Boy-Friend Pink Edition
ปี 2018 ถือเป็นครั้งแรกที่นาฬิกา CHANEL รุ่น Boy-Friend ที่นำเสนอในปี 2015 ได้เผยให้เห็นถึงกลไกการทำงานบนหน้าปัด กับรูปแบบความซับซ้อนของกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 3 ของ CHANEL ที่นำเสนอในแบบเปิดเปลือยหรือสเกเลตัน (Skeleton) ที่ทางแบรนด์ใช้เวลาในการพัฒนาชุดกลไกนี้นานถึง 3 ปีในการออกแบบชุดกลไกนี้ ให้มีความสวยงามที่สามารถมองเห็นได้ทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง โดยยังคงความสามารถด้านการแสดงค่าเวลา ได้อย่างเที่ยงตรงและเชื่อถือได้
และล่าสุดสำหรับปี 2024 นี้ที่สตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาของ CHANEL ได้นำเสนอผลงานนาฬิกาเรือนใหม่อันโดดเด่นในสองรูปแบบ โดยการปรับปรุงและตกแต่งนาฬิการุ่น Boy-Friend ที่มาพร้อมกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 3 ด้วยสีชมพูในหลากหลายเฉด ทั้งในรุ่น X-Ray Skeleton Pink Edition ที่มีตัวเรือนที่ผลิตจากกระจกแซฟไฟร์สีชมพู และรุ่น Skeleton Pink Edition ที่มีตัวเรือนที่ผลิตจากเบจโกลด์ โดยยังคงความโดดเด่นของชุดกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 3 ที่เต็มไปด้วยความสง่างามอันล้ำสมัย
โดยนาฬิการุ่น Boy-Friend X-Ray Skeleton Pink Edition จะนำเสนอในแบบจำนวนจำกัดเพียง 55 เรือนทั่วโลก โดยมีตัวเรือนและขอบตัวเรือนที่ผลิตจากกระจกแซฟไฟร์สีชมพู พร้อมด้านหลังตัวเรือนที่กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์เช่นกัน พร้อมข้อความ “LIMITED TO 55” เพื่อระบุถึงความพิเศษที่มีจำนวนจำกัดของนาฬิการุ่นนี้ พร้อมเม็ดมะยมที่ผลิตจากเบจโกลด์ ประดับด้วยแซฟไฟร์สีชมพูเจียระไน ทรงบาแก็ตต์จำนวนรวม 5 เม็ด น้ำหนักโดยรวมประมาณ 0.15กะรัต
ใช้งานเข้าคู่กันกับสายหนังลูกวัว ลายควิลท์ตามสไตล์ดั้งเดิมของ CHANEL ในโทนสีชมพู เดินด้วยเส้นด้ายทองและชุดล็อค ที่ผลิตจากเบจโกลด์แบบพับสามทบ ให้ความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 30 เมตร โดยมีขนาดตัวเรือนที่ 37 x 28.6 x 8.4 มิลลิเมตร และทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 3 ที่เปิดเปลือยเผยให้เห็นชิ้นส่วนและการทำงานภายใน โดยมีชุดฐานและชุดเฟืองเกียร์เคลือบสีชมพูในโทนเดียวกัน รวมถึงจักรกรอกที่ผ่านการเคลือบในโทนสีเบจโกลด์
ให้พลังสำรองลานนานถึง 55 ชั่วโมง พร้อมการแสดงฟังก์ชั่นการทำงานแบบชั่วโมงและนาที ในความถี่ที่ 28,800 รอบต่อชั่วโมงหรือ 4 เฮริท์ซ พร้อมระบบป้องกันแรงกระแทก และรักษาสมดุลของชุดกลไก ร่วมกันกับระบบควบคุมสมดุลแรงเฉื่อยแบบแปรผัน ในขณะที่นาฬิกาอีกรุ่นคือ Boy-Friend Skeleton Pink Edition จะมีตัวเรือนที่ผลิตจากเบจโกลด์ พร้อมขอบฝาหลังที่กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ กับข้อความ “LIMITED TO 55” เช่นเดียวกัน พร้อมขอบตัวเรือนเบจโกลด์ ที่ประดับด้วยแซฟไฟร์สีชมพู
ที่ผ่านการเจียระไนในทรงบาแก็ตต์จำนวนรวม 38 เม็ดและมีน้ำหนักรวมประมาณ 1.96 กะรัต พร้อมเม็ดมะยมที่ผลิตจากเบจโกลด์ ที่ประดับด้วยแซฟไฟร์สีชมพู เจียระไนทรงบาแก็ตต์จำนวน 5 เม็ดน้ำหนักประมาณ 0.15 กะรัต เช่นกัน ใช้งานคู่กับสายหนังลูกวัวลายควิลท์สีชมพู เดินเส้นด้ายทองและชุดล็อคเบจโกลด์ แบบพับสามทบที่ประดับด้วยแซฟไฟร์ สีชมพูเจียระไนทรงบาแก็ตต์จำนวน 23 เม็ดน้ำหนักประมาณ 0.89 กะรัต รวมแซฟไฟร์เจียระไนทรงบาแก็ตต์ทั้งหมด 66 เม็ดและน้ำหนักรวมประมาณถึง 3 กะรัต
ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในบทพิสูจน์ของความมุ่งมั่น ในการก้าวเข้าสู่โลกแห่งเครื่องบอกเวลาระดับสูง พร้อมความงดงามและละเมียดละไมในสไตล์ของ CHANEL ที่มีพร้อมทั้งภาพลักษณ์ของความสง่างาม ทรงคุณค่า และเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการออกแบบ งานด้านการผลิต หรืองานด้านการพัฒนาชุดกลไก รวมทั้งงานทางด้านวัสดุศาสตร์ ที่ CHANEL มีความพร้อมในการผลักดันสไตล์ ในแบบของตัวเองออกสู่โลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ