Lotus Arts de Vivre x Obsidian Objets d’Art, WOMEN are FOREVER – A vintage CARTIER Collection
Lotus Arts de Vivre (โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์) แบรนด์จิวเวลรี่และของตกแต่งบ้านระดับโลกที่รวบรวมผลงานมาสเตอร์พีซโดยช่างฝีมือชั้นสูงจับมือกับ Mr. Harry Fane นักสะสมและผู้เชี่ยวชาญนาฬิกาวินเทจของ CARTIER ระดับโลก อีกทั้งยังเป็นเจ้าของแบรนด์ Obsidian Objets d’ Art ในลอนดอนที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนาฬิกา จิวเวลรี่ และงานศิลป์ชั้นสูงที่นักสะสมทั่วโลกต่างรู้จักเป็นอย่างดี ร่วมกันจัดนิทรรศการแสดงประวัติศาสตร์เรือนเวลาซีรี่ย์ที่สามในชื่อ Lotus Arts de Vivre x Obsidian Objets d’Art : WOMEN are FOREVER – A Vintage CARTIER Collection หนึ่งในนิทรรศการพิเศษประจำปีที่รวบรวมเรือนเวลาสุภาพสตรีระดับตำนาน ที่ใช้เวลาในการเสาะหามาอย่างยาวนานจากทั่วทุกมุมโลกซึ่งหาชมได้ยากกว่า 34 เรือน มาให้เหล่าผู้รัก CARTIER และนักสะสมของวินเทจชาวไทยได้ชมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึงได้มีโอกาสในการได้ครอบครองพร้อมกันอีกด้วย
เพื่อตอบสนองกระแสความนิยมของนาฬิกาวินเทจ CARTIER ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละชิ้นจะถูกเก็บรักษาและคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดย Mr. Harry Fane ร่วมด้วย Francesca Cartier Brickell ทายาทรุ่นที่ 6 ของ CARTIER และนักเขียนเจ้าของผลงาน TheCARTIERS: The Untold Story of the Family Behind the Jewelry Empire ที่เผยเบื้องหลังเกี่ยวกับครอบครัว Cartier และถ่ายทอดเรื่องราวของ CARTIER วินเทจในแง่มุมของผู้หญิงที่ผู้คนทั่วไปอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน โดยในช่วงศตวรรษที่ 20 ถือเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวิถีชีวิตของผู้คน จนไม่มีใครคาดคิดว่าในปี 1900 ช่วงเวลาที่โลกไม่มีแม้แต่ไฟฟ้า โทรศัพท์ หรือรถยนต์ ในขณะที่อีก 100 ปีต่อมากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นปรากฏการณ์ขั้นสุดในหลายๆ ด้าน โดยหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นภูมิทัศน์ของวงการแฟชั่น สำหรับเหล่าสุภาพสตรีที่หลุดพ้นจากพันธนาการและค่านิยมในแบบดั้งเดิม
เช่นเมื่อหวนคิดถึงวงการแฟชั่นในปี 1900 ดีไซน์ในยุคนั้นมักมาในรูปแบบกระโปรงยาวเข้ารูป เน้นเรือนร่างและปิดถึงช่วงคอ ก่อนเข้าสู่ยุครุ่งโรจน์ทางการออกแบบในปี 1920 เมื่ออิทธิพลของ CHANEL มามอบอิสรภาพและปรับเปลี่ยนดีไซน์เครื่องแต่งกายให้สาวๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่ในปัจจุบันแฟชั่นจะเต็มไปด้วยความหลากหลาย บ้างก็นำมาตีความใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น แต่เชื่อหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนนับตั้งแต่วันแรกๆ ของช่วงศตวรรษที่ 20 ไปจนถึงต้นศตวรรษที่ 21 นั่นก็คือการที่สุภาพสตรีมักสวมใส่นาฬิกาข้อมือเสมอ ทั้งที่ความเป็นจริงในยุคก่อนเพียงแค่สุภาพสตรีเหลือบมองดูเวลาบนข้อมือ ก็ถือว่าเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างมากแล้วก็ตาม
กิมมิคของนิทรรศการครั้งนี้จึงต่างไปจากสองครั้งก่อน โดยโฟกัสไปที่เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 20 ผ่านเรือนเวลาของคุณสุภาพสตรี ที่สร้างสรรค์โดยแบรนด์เครื่องประดับระดับตำนานอย่าง CARTIER จากแนวคิดที่ว่าลองจินตนาการดูว่า จะน่าตื่นเต้นแค่ไหนที่จะได้สัมผัสมุมมองด้านแฟชั่น บนเรือนเวลาผ่านสายตาของ “ผู้ผลิตเครื่องประดับให้ราชา และเป็นราชาแห่งเครื่องประดับ” โดยในช่วงแรกจะพาทุกคนไปสำรวจนาฬิกาข้อมือประดับเพชรในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เรื่อยมา จนถึงช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นยุคทองแห่งการสวมใส่เครื่องประดับ ที่ในทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าแม้จะมีผู้ผลิตเครื่องประดับสวยหรูและมีราคาแพงมากขึ้นกว่ายุคก่อน แต่กลับเป็นเรื่องยากที่จะเห็นผู้คนเฉิดฉายด้วยเครื่องประดับเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่กรอบของสังคมในยุค 1920s และ 1930s กลับสวนกระแส เพราะหากไม่มีเครื่องประดับติดตัวสักชิ้น อาจตีความได้ตรงตัวว่าคนๆ นี้ยังไม่พร้อมออกจากบ้านหรือเข้าร่วมในสังคม
ซึ่งในนิทรรศการครั้งนี้ เรือนเวลาที่นำมาจัดแสดงจากช่วงยุคดังกล่าวมีครอบคลุมกว่า 14 รุ่นตั้งแต่เรือนเวลาขนาดจิ๋ว ไปจนถึงนาฬิกาข้อมือไซส์ใหญ่ล้อมรอบด้วยเพชร หรือแม้แต่จับคู่ตัวเรือนกับสร้อยข้อมือไข่มุก นอกจากนี้สิ่งที่นิทรรศการนี้ต้องการสะท้อนให้เห็นก็คือ จินตนาการของนักออกแบบในการสร้างสรรค์ชิ้นงานแต่ละชิ้น ที่แฝงไปด้วยเรื่องราวอันแสนพิเศษด้วยเรือนเวลา 8 ชิ้นเด่นพร้อมด้วยนาฬิการุ่น Crash ที่ถือเป็นราชาแห่งเรือนเวลาประดับเพชรที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในปัจจุบัน ตั้งแต่นาฬิกา Diamond Set Wristwatch จากปี 1920, Diamond and Natural Pearl Lady’s Wristwatch จากปี 1919, Diamond and Black Onyx Set Wristwatch จากปี 1921, Antique Diamond Set Cocktail Watch จากปี 1919, Antique Round Diamond Set Cocktail Watch จากปี 1919, Antique Tank Normale Diamond Set Cocktail Watch จากปี1922, Platinum and Diamond Watch จากปี 1927, Diamond and Emerald Wristwatch จากปี 1925
รวมทั้งนาฬิการุ่น Diamond Crash จากปี 1991 อันโดดเด่นที่สุดที่ทำให้นิทรรศการครั้งนี้เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงสิ่งที่มีอยู่ในอดีตและเชื่อมโยงกับปัจจุบัน รวมทั้งทำให้ผู้เข้าชมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดาอย่างที่ CARTIER เคยเป็น โดยสามารถเข้าชมงานได้ในระหว่างวันที่ 25 พ.ย. ถึงวันที่ 10 ธ.ค. เวลา 10.30 - 19.00 น. ณ บูติค Lotus Arts de Vivre โรงแรมอนันตราสยามกรุงเทพฯ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 02-250-0732