วยมือ

 

CHANEL J12 Xray Pink Edition 4 800x533

 

ซึ่งทั้งแท่นยึดชุดกลไก ฐานรอง และแผ่นยึดชุดเฟืองเกียร์ต่างๆ จะผลิตขึ้นจากกระจกแซฟไฟร์ เพื่อความโปร่งแสงสูงสุด และมอบพลังสำรองลานได้นานสูงสุดถึงประมาณ 55 ชั่วโมง โดยมีส่วนประกอบรวม 158 ชิ้น พร้อมการทำงานที่ความถี่ระดับ 28,800 รอบต่อชั่วโมงหรือ 4 เฮริท์ซ โดยมีระบบป้องกันแรงกระแทกและรักษาสมดุลของชุดกลไก ผนวกเข้ากับระบบควบคุมสมดุลแรงเฉื่อยแบบแปรผัน กับกลไกขนาด 29.35 มิลลิเมตรและหนา 6.77 มิลลิเมตร ที่นับได้ว่ากลไกคาลิเบอร์ 3.1 ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2020 นี้

 

25 J12 X Ray Pink Edition

 

ได้รับการสร้างสรรค์มาเพื่อให้สามารถเล่นกับแสง รวมทั้งให้ความโปร่งใสได้อย่างลงตัวในระดับสูง พร้อมกับองค์ประกอบของชิ้นส่วนมากมายหลายชิ้น ที่สร้างขึ้นด้วยกระจกแซฟไฟร์เพื่อทำให้ สามารถมองเห็นชุดบาลานซ์วีลที่ดูเหมือนลอยอยู่ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความสามารถด้านการออกแบบ รวมไปถึงงานการผลิตที่ CHANEL มุ่งหน้าสู่แนวทางใหม่ในการสร้างสรรค์ความพิเศษ ที่เหนือชั้นกว่าแบรนด์นาฬิกาทั่วไปในตลาด และเป็นอีกหนึ่งในบทพิสูจน์ที่ทำให้เห็นความตั้งใจ ในงานสร้างสรรค์ที่ไม่ใช่จะสร้างขึ้นได้ง่ายๆ