BLANCPAIN Fifty Fathoms Collection, Ref. 5019-12B30-64A
BLANCPAIN สานต่อการฉลองครบรอบ 70 ปีของ Fifty Fathoms กับการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของนาฬิกาดำน้ำแบบโมเดิร์นเรือนแรก ด้วยนาฬิกาโมเดลใหม่ล่าสุดที่ถูกออกแบบมา เพื่อตอบสนองความต้องการเชิงเทคนิคในการดำน้ำยุคปัจจุบัน โดยมีนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Marc A. Hayek ประธานและซีอีโอของ BLANCPAIN กับ Laurent Ballesta ผู้ก่อตั้งโครงการ GOMBESSA ภายใต้ชื่อ “Tech Gombessa” ซึ่งมีความสามารถในการจับเวลาดำน้ำ ได้นานถึงสามชั่วโมงเป็นครั้งแรก โดยการเปิดตัวนี้ยังมีขึ้นเพื่อระลึกถึงการครบรอบ 10 ปีของโครงการ GOMBESSA ที่ BLANCPAIN มีส่วนช่วยผลักดันในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในปี 2013 นอกจากนี้ยังถือเป็นการเปิดตัวคอลเลคชั่นนาฬิกาดำน้ำไลน์ใหม่ของแบรนด์อีกด้วย
เมื่อ 70 ปีที่แล้ว เรือนเวลาระดับไอคอนนาม Fifty Fathoms ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยถือเป็นเรือนเวลาที่ปฏิวัติวงการ และกลายเป็นนาฬิกาดำน้ำแบบโมเดิร์นเรือนแรกของโลกซึ่งถูกคิดค้นขึ้นโดย Jean-Jacques Fiechter ผู้หลงใหลในการดำน้ำแบบสคูบาและยังเป็นซีอีโอของ BLANCPAIN ในขณะนั้น ซึ่งเขาเป็นดั่งผู้บุกเบิกในการวางกฏระเบียบของกิจกรรมดังกล่าวที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทั้งยังมีความเข้าใจถึงความจำเป็นของการจับเวลาใต้ผืนน้ำ ซึ่งอุปกรณ์ที่เขาออกแบบขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง จึงเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนที่มีความเกี่ยวข้องกับท้องทะเล จนกลายเป็นอุปกรณ์คู่กายของเหล่านักดำน้ำ และผู้สำรวจมหามุทรชั้นนำมากมาย ด้วยเป้าหมายของ Fifty Fathoms ที่มุ่งเน้นไปในการยกระดับความปลอดภัย นาฬิการุ่นนี้จึงมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาวงการ อีกทั้งยังส่งเสริมการค้นพบสิ่งใหม่ในโลกใต้ทะเล
ดังนั้นปี 2023 จึงถือเป็นปีแห่งการฉลองการครบรอบ 70 ปีของ Fifty Fathoms ทั้งยังเป็นภาพสะท้อนในการหวนกลับมา ของการให้กำเนิดนาฬิกาที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม ซึ่งตั้งแต่ยุค 1950 เป็นต้นมา การดำน้ำมีวิวัฒนาการขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการยืดระยะเวลาในการดำน้ำ แม้ว่านาฬิกา Fifty Fathoms ในปี 1953 จะตอบโจทย์ความต้องการของ Jean-Jacques Fiechter และนักดำน้ำมากประสบการณ์ในช่วงเวลานั้นได้ แต่ ณ ตอนนี้ความต้องการที่มีต่อการจับเวลาใต้น้ำได้เปลี่ยนไ ปเนื่องจากความสามารถในการอยู่ใต้น้ำที่นานขึ้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยตรงกับประธานและซีอีโอของ BLANCPAIN ที่เป็นนักดำน้ำสคูบาตัวยง ทั้งยังเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับการดำน้ำแบบระบบวงจรปิด มาเป็นเวลาหลายปี เขาจึงตัดสินใจที่จะลงมือออกแบบอุปกรณ์ชิ้นพิเศษร่วมกับ Laurent Ballesta นักดำน้ำ ช่างภาพ และนักชีววิทยาทางทะเล
ด้วยเหตุการณ์นี้เองจึงนำมาสู่การเปิดตัวครั้งแรก ของนาฬิกาเรือนใหม่ล่าสุดจากคอลเลคชั่น Fifty Fathoms นาม Tech Gombessa ที่ถูกออกแบบให้สามารถจับเวลาดำน้ำได้ยาวนานถึง 3 ชั่วโมงหรือจนกระทั่งออกจากการดำน้ำแบบอิ่มตัว ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยสองนักดำน้ำเมื่อ 5 ปีที่แล้วและผ่านการทดสอบมาอย่างโชกโชน โดยในปี 2019 หลังจากผ่านช่วงเวลา 1 ปีในการกำหนดแนวคิด BLANCPAIN จึงเริ่มขั้นตอนในการพัฒนาโดยเริ่มต้นจาก 2 องค์ประกอบหลักได้แก่ กลไก และขอบเบเซิลจับเวลาหมุนได้ทิศทางเดียว ทั้งนี้ขอบเบเซิลจับเวลาของ Fifty Fathoms Tech Gombessa จะมีสเกลจับเวลานาน 3 ชั่วโมงซึ่งแตกต่างจากขอบเบเซิลจับเวลาของนาฬิกาดำน้ำทั่วๆ ไป โดยจะทำงานควบคู่กับเข็มพิเศษ ซึ่งจะเดินครบหนึ่งรอบภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง
โดยปลายเข็มมีสีสันและวัสดุเช่นเดียวกับมาร์กเกอร์บนขอบเบเซิล ที่มีการเคลือบสารเรืองแสงสีขาวพร้อมการเปล่งแสงสีเขียว ซึ่งระบบการทำงานดังกล่าวนี้ถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกและจดสิทธิบัตรร่วมกันโดย Marc A. Hayek และ Laurent Ballesta โดยถือเป็นหัวใจสำคัญของกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 13P8 ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งในด้านความเที่ยงตรง และความแข็งแกร่ง พร้อมการเลือกใช้ขอบเบเซิลจับเวลาเซรามิคแทนขอบแบบแซฟไฟร์ พร้อมทั้งสร้างให้มีความโค้งมากกว่าและเอียงลงเข้าหาหน้าปัด ที่กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ซึ่งช่วยขจัดความผิดเพี้ยนในการมองเห็น อีกทั้งเพื่อช่วยในการอ่านค่าเกิดความชัดเจนที่สุดในความมืด กับหน้าปัดแบบใหม่ที่เรียกว่า Absolute Black หรือสีดำสนิทที่สามารถดูดซับแสงได้เกือบ 97% ในขณะที่หลักชั่วโมง สร้างขึ้นจากวัสดุเรืองแสงทรงกล่องสีส้มที่เปล่งแสงสีฟ้า
ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมเกรด 23 ซึ่งเป็นเกรดที่ BLANCPAIN เพิ่งนำมาใช้กับนาฬิกาของตนเองเมื่อไม่นานมานี้ โดยวัสดุดังกล่าวยังสามารถเรียกได้อีกแบบว่าเกรด 5 ELI (extra low interstitials) ซึ่งถือเป็นไทเทียมที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด และมีคุณสมบัติโดดเด่นทางด้านความแข็งแกร่ง ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และมีน้ำหนักเบาจึงช่วยให้สวมใส่สบาย จนแทบจะไม่รู้สึกถึงการมีนาฬิกาขนาด 47 มิลลิเมตรอยู่บนข้อมือ ทั้งยังมีวิธีการยึดตัวเรือนแบบใหม่จากตรงกลางด้านในผ่าน Central Lugs เข้ากับสายนาฬิกาให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยมีขีดความสามารถในการกันน้ำระดับ 30 บาร์ พร้อมฮีเลียมวาล์ว โดยในขณะที่มีการดำน้ำแบบอิ่มตัวภายในห้องปรับความดัน ฮีเลียมจะสามารถซึมเข้าไปภายในนาฬิกาได้ ดังนั้นในขณะที่ทำการคลายความดันเพื่อขึ้นสู่ผิวน้ำ การคลายวาล์วจะช่วยในการไล่ฮีเลียมออก
นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ของตัวเรือนชิ้นกลาง ยังมีลักษณะเป็นมุมเอียงซึ่งแตกต่างจากลักษณะกลมมนทรง ‘อ่าง’ ของ Fifty Fathoms ในโมเดลอื่นๆ รอยบากที่ใช้สำหรับขันสกรูยังได้รับการปรับปรุงใหม่ แต่ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งเช่นเดิม สร้างพลังงานจากโรเตอร์สีแอนทราไซต์ประทับโลโก้ Gombessa Expeditions ที่โดดเด่นด้วยรูปทรงทันสมัยพร้อมการเปิดช่องขนาดใหญ่ 3 ช่องไว้สำหรับชื่นชมการทำงานของกลไก โดยสายยางสีดำใช้การขันสกรูว์เพื่อยึดกับขาของตัวเรือน ที่มีการเสริมความแข็งแรงด้วยไทเทเนียมด้านใน ทำให้มั่นใจได้ว่าสายจะอยู่ในรูปทรงที่ถูกต้องในระยะยาว อีกทั้งยังมีสายสำหรับต่อความยาวในกรณีสวมใส่นาฬิกาบนชุดดำน้ำ ใช้งานกับหัวเข็มขัดล็อคสายที่มีความกว้างพิเศษ ตามหลักสรีรศาสาตร์ที่ออกแบบขึ้น เพื่อเสริมการยึดนาฬิกาไว้กับข้อมือและเพื่อให้ง่ายต่อการรัดสายส่วนต่อ
มาในกล่อง Peli™ แบบพิเศษที่สามารถกันน้ำและกันกระแทก ทั้งยังนำไปใช้ใส่อุปกรณ์ชนิดอื่นได้เนื่องจากสามารถจัดสรรพื้นที่ภายในได้เอง บรรจุทั้งตัวนาฬิกา สายส่วนขยาย ที่ใส่นาฬิกาแบบพกพา แว่นขยาย เซ็ตชุดการแบ่ง และอุปกรณ์สำหรับตัดเพื่อจัดพื้นที่ภายในกระเป๋าตามความต้องการ โดยรายละเอียดทุกอย่างของนาฬิกา ล้วนมาจากการทดสอบในสถานการณ์จริงที่ Marc A. Hayek ได้สวมใส่เรือนเวลาโปรโตไทป์หลายเวอร์ชั่นในการดำน้ำของเขา เช่นเดียวกับ Laurent Ballesta และเหล่านักดำน้ำของทีมสำรวจ GOMBESSA ซึ่งได้ทดสอบนาฬิการุ่นนี้ตลอดขั้นตอนของการพัฒนา โดยเรือนโปรโตไทป์ทั้งหมด 4 เวอร์ชั่นถูกทดสอบบนข้อมือของเหล่านักสำรวจใต้ทะเลเป็นระยะเวลาเกือบ 50 วันที่ระดับความลึกระดับ 120 เมตรระหว่างภารกิจ Gombessa V และ Gombessa VI ที่เกิดขึ้นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
นาฬิกาเรือนนี้ได้กลายเป็นเรือนเวลา สำหรับปฏิบัติภารกิจของกลุ่มนักดำน้ำทีม GOMBESSA เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการสุดหินได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นการเปิดตัวนาฬิการุ่นนี้จึงเพื่อเป็นเกียรติแก่การครบรอบ 70 ปีของ Fifty Fathoms และยังเป็นการครบรอบ 10 ปีแห่งความร่วมมือระหว่าง BLANCPAIN และ Laurent Ballesta ที่โครงการ GOMBESSA ของเขาได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 2013