Classique Tourbillon 3358
นาฬิกาตัวเรือนวัสดุไวท์โกลด์ที่นำสู่ค่ำคืนที่มีแสดงดาวพราวพร่างพร้อมบรรดาเพชรงามที่โปรยปรายอยู่ รายรอบหน้าปัดมุกสีมิดไนท์ที่เจิดจรัสด้วยบรรดาดวงดาวสีทอง ควบคู่กับหน้าปัดที่ผ่านงานการตกแต่งแบบขัดเงากับหน้าปัดย่อยแบบออฟ-เซ็นเตอร์ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา สะท้อนถึงดีเอ็นเอของแบรนด์ประดับประดาด้วยตัวเลขแบบอารบิค และเข็มนาฬิกาทองคำเคลือบโรเดียมทรงเอกลักษณ์ของ BREGUET
สลักหมายเลขประจำเรือน ณ 4 นาฬิกาในวงโค้งเงางาม ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัดที่เผยให้เห็นถึงความงดงามของกลไกตูร์บิยองพร้อมบาร์รูปทรงคล้ายดาวหางพาดผ่านกรงตูร์บิยองประดับเพชรด้วยเทคนิคแบบสโนว์-เซ็ทติ้ง ที่เป็นการฝังและจัดเรียงเพชรต่างขนาดให้เต็มทั้งชิ้น ณ จุดศูนย์กลางที่ประดับด้วยสปิเนลสีน้ำเงินเพื่อทำหน้าที่เป็นอัญมณีแกนหมุนให้กับชุดกรงตูร์บิยอง
โดยสามารถยลโฉมการทำงานอันน่าอัศจรรย์นี้ได้จากทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง โดยด้านหลังจะกรุกระจกแซฟไฟร์เพื่อเผยให้เห็นเพลทหลักที่ขึ้นรูปด้วยมือจากค้อน พร้อมการสลักชื่อ BREGUET และหมายเลขกำกับกลไกเฉพาะของนาฬิกาแต่ละเรือนโดยขอบหน้าปัดและขานาฬิกาจะประดับด้วยเพชร และรวมไปถึงเม็ดมะยมที่ประดับเพชรเหลี่ยมทรงโรส-คัทที่ให้นาฬิการุ่นนี้ยิ่งส่องประกายอันงดงาม
ส่วนอีกรู่นจะมีตัวเรือนโรสโกลด์ที่โอบล้อมหน้าปัดที่ผ่านการตกแต่งด้วยเพชรจำนวนรวม 281 เม็ด และเรียงโค้งรับกันอย่างงดงามตั้งแต่บริเวณ 3 นาฬิกาไปจนถึงบริเวณ 9 นาฬิกา ส่วนด้านในหน้าปัดย่อยงดงามด้วยเทคนิคการฝังเพชรแบบสโนว์-เซ็ทติ้ง เพื่อให้เพชรครอบคลุมพื้นที่ในทุกอณูพร้อมหน้าปัดย่อย ณ 12 นาฬิกาที่เป็นแผ่นมุกธรรมชาติพร้อมกำกับตัวเลขอารบิคแบบ BREGUET
และเข็มนาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์ของ BREGUET ส่วนในชุดกรงตูร์บิยองจะมีชิ้นส่วนที่ผ่านการขัดเงาอยู่ ณ ช่องด้านล่าง และประดับด้วยบาร์ทองคำประดับเพชรจำนวน 14 เม็ดโดยชุดกลไกตูร์บิยองอันน่าอัศจรรย์จะยิ่งดูโดดเด่นขึ้นเมื่อรังสรรค์ขึ้นจากชิ้นส่วนในโทนสีที่ตัดกันอย่างเทาและชมพู โดยขอบหน้าปัดและขานาฬิกาก็จะประดับเพชรเช่นกัน อันรวมไปถึงเม็ดมะยมที่ประดับเพชรเหลี่ยมทรงโรส-คัทอีกด้วย
ซึ่งนาฬิกา BREGUET ใหม่ทั้งสองรุ่นจะมีตัวเรือนในขนาด 35 มิลลิเมตรที่สามารถกันน้ำได้30เมตรและทำงานด้วยกลไกไขลานตูร์บิยองอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 187D ทำงานที่ความถี่ 2.5 เฮริท์ซให้พลังสำรองลานนาน 50 ชั่วโมง โดยชุดกลไกคาลิเบอร์นี้ขึ้นชื่อในเรื่องความครบเครื่องและเที่ยงตรงจากบาลานซ์สปริงแบบเฉพาะของ BREGUET ที่ผลิตจากสตีลพร้อมการสลักชื่อ BREGUET ในแนวโค้ง
ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมสายหนังจระเข้แบบเงาในสีมิดไนท์บลูสำหรับรุ่นตัวเรือนไวท์โกลด์และสีแดงเลือดนกสำหรับรุ่นตัวเรือนโรสโกลด์โดย Classique Collection ถือเป็นการหลอมรวมทั้งความงดงามบริสุทธิ์และสุดยอดความประณีต ที่สะท้อนถึงจุดกำเนิดของแบรนด์อย่างเด่นชัด ซึ่งนอกจาก Abraham-Louis Breguet จะถือเป็นที่สุดแห่งผู้รังสรรค์เรือนเวลาและสุดยอดนักประดิษฐ์นาฬิกาแล้ว
ยังถือเป็นดีไซเนอร์คนแรกๆ ในวงการนี้จากการที่เขาได้คิดค้นและริเริ่มการออกแบบนาฬิกาในสไตล์นีโอคลาสสิค ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์เชิงศิลป์ที่ทำให้หน้าปัดนาฬิกาดูล้ำสมัยและยังเป็นผู้ที่เลือกใช้เครื่องหมายต่างๆที่ช่วยให้สามารถอ่านค่าเวลาได้โดยง่ายดังนั้นนาฬิกากลไกตูร์บิยองสองรุ่นใหม่นี้จึงสามารถบ่งบอกได้ถึงอัตลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี