SWISS SMARTWATCH

 

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีของการส่งข้อมูลแบบไร้สายได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในทุกวงการต่างต้องปรับตัวและนำเทคโนโลยีในลักษณะนี้เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบสนองความต้องการของผู้คนไม้เว้นแม้แต่วงการนาฬิกาสวิส โดยในปี 2015 นี้ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสหลายแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาในลักษณะนี้ของตนออกมา ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นปรากฎการณ์สำคัญอีกครั้งของวงการเลยทีเดียว

 

อาจเป็นเพราะปี 2015 นี้เจ้าตลาดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การสื่อสารอย่าง Apple นำตัวเองเข้าสู่ตลาดนาฬิกาด้วย Apple Watch หรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ แบรนด์นาฬิกาสวิสหลายแบรนด์จึงต้องรีบขยับตัวในการรับมือด้วยการเปิดตัวผลงานสมาร์ทวอตช์ของตนเองโดยมีทั้งแบบที่พร้อมจำหน่ายในเร็ววันนี้และแบบที่ยังไม่พร้อมจำหน่ายแต่บอกกล่าวเอาไว้ก่อนว่าจะมี

 

การนำเทคโนโลยีเข้ามาพ่วงกับนาฬิกาแบบดั้งเดิมนั้นเป็นอะไรที่ท้าทายอย่างยิ่งเพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ซึ่งถือว่าแตกต่างกับนาฬิกาที่เกิดมาเพื่อเป็นสมาร์ทวอตช์ตั้งแต่แรกอย่างจำพวก Apple Watch หรือนาฬิกาสมาร์ทวอตช์แบบแก็ดเจ็ตทั้งหลายที่เป็นลักษณะของอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ที่นำมาคาดไว้บนข้อมือเพื่อใช้ดูเวลาได้ เนื่องจากวงการนาฬิกาแบบดั้งเดิมนั้นมีรูปแบบและการนำเสนอในแนวทางเฉพาะของตนเองซึ่งรวมไปถึงการแบ่งลักษณะของนาฬิกาตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้อย่างชัดเจน เทคโนโลยีที่นำเข้ามาผนวกจึงเป็นการเติมเต็มคุณประโยชน์ในการใช้งานให้กับนาฬิการูปแบบดั้งเดิมมากกว่าจะเป็นอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์คาดข้อมือ

 

B55 Connected 4

BREITLING B55 Connected ตัวเรือนทำจากไทเทเนี่ยมเคลือบคาร์บอนดำมาคู่กับสายยาง 

 

ความท้าทายของผู้ผลิตนาฬิกาสวิสที่ก้าวเข้ามาสู่โลกของสมาร์ทวอตช์อยู่ที่แบรนด์ใดจะเข้าใจตลาด เข้าใจกลุ่มลูกค้า และเข้าใจตัวตนของแบรนด์ตัวเองพอที่จะสอบผ่านและเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็ตีโจทย์นี้ออกมาต่างกันไป เช่น Breitling นำเสนอนาฬิกาแบบอนาล็อก-ดิจิตัล กลไกซูเปอร์ควอตซ์ ที่มีทั้งเข็มแสดงเวลาและหน้าจอแอลซีดีพร้อมฟังก์ชั่นต่างๆ อย่างจับเวลา แสดงเวลาที่สอง ตั้งปลุก ปฏิทิน และเก็บบันทึกเวลา โดยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลและปรับตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างสะดวกผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน

 

E Magnesium Ecosystem

BVLGARI Diagono Magnesium ชิ้นส่วนตัวเรือนทำจากสตีล แม็กนิเซี่ยม และโพลิเมอร์
ขอบตัวเรือนทำจากเซรามิก สวมคู่กับสายยาง

 

ขณะที่แบรนด์หรูอย่าง Bvlgari นั้นนำเสนอนาฬิกาจักรกลกลไกขึ้นลานอัตโนมัติซึ่งผนวกชิปและเสาอากาศเอาไว้ภายในตัวเรือนเพื่อเก็บรักษารหัสสำคัญต่างๆ เอาไว้เพื่อเรียกดูอย่างเป็นส่วนตัวด้วยแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทั้งยังสามารถใช้ส่งสัญญาณปลดล็อกประตูหรือปลดล็อกอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งเค้าบอกว่ามีความปลอดภัยสูงกว่าการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธหรือระบบสื่อสารไร้สายอื่นๆ โดยเปรียบเสมือนว่าคุณมีเซฟอิเล็กทรอนิกส์อยู่บนข้อมือในขณะที่ยังคงลักษณะความเป็นนาฬิกาแบบดั้งเดิมเอาไว้ทุกประการ

 

FC Horological Smartwatch FC 285S5B6 01

FREDERIQUE CONSTANT Horological Smartwatch 
ตัวเรือนสตีลคู่กับสายหนังดีไซน์คลาสสิกร่วมสมัย

 

ส่วน Frederique Constant กับ Alpina ตีความนาฬิกาสมาร์ทวอตช์ของตนออกมาในแนวทางที่รักษารูปแบบดั้งเดิมของนาฬิกาสวิสเอาไว้ เรียกว่าไม่บอกก็คงไม่รู้ว่านี่คือสมาร์ทวอตช์ คุณสมบัติพิเศษที่ทั้ง 2 แบรนด์นี้มอบให้กับสมาร์ทวอตช์ของตนก็คือ การติดตั้งระบบตรวจวัดการเคลื่อนไหวซึ่งสามารถติดตามและแสดงค่าการทำกิจกรรมของผู้สวมใส่ ตรวจสอบสภาวะการนอนหลับ และส่งสัญญาณเตือนการพักผ่อนและการปลุก ตลอดจนเตือนให้ปรับอิริยาบถได้ โดยทำงานควบคู่กับแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนซึ่งจะเชื่อมต่อสัญญาณเวลาเพื่อปรับตั้งให้กลไกควอตซ์ของนาฬิกาแสดงเวลาและวันที่ได้อย่างแม่นยำอยู่เสมอ

 

AL Horological Smartwatch AL 285BTD3CD6 3

ALPINA Horological Smartwatch ตัวเรือนและสายสตีลดีไซน์แบบสปอร์ตสำหรับคุณผู้หญิง
หรูหราด้วยหลักชั่วโมงประดับเพชร 

 

สำหรับแบรนด์ที่ยังไม่พร้อมจำหน่ายในเร็วๆ นี้ แต่บอกกล่าวอย่างยิ่งใหญ่เอาไว้ก่อนว่าจะมีก็คือ TAG Heuer ที่ ณ ขณะนี้ยังไม่มีหน้าตาของนาฬิกาให้ดู แต่ได้ประกาศความร่วมมือของตนกับ Google และ Intel เพื่อพัฒนาสมาร์ทวอตช์ของตนโดยใช้เทคโนโลยีของ Intel และ Android Wear ซึ่งก็ต้องจับตามองกันต่อไปว่าผลงานที่ออกมาจะเป็นอย่างไรและผู้บุกเบิกเหล่านี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการนาฬิกาสวิสได้เพียงใด

 

TAGHeuer Google intel 4

TAG Heuer ประกาศความร่วมมือกับ Google และ Intel ในการพัฒนาสมาร์ทวอตช์
โดยจัดงานแถลงข่าวขึ้นในงานบาเซิลเวิลด์ 2015