BAUME, New Comer from Baume & Mercier

  

By Viracharn Termpipatpong

 

เดือนพฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาเก่าแก่ BAUME & MERCIER ได้ทำการเปิดตัวแบรนด์นาฬิกาใหม่ออกมาเพิ่มเติมโดยใช้ชื่อว่า BAUME เฉยๆ ซึ่งนาฬิกาแบรนด์ใหม่นี้จะชูจุดเด่นด้านการดีไซน์ และการใช้วัสดุที่เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน รวมไปถึงวัสดุรีไซเคิล ที่เป็นการนำวัสดุที่ใช้แล้วมาแปรรูปเพื่อนำมาใช้ใหม่ และวัสดุอัพ-ไซเคิล ที่เป็นการนำวัสดุที่ใช้แล้วมาปรับใช้ให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังไม่มีการนำวัสดุใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์โลก หรือวัสดุโลหะมีค่ามาใช้ ถือได้ว่าเป็นการริเริ่มและบุกเบิกในการนำแนวทางการรักษาสิ่งแวดล้อมมาใช้กับการผลิตนาฬิกาอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นด้วย 2 คอลเลคชั่น คือ ซีรี่ส์ Iconic และซีรีส์ Custom Timepiece

 

Iconic Series

ซีรีส์ Iconic เปิดตัวมาในฐานะนาฬิการะดับแฟล็กชิปของแบรนด์ โดยนำปรัชญาการออกแบบสไตล์มินิมัลลิสต์อันเรียบง่ายเป็นคอนเซ็ปต์ตั้งต้นร่วมกับหลักการนำวัสดุรีไซเคิลกับวัสดุอัพ-ไซเคิล มาใช้ทำส่วนประกอบต่างๆ อย่างเช่น ตัวเรือนวัสดุอลูมิเนียมรีไซเคิล และสายนาฬิกาที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลซึ่งเป็นพลาสติก เพ็ท ( PET หรือพอลิเอทิลีน เทเรฟทาเลต) บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตขวดน้ำ) โดยออกแบบให้สามารถถอดจากตัวเรือนได้อย่างสะดวกเพื่อให้สลับเปลี่ยนเป็นสายสีสันต่างๆ ที่รีไซเคิล หรืออัพ-ไซเคิล มาจากวัสดุธรรมชาติชนิดต่างๆ อย่าง ไม้ก๊อก ผ้าคอตตอน ผ้าลินิน และอัลคันทารา ที่ทางแบรนด์ผลิตออกมาให้เลือกซื้อเพิ่มเติมมากมายหลายแบบ

 

Iconic 41mm Automatic ใช้ตัวเรือนวัสดุอลูมิเนียม ขนาด 41 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 30 เมตร กระจกหน้าปัดเป็นแซฟไฟร์ ฝาหลังผนึกกระจกใสเพื่อให้มองเห็นกลไกอัตโนมัติ กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง Miyota 82D7 แสดงเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวินาที แยกกัน ด้วยเข็มสีดำชี้แสดงไปยังหลักชั่วโมงสีขาวบนหน้าปัดสีเงินขัดซาตินลายซันเรย์ เจาะเปิดช่องตรงกลางให้เห็นกลไก โดยค่าชั่วโมงจะแสดงแบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มขนาดเล็ก ส่วนค่านาทีจะแสดงด้วยเข็มกลาง และแสดงวินาทีด้วยเข็มขนาดเล็ก ปรับตั้งเวลาด้วยเม็ดมะยมขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา อันเป็นตำแหน่งเดียวกับนาฬิกาพกซึ่งทางดีไซเนอร์ต้องการบ่งบอกถึงสายพันธุ์ที่สืบทอดมาจากแบรนด์นาฬิกาเก่าแก่ BAUME & MERCIER โดยรุ่นนี้จะจับคู่มากับสายนาฬิกาสีดำทำจากพลาสติก เพ็ท รีไซเคิล ล็อคด้วยหัวเข็มขัดวัสดุอลูมิเนียม

 

42mm automatique copy web1 

1AUTO opener web

 

BAUME

 

  

Custom Timepiece Series

สำหรับซีรี่ส์ Custom Timepiece ถูกนำเสนอด้วยคอนเซ็ปต์ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกออกแบบการตกแต่งตามที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ โดยทำการเลือกการปรับแต่งสลับสับเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ ที่สามารถทำให้แตกต่างกันได้มากกว่า 2,000 รูปแบบ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยรูปแบบที่มีให้เลือกนี้ มีตั้งแต่ ขนาดตัวเรือน (วัสดุสตีลขนาด 35 หรือ 41 มิลลิเมตร สีเงิน สีทอง หรือสีดำ) กลไกควอทซ์ฟังก์ชั่นต่างๆ ชิ้นส่วนต่างๆ รวมไปถึงสายสีต่างๆ ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล หรืออัพ-ไซเคิล เพื่อแสดงถึงความรักษ์โลก โดยเมื่อลูกค้าทำการเลือกรูปแบบเสร็จแล้ว หน่วยงานประกอบนาฬิกาคัสตอมก็จะทำการประกอบขึ้นมาและส่งมอบถึงมือลูกค้าในเวลาไม่นาน

  

ซีรี่ส์ Custom Timepiece เปิดตัวมาพร้อมกัน 4 ลักษณะ คือ 

1). แบบ 41mm Small Second กับ 2). แบบ 35mm Small Second ทั้งคู่ทำงานด้วยกลไกควอทซ์ Ronda 6004D โดยมีเข็มวินาทีขนาดเล็กอยู่ที่ 3 นาฬิกา และมีช่องแสดงวันที่อยู่ที่ 6 นาฬิกา

 

james modeleronda dimension41 materialcarteror braceletliege noir cadranblanc aiguillesnoir

 

BAUM55 

 

 

16 james modeleronda dimension35 materialcarterargent braceletalcantara cadrannoir aiguillesargent copy

 BAUME77

 

3). แบบ 41mm Retrograde กลไกควอทซ์ Miyota JR00 ฟังก์ชั่นแสดงวันที่ด้วยเข็มขนาดเล็ก ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และแสดงวันด้วยเข็มแบบเรโทรเกรด ณ ตำแหน่ง 1.30 นาฬิกา และ

 

15 james modelemiyota dimension41 materialcarternoir braceletliege naturel cadrannoir aiguillesblanc copy 

 

BAUME99

 

4). แบบ 35mm Moonphase ซึ่งจัดวางหน้าต่างมูนเฟสไว้แปลกตา ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ร่วมด้วยฟังก์ชั่นแสดงวันกับวันที่ด้วยเข็ม ณ ตำแหน่ง 6 กับ 12 นาฬิกา ทำงานด้วยกลไกควอทซ์ Miyota 6P20 โดยทุกแบบล้วนใช้ดีไซน์ตัวเรือนลักษณะเดียวกันและมีเม็ดมะยมอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาเช่นเดียวกัน

 

11james modelemiyota dimension35 materialcarteror braceletcoton bleu cadranbleu aiguillesor copy

BAUME66

 

โดยนาฬิกา BAUME นี้เริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2018 ผ่านทางเว็บไซต์ www.baumewatches.com โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ราวหนึ่งหมื่นแปดพันกว่าบาทเป็นต้นไป และทางแบรนด์แจ้งว่าภายในปี 2018 นี้จะมีซีรี่ส์ใหม่ซึ่งเป็น Limited Edition ผลิตจำนวนจำกัด ออกมาด้วยโดยจะเป็นการสร้างสรรค์ร่วมกับพันธมิตรรายต่างๆ อาทิ องค์กรรักษ์สิ่งแวดล้อม อย่าง Waste Free Oceans ซึ่งเป็นผู้เก็บขยะพลาสติกจากทะเล แม่น้ำ และชายหาด เป็นต้น