SIHH 2018 - Santos de Cartier Watch ไฉไลสุดๆ กับ CARTIER Santos เจเนอเรชั่นใหม่
นี่คือหนึ่งในคอลเลคชั่นที่ฮ้อตมากๆ ของงานแสดงนาฬิกา SIHH ในปีนี้ ด้วยความที่ CARTIER Santos เป็นนาฬิกาดีไซน์หรูรูปทรงทรงเหลี่ยมละมุนที่ครองใจคนทั่วโลกมาอย่างยาวนานหลายปี ซึ่งการปรับปรุงแบบใหม่หมดจดในเจเนอเรชั่นใหม่นี้ นอกจากจะไม่ได้ทำให้ภาพที่ผู้คนจดจำนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ยังเสริมดีไซน์ใหม่ๆ เข้าไปอย่างลงตัวและเนียนตาเป็นอย่างยิ่ง มาชมกันเลยดีกว่านะครับว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร
ที่มาของนาฬิกา Santos
ความเป็นมาของนาฬิกา Santos นั้น ย้อนเรื่องราวกลับได้ถึงร้อยกว่าปีก่อน ตั้งแต่ที่ Alberto Santos-Dumont วิศวกรการบินชาวบราซิล ผู้โด่งดังในยุคนั้นบอกว่าการดูเวลาจากนาฬิกาพกในขณะที่เขากำลังทำการบินอยู่นั้นมันไม่สะดวกเอาเสียเลย Louis Cartier จึงได้ทำการสร้างนาฬิกาข้อมือขึ้นมาให้กับเขา โดยมีสายรัดข้อมือเป็นหนังเส้นบางๆ ซึ่งนาฬิกาที่สร้างขึ้นในปี 1904 เรือนนั้นถือว่าเป็น “นาฬิกาข้อมือเรือนแรก ที่สร้างขึ้นสำหรับการใช้งานเฉพาะด้าน” และก็ถือเป็น “นาฬิกาข้อมือสำหรับนักบินเรือนแรก” ด้วย แต่ทาง CARTIER นั้นไม่ได้ยึดมั่นในแนวทางการสร้างนาฬิกาสำหรับนักบินเหมือนกับแบรนด์อื่นๆ ที่เอาดีทางด้านนี้ ก็เท่านั้นเอง (เพราะการขายนาฬิกา Santos ในฐานะนาฬิกาเรือนหรูให้กับคนทั่วไปในวงกว้างย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ)
ชื่ออย่างเป็นทางการที่ทาง CARTIER ใช้เรียก Santos เจเนอเรชั่นใหม่นี้ก็คือ Santos de Cartier Watch ซึ่งจะมาแทนที่รุ่น Santos 100 คอลเลคชั่นปัจจุบันที่มีอายุอานามที่ค่อนข้างมากเอาการ เพราะ Santos 100 นั้นเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว แต่ก็เป็นรุ่นที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมที่สุดของนาฬิกา CARTIER มาโดยตลอด (ที่ชื่อ Santos 100 ก็เพราะทาง CARTIER ตั้งใจเปิดตัวออกมาในปี 2004 เพื่อรำลึกถึงวาระครบ 100 ปีของนาฬิกา Santos เรือนฉบับซึ่งสร้างขึ้นในปี 1904 โดยในเรือนที่ผลิตขึ้นในปี 2004 จะมีการสลักเลข “1904-2004” ไว้บนฝาหลังด้วย)
ปรับดีไซน์ภายนอกให้ทันสมัย
แม้รูปทรงโดยรวมจะยังคงคล้ายกับเจเนอเรชั่นก่อน (ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบ) แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดูดีขึ้นก็คือ ชิ้นขอบตัวเรือน ที่ไม่ได้เป็นวงสี่เหลี่ยมขอบมนเหมือนก่อน แต่มีการขยายส่วนด้านบนกับด้านล่างให้ขึ้นไปจนจรดขอบเรือนทั้งยังมีการสอบโค้งและลาดลงเพื่อให้สอดคล้องกับรูปทรงของตัวเรือน ซึ่งก็สอบโค้งตรงส่วนปลายและมีความลาดลงมากกว่าเจเนอเรชั่นก่อนด้วย ทำให้รู้สึกว่ามันมีความยาวเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ตัวหน้าปัดก็ยังคงเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสขอบมนเหมือนเช่นเดิม ดีไซน์ที่ทาง CARTIER ปรับปรุงใหม่นี้ทำให้ Santos ดูทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ยังคงความคลาสสิกตามแบบต้นฉบับเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อเข้าคู่กับสายโลหะที่ออกแบบและสร้างขึ้นใหม่แต่ยังคงรูปแบบคล้ายกับเจเนอเรชั่นเดิมด้วยแล้ว ตัวขอบของขอบตัวเรือนจะดูโค้งมนเชื่อมต่อเส้นสันของสายอย่างกลมกลืนราวกับเป็นชิ้นเดียวกันเลยทีเดียว ที่ต้องบอกอีกอย่างก็คือ สายโลหะที่ไม่ได้ผลิตออกมาสำหรับรุ่นตัวเรือนไซส์ใหญ่มาราว 5 ปี (ช่วงหลังๆ มีเฉพาะสำหรับรุ่นตัวเรือนไซส์เล็กของผู้หญิง) คราวนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับตัวเรือนไซส์ใหญ่อีกครั้งแล้ว โดยยังคงมีดีไซน์สไตล์คลาสสิกที่เป็นแถบข้อสั้นๆ เหมือนเช่นเดิม แต่มีขนาดที่บางลงเล็กน้อย
สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งอันเป็นเอกลักษณ์ที่ Santos จะขาดไปไม่ได้ นั่นก็คือ สกรูว์ 8 ตัว บนขอบตัวเรือน และสกรูว์บนสายโลหะข้อละ 2 ตัว ซึ่ง CARTIER ก็ทราบดี จึงยังคงปรากฏมาให้เห็นกับ Santos รุ่นใหม่เหมือนเช่นเดิม การใช้สกรูว์ในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่นาฬิกา Santos ถือกำเนิดขึ้นในยุคต้นศตวรรษที่ 20 อันเป็นยุคที่วงการอุตสาหกรรมสมัยใหม่นิยมใช้โครงสร้างที่ทำจากโลหะซึ่งยึดเข้าด้วยกันด้วยสกรูว์และโชว์ให้เห็นกันแบบไม่ต้องซ่อนสายตา
เพิ่มระบบถอดเปลี่ยนสายอันชาญฉลาด
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Santos เจเนอเรชั่นใหม่นี้ก็คือ ความสนุกในการหยิบนาฬิกาขึ้นมาสวมใส่ในแต่ละวัน เพราะสามารถเลือกแม็ตช์คู่กับสายหนังหรือสายโลหะ ให้เข้ากับเครื่องแต่งกายหรือความต้องการในแต่ละวันได้อย่างสะดวกและง่ายดายเป็นที่สุดโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดๆ นั่นก็เพราะ CARTIER ได้ติดตั้งระบบปรับเปลี่ยนสายที่เรียกว่า “ควิกสวิตช์” มาให้ ทำให้การถอดสลับเปลี่ยนสายกระทำได้อย่างง่ายดายสุดๆ เพราะเพียงแค่กดปุ่มแถบสี่เหลี่ยมที่อยู่ด้านล่างของข้อยึดสายซึ่งติดตั้งเป็นข้อสายชิ้นแรกของสายโลหะ หรือฝังติดอยู่กับส่วนปลายของสายหนัง ก็สามารถถอดสายออกมาได้เลย และปุ่มแถบนี้ก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการกดโดนโดยไม่ตั้งใจ จึงไม่ต้องกลัวว่าใส่ๆ อยู่แล้วนาฬิกาจะหล่นจากข้อมือเนื่องจากสายหลุดออกมา
ไม่เพียงเท่านั้น ที่ตัวสายโลหะของรุ่นนี้ยังติดตั้งระบบ “สมาร์ทลิ้งค์” มาด้วย ซึ่งทำให้สามารถปรับขนาดความยาวของสายให้พอดีกับข้อมือได้อย่างสะดวก จากการถอดข้อสายด้วยการกดแป้นที่อยู่ในบางข้อซึ่งจะทำให้แท่งพินสำหรับยึดข้อที่อยู่ภายในเลื่อนออกมาให้ดึงออกได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษอะไร
และเพื่อยังประโยชน์สูงสุดในการใช้งานของระบบเปลี่ยนสายที่สร้างขึ้นมานี้ CARTIER จึงมอบทั้งสายโลหะ (วัสดุเดียวกับตัวเรือน) และสายหนัง (หนังวัวหรือหนังจระเข้) มาให้กับ Santos ใหม่ทุกเรือน ยกเว้นรุ่นตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ ที่จะมีเวอร์ชั่นซึ่งมาพร้อมกับสายหนัง 2 เส้น ให้เลือกด้วย อันเป็นการทำราคาให้ต่ำลงเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
เปิดตัวมาพร้อมกันทั้งไซส์สำหรับผู้ชายและไซส์สำหรับผู้หญิง
Santos เจเนอเรชั่นใหม่ เปิดตัวออกมาครั้งแรกด้วย 2 ขนาดตัวเรือนได้แก่ ไซส์ใหญ่ (Large Model) ขนาด 39.8 x 47.5 มม. สำหรับคุณผู้ชาย ซึ่งมีความหนาอยู่ที่ 9.08 มม. ดูแค่ตัวเลขก็อาจรู้สึกว่าหนาอยู่สักหน่อยหากคุณผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว แต่เมื่อพิจารณาจากรูปทรงของส่วนปลายตัวเรือนที่โค้งลาดลูกว่าเจเนอเรชั่นก่อนแล้ว มันน่าจะโค้งรับกับแขนเสื้อได้พอดีและซ่อนตัวอยู่ใต้แขนเสื้อได้อย่างแนบเนียน อันนี้ต้องลองดูครับว่าเป็นอย่างที่คิดมั้ย ซึ่งเมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อนอย่าง Santos 100 แบบไซส์ใหญ่ (Large Model) ซึ่งมีขนาด 41.3 x 51.1 มม. หนา 10.34 มม. แล้ว Santos ใหม่จะมีขนาดเล็กลงนิดหน่อยในทุกสัดส่วน ยกเว้นความยาวของตัวเรือนที่เล็กลงมากเนื่อจากขาตัวเรือนมีขนาดที่สั้นลง
ส่วนอีกไซส์หนึ่งก็คือ ไซส์กลาง (Medium) สำหรับคุณผู้หญิง ขนาด 35.1 มม. x 41.9 มม. หนา 8.83 มม. ซึ่งเมื่อเทียบกับ Santos 100 แบบไซส์กลาง (Medium Model) ที่มีขนาด 35.6 x 44.2 หนา 10.7 มม. แล้ว Santos ใหม่ก็มีขนาดที่เล็กลงในสัดส่วนเช่นเดียวกับไซส์ใหญ่
ด้านการกันน้ำนั้น Santos ใหม่ สามารถป้องกันได้ถึงระดับ 100 เมตร จากการใช้เม็ดมะยมแบบขันเกลียว ส่วนสายที่ใช้จะเป็นสายโลหะวัสดุเดียวกับตัวเรือน ด้านการตกแต่งนั้น ที่ตัวเรือนกับสายจะเป็นการขัดซาติน ขณะที่ชิ้นขอบตัวเรือนกับหัวสกรูว์จะเป็นการขัดเงา ส่วนฝาหลังที่เป็นแบบแผ่นทึบจะเป็นการขัดลาย
เต็มอารมณ์คลาสสิกด้วยหน้าปัดโทนสีขาว มาร์กเกอร์โรมัน และเข็มบลูด์สตีล
Santos เจเนอเรชั่นใหม่ เปิดตัวมากับหน้าปัดสไตล์คลาสสิกตามแบบฉบับมาตรฐานของ Santos ที่ผู้คนคุ้นเคย นั่นก็คือ พื้นหน้าปัดสีเงินโทนขาวสว่างที่พิมพ์สีดำเป็นหลักชั่วโมงเลขโรมัน และมีขีดสเกลนาทีเรียงเป็นวงเหลี่ยมอยู่ด้านใน โดยหลักชั่วโมงนั้นมีดีไซน์ฟ้อนต์ที่ดูเฉี่ยวขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วยขนาดที่สั้นแต่เรียวกว่าเดิม โดยยังคงพิมพ์ชื่อแบรนด์เป็นตัวอักษรเล็กๆ เอาไว้ที่ตัว V ของเลข 7 เหมือนเช่นเคย และในรุ่นตัวเรือนขนาดใหญ่ ยังเจาะช่องหน้าต่างสี่เหลี่ยมเป็นกรอบเล่นระดับดีไซน์สวยงามพร้อมล้อมด้วยเส้นกรอบบางๆ สีดำ สำหรับแสดงวันที่มาให้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดูสมดุลย์กับดีไซน์ของหน้าปัดดี โดยตัวเลขวันที่จะเป็นสีดำบนพื้นจานสีเงิน ขณะที่รุ่นตัวเรือนขนาดกลางจะไม่มีฟังก์ชั่นวันที่มาให้ ส่วนเข็มนาฬิกาจะใช้เป็นบลูด์สตีลทรงดาบสีน้ำเงินค่อนข้างเข้ม ซึ่งเสริมความคลาสสิกได้ดีและดูเข้ากันกับสีน้ำเงินของชิ้นสพิเนล (นิล) คาโบชอง ที่ประดับบนเม็ดมะยม
หลากหลายเวอร์ชั่นการตกแต่ง
เดิมที Santos ก็มีรูปแบบเวอร์ชั่นการตกแต่งให้เลือกสรรอย่างหลากหลายกันอยู่แล้ว เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด เจเนอเรชั่นใหม่ที่ออกมาก็ยังคงเป็นเช่นนั้น จึงมีให้เลือกสรรกันอย่างมากมายหลายแบบให้เลือกสรรตามความชอบและกำลังทรัพย์ ซึ่งที่เปิดตัวออกมาชุดแรกก็จะมี
1) เวอร์ชั่นตัวเรือน+สาย วัสดุสตีล พร้อมสายหนังวัวสีน้ำตาลให้สลับเปลี่ยน
2) เวอร์ชั่นทูโทน ตัวเรือนสตีล ขอบตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ + สายสตีล ตกแต่งด้วยสกรูว์สีทอง พร้อมสายหนังวัวสีน้ำตาลเข้มให้สลับเปลี่ยน
3) เวอร์ชั่นตัวเรือนวัสดุพิ้งค์โกลด์ พร้อมสายหนัง 2 เส้นให้สลับเปลี่ยน (ทาง CARTIER ไม่ได้แจ้งว่าเป็นหนังจระเข้ทั้ง 2 เส้นหรือไม่ อย่างไร)
4) เวอร์ชั่นตัวเรือน+สาย วัสดุเยลโลว์โกลด์ พร้อมสายหนังให้สลับเปลี่ยน (ทาง CARTIER ไม่มีภาพมาให้ว่าคู่กับสายอะไรสีใด แต่คาดว่าน่าจะเป็นหนังจระเข้ เหมือนกับเวอร์ชั่นพิ้งค์โกลด์)
5) เวอร์ชั่นตัวเรือน+สาย วัสดุพิ้งค์โกลด์ พร้อมสายหนังจระเข้สีเทาให้สลับเปลี่ยน
นอกจากนี้ ทาง CARTIER ก็น่าจะมีการผลิตสายหนังสีต่างๆ ออกมาจำหน่ายเพิ่มเติมให้กับลูกค้าได้เลือกซื้อเพิ่มไปสลับใช้งานกันตามอัธยาศัยด้วย ดังที่เห็นในภาพ
ครั้งแรกของ Santos รุ่นพื้นฐาน ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกอินเฮ้าส์
Santos เจเนอเรชั่นนี้ เปิดตัวมาด้วยการใช้กลไกอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ แทนการใช้กลไกที่ปรับแต่งมาจาก ETA อย่างที่ใช้กับรุ่น Santos 100 โดยกลไกอินเฮ้าส์ที่ใช้กับ Santos รุ่นใหม่นั้น ทั้ง 2 ขนาดตัวเรือน ล้วนใช้กลไกคาลิเบอร์ 1847 MC ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง แสดงเวลาแบบสามเข็ม ซึ่งในรุ่นไซส์ใหญ่จะมาพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ ส่วนรุ่นไซส์กลางจะไม่มีฟังก์ชั่นวันที่มาให้ ข้อดีอีกอย่างของกลไกคาลิเบอร์นี้ก็คือ ความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็ก เพราะใช้เอสเคปเม้นท์ที่ทำจากโลหะผสมซึ่งปลอดความเป็นแม่เหล็ก และมีเกราะป้องกันสนามแม่เหล็กปกป้องตัวกลไกอยู่อีกชั้นหนึ่ง
ราคาเท่าไหร่?
CARTIER แจ้งว่า Santos เจเนอเรชั่นใหม่นี้ จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือน เมษายน 2018 โดยมีราคาเริ่มต้นในเวอร์ชั่นเรือนและสายสตีล ที่ USD 6,850 สำหรับรุ่นไซส์ใหญ่ และ USD 6,250 สำหรับรุ่นไซส์กลาง ส่วนราคาสูงสุดจะอยู่ที่เวอร์ชั่นเรือนและสายวัสดุเยลโลว์โกลด์หรือพิ้งค์โกลด์ ซึ่งตั้งราคาไว้เท่ากันที่ USD 43,200 สำหรับรุ่นไซส์ใหญ่ และ USD 39,500 สำหรับรุ่นไซส์กลาง
By: Viracharn T.