INTERVIEW WITH Felix Baumgartner of URWERK
Felix Baumgartner ผู้ร่วมก่อตั้งและนักประดิษฐ์นาฬิกาชั้นยอดแห่ง Urwerk แบรนด์นาฬิกาอินดิเพนเด้นท์ชั้นนำของโลก ซึ่งตลอด 15 ปีที่ผ่านมาได้แสดงศักยภาพผ่านผลงานอันโดดเด่นของตัวเองรุ่นแล้วรุ่นเล่าให้ชาวโลกได้ตื่นตาตื่นใจกับแนวคิดในการนำเสนอวิธีแสดงเวลาอันแปลกใหม่และเป็นเอกลักษณ์ ชายคนนี้สำเร็จการศึกษามาจากสถาบันผลิตช่างนาฬิกาใน Schaffhausen โดยนำความรู้ที่ได้รับมาผนวกเข้ากับศาสตร์แห่งกลไกซับซ้อนต่างๆ ที่สืบทอดมาจากบิดาซึ่งเป็นช่างนาฬิกาเช่นกัน กลั่นออกมาเป็นความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอเวลาที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร IAMWATCH มีโอกาสพบกับเขาเมื่อครั้งที่เขาเดินทางมาประเทศไทยเพื่อพบกับผู้ชื่นชอบในนาฬิกาของเขาโดยเฉพาะเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเขาก็ได้นำผลงานนาฬิการุ่นล่าสุด UR-210 ติดตัวมาให้ชมกันด้วย พบกับบทสนทนาของเรากับ Felix ได้เลยครับ
นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเห็น UR-210 ใช่มั้ย? (Felix เปิดฉากยิงคำถามกับเราก่อน หลังจากทักทายและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตามธรรมเนียมเรียบร้อย)
IAW: แน่นอนครับสำหรับเรือนจริง (ก็เค้าเอาติดตัวมาเองนี่นา จะไปเห็นตัวจริงก่อนหน้านี้ที่ไหนนอกจากในอินเตอร์เน็ตและเว็บไซต์ iamwatch.net)
ผมจะให้คุณเห็นว่ามีอะไรเด็ดๆ อยู่ตรงนี้ คุณเห็นมาตรวัดนี้ใช่ไหม มันสามารถบอกได้ว่าผมกระฉับกระเฉงแค่ไหน มันทำให้ผมรู้สึกดีกับตัวเองได้ว่าไม่ใช่คนเฉื่อยแฉะ นี่เป็นสิ่งใหม่มากสำหรับวงการและเราก็ได้ยื่นจดสิทธิบัตรไปแล้วสำหรับมาตรแสดงผลนี้ มาตรนี้จะสามารถบอกบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับตัวคุณได้นั่นก็คือการเคลื่อนไหวและการขยับเขยื้อนร่างกายของคุณ ว่าคุณใช้ชีวิตอย่างไรในช่วง 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถ้าคุณแอคทีฟเข็มจะชี้อยู่ในโซนสีเขียว ในแง่นาฬิกานั่นหมายถึงกลไกได้รับกำลังสำรองเพียงพอจากการเคลื่อนไหวของคุณ แต่ถ้าเข็มชี้ในโซนสีแดง หมายถึงว่ากลไกสูญเสียกำลังสำรองโดยไม่มีการสร้างคืนอย่างเพียงพอ และนั่นก็หมายความว่าคุณขี้เกียจนั่นเอง สำหรับผมแล้วมันมีความสนุกสนานซ่อนอยู่ในฟังก์ชั่นนี้
IAW: ในกรณีที่เข็มอยู่ในโซนสีแดง มันจะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของกลไกไหมครับ?
มันเพียงแต่บอกให้คุณทราบว่าคุณควรจะลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่างๆ ได้แล้ว และมันก็จะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณแอคทีฟอย่างต่อเนื่องเพียงพอที่จะทำให้เข็มขยับมาอยู่ในโซนสีเขียวอันหมายความว่ากลไกขึ้นลานมีการสร้างกำลังงานป้อนกลับเข้าไปเพียงใดจากกิจกรรมที่คุณกำลังทำ นี่เป็นสิ่งใหม่ในวงการนาฬิกา เป็นครั้งแรกที่มีฟังก์ชั่นซึ่งบอกอะไรเกี่ยวกับตัวคนใส่ได้ด้วย มันไม่ได้บอกแค่เวลาเท่านั้น มันบอกอะไรเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคุณได้ด้วย
IAW: ฟังก์ชั่นนี้เป็นการสร้างโมดูลขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อกับกลไกใช่มั้ย?
ใช่ โมดูลนี้ถูกวางไว้ด้านบนของกลไก ผมเรียกมันว่า Time Motion Control เพราะมันเป็นเครื่องชี้วัดการเคลื่อนไหวในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งสามารถควบคุมการป้อนพลังงานได้ด้วยการเลือกตัวคอนโทรลด้านหลังตัวเรือนให้กลไกอัตโนมัติมีการขึ้นลานตามความต้องการ เพราะการขึ้นลานอย่างต่อเนื่องมากเกินไปจะไม่เป็นผลดีกับกลไกหรือขึ้นลานน้อยไปก็จะทำให้กลไกหยุดการทำงาน เราจึงออกแบบให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการขึ้นลานอัตโนมัติให้น้อยลงหรือมากขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยการหมุนตัวคอนโทรลที่ด้านหลังตัวเรือน
IAW: การทำงานของระบบนี้เหมือนกับการปิดไม่ให้อากาศเข้าไปเพื่อลดการขึ้นลานอย่างนั้นหรือ?
คุณจะเห็นว่ามีใบพัดเทอร์ไบน์ขนาดเล็กกับขนาดใหญ่อยู่ที่ด้านหลังซึ่งเราเปิดช่องให้คุณมองเห็นได้ ซึ่งถ้าคุณเปิดระบบให้มันทำงานก็จะเหมือนกับการเหยียบเบรกคือมันจะลดประสิทธิภาพของระบบขึ้นลานอัตโนมัติลง 20% นั่นหมายความว่าคุณสามารถปรับลักษณะการขึ้นลานของนาฬิกาให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้ชีวิตส่วนตัวของคุณได้
IAW: เราสามารถปรับได้ด้วยตัวเองตลอดเวลาใช่มั้ยครับ อย่างถ้าเราใส่นาฬิกาไปจ็อกกิ้ง เราก็ปรับให้มันลดระดับการขึ้นลานได้
ใช่ ถ้าคุณสนุกกับมัน อยากเล่นกับมัน คุณก็สามารถปรับได้ตามต้องการเลย
IAW: ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการแสดงเวลาแบบเรโทรเกรดที่คุณใช้นิดหนึ่งครับ คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าการใช้การแสดงค่าแบบเรโทรเกรดนี้จะมีความแม่นยำอยู่เสมอ เพราะจากความรู้สึกของผม เข็มที่ตีกลับไปยังจุดเริ่มต้นเพื่อนับค่าใหม่นั้นมันน่าจะมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ในวันใดวันหนึ่ง
ไม่หรอกครับ จริงๆ แล้วกลไกฟลายแบ็คของเข็มเรโทรเกรดอย่างของเรานี้จะไม่ได้นับเต็ม 60 นาทีแล้วค่อยตีกลับไปเริ่มใหม่ มันจะนับเวลา 59 นาที 50 วินาที และจะใช้เวลา 10 วินาทีนั้นในการตีกลับไปยังจุดเริ่มต้น ไม่มีปัญหาที่คุณกังวลอย่างแน่นอน
IAW: จริงๆ แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับการบอกเวลาแบบเรโทรเกรดครับ และทำไมถึงได้นำมาใช้ในนาฬิการุ่นนี้?
มันดูดีที่จะนำมาใช้กับนาฬิกาของเรา มันเรียกความน่าสนใจให้กับงานของเราได้มากขณะที่มีการเปลี่ยนชั่วโมง ถ้าคุณนึกถึงรุ่น UR-202 ของเราที่ใช้เข็มแบบยืดหดได้ ขณะที่มันอยู่ที่นาทีที่ 59 นั้น คุณจะเกิดความสับสนเพราะไม่แน่ใจว่าจะอ่านค่าเลขชั่วโมงตัวไหน หมายความว่าต้องรอให้เข้าสู่ชั่วโมงใหม่เต็มๆ ก่อนจึงจะรู้ว่าเป็นชั่วโมงใด เราจึงประยุกต์เข็มแบบเรโทรเกรดในลักษณะนี้มาใช้ด้วยเพื่อบอกให้รู้ได้อย่างชัดเจนว่าต่อไปมันจะเป็นชั่วโมงใด
IAW: คุณใช้เวลาคิดค้นและพัฒนา UR-210 รุ่นนี้นานเท่าใดครับ?
2 ปีครึ่ง รวมถึงเราได้ใช้เวลา 1 ปีเต็มในการสวมทดสอบจริงบนข้อมือควบคู่ไปกับการทดสอบในแล็บด้วย ไม่ได้อยู่บนข้อมือคนๆ เดียวนะครับ แต่หลายคนด้วยกัน เพราะต้องลองกับวิถีชีวิตของคนหลายๆ ประเภท เพื่อนำมาประมวลผลและพัฒนาปรับปรุงให้กลไกและนาฬิกาทำงานได้อย่างเหมาะสมที่สุดจริงๆ ซึ่งแน่นอนอยู่ทดลองบนข้อมือผมพอสมควรเหมือนกัน
IAW: หมายความว่า ขณะนี้คุณก็กำลังซุ่มพัฒนานาฬิการุ่นใหม่อยู่แล้วใช่มั้ยครับ?
เป็นการคำนวณที่ดีมากครับ (หัวเราะ)
IAW: แล้วตอนนี้คุณยังต้องแบ่งเวลาไปทำงานโปรเจ็คต์อื่นๆ นอกจาก Urwerk อีกมั้ย?
ไม่ครับ ขณะนี้ผมมุ่งมั่นกับการทำ Urwerk แต่เพียงอย่างเดียว โปรเจ็คต์ที่ทำล่าสุดหลังจาก Opus 5 (Harry Winston) แล้ว ก็มี Nitro (Experiment ZR012) ที่ทำร่วมกับ MB&F ซึ่งก็เป็นงานที่เริ่มทำเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ทำแค่การผลิตให้ลูกค้าเท่านั้น ผมต้องทุ่มเทเวลาและความสามารถเพื่อ Urwerk ให้เต็มที่ครับเพราะโมเดลแต่ละโมเดลเป็นเหมือนการเชื่อมต่อกันทางด้านความคิดตามรูปแบบของ Urwerk
IAW: จนถึงวันนี้คุณสามารถกล่าวว่า Urwerk ประสบความสำเร็จได้หรือยัง?
ผมขอบอกว่าอยู่ในจุดที่น่าพึงพอใจดีกว่าครับ เราสร้างและผลิตนาฬิกาด้วยตนเอง ควบคุมคุณภาพได้ทุกอย่าง สร้างและทดสอบกลไกต่างๆ ทั้งหมดด้วยตัวของเราเอง และที่สำคัญคือ มีสถานะทางการเงินที่คล่องตัวพอที่จะทำให้เราอยู่ได้อย่างมั่นคงในปัจจุบันและอนาคต
IAW: ขอกลับไปถามถึง UR-103 บ้าง ยังคงเป็นรุ่นที่เน้นอยู่หรือไม่ครับ?
การผลิตของรุ่นนี้ครบตามจำนวนแล้วครับ
IAW: หมายความว่า ไม่มีการผลิตขึ้นมาใหม่แล้ว มีแต่เพียงที่อยู่ในตลาดเท่านั้น
ถูกต้องครับ ขณะนี้เราทำการผลิต UR-210 กับ UR-110 เป็นหลัก และก็มี UR-CC1 Cobra กับ UR-1001 Zeit Device ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ การผลิตช่วงละ 2 คอลเลคชั่นหลักเช่นนี้เหมาะสมแล้วกับแบรนด์เล็กๆ อย่างเรา
IAW: ได้ยินอย่างนี้แล้ว ผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ต้องมีผู้คนต้องการ UR-103 กันมากขึ้นแน่ๆ
ก็หวังว่าเป็นเช่นนั้น UR-103 เป็นรุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ของเราเป็นอย่างมากและก็สามารถแสดงตัวตนของเราได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
IAW: ตอนออกมาใหม่ๆ UR-103 ดูเป็นนวัตกรรมสุดล้ำในการบอกเวลา ผ่านไป 10 ปี กลายเป็นดูเรียบง่ายไปแล้วในวันนี้
ใช่ ตลกดี จริงๆ แล้วตอนที่สร้าง UR-103 ในสมัยนั้นก็ไม่ง่ายเลยนะครับ แต่ถ้าเทียบกับตอนนี้ก็อาจดูคลาสสิกไปเลย
IAW: ปัจจุบันคุณผลิต Urwerk ออกมากี่เรือนแล้วครับ?
จนถึงวันนี้ เราผลิตขึ้นมาราว 1,000 เรือนแล้ว 4-5 ปีให้หลังมานี้เรารักษากำลังการผลิตเอาไว้ที่ราวๆ 150 เรือนต่อปี และก็จะคงไว้ราวๆ นี้ต่อไปซึ่งเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับเราแล้ว
IAW: คุณทำตัวเรือนเองด้วยใช่ไหม?
ใช่ครับ เรามีตัวเรือนที่ทำขึ้นจากหลายวัสดุด้วยกัน เราจะทำล็อตละชนิดวัสดุ เพราะเครื่องมือที่ใช้ในการทำสำหรับแต่ละชนิดวัสดุก็มีความแตกต่างกัน และก็มีเรื่องการสั่งวัตถุดิบที่ใช้ทำวัสดุเข้ามาเกี่ยวด้วย
IAW: จะเห็นว่า แต่ละรุ่นของ Urwerk จะเป็นการผลิตแบบลิมิเต็ดโปรดักชั่น คุณตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นหรือ?
ส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น เรามักกำหนดจำนวนการผลิตไว้ล่วงหน้า เราอยู่มาได้ด้วยวิธีนี้จึงไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลง
IAW: จะมีรุ่นใหม่ในระดับเอนทรี่ของแบรนด์ออกมาแทน UR-103 มั้ย?
ขณะนี้ UR-103 ยังคงมีจำหน่ายอยู่ที่ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ แต่คงใช้เวลาไม่นานนัก อย่างมากสักปีครึ่งก็น่าจะหมดแล้ว ดังนั้นอีกราว 2 ปีข้างหน้าเราจะมี UR-105 ออกมา จะมีฟีเจอร์ที่ตื่นตากว่าเดิมอยู่บนพื้นฐานการทำงานในลักษณะคอมพลิเคชั่นที่คล้ายกับ 103 ขณะนี้เรากำลังทำเรือนต้นแบบอยู่ น่าจะเปิดตัวได้ในปี 2014
IAW: สุดท้ายเลย สำหรับคุณแล้วอะไรคือตัวตนของ Urwerk ในเรื่องของกลไก
การแสดงเวลาครับ การแสดงเวลาแบบแซทเทิลไลท์คือตัวตนของเราและจะเป็นเราตลอดไป
หากคุณได้ติดตามผลงานของเขามาบ้าง คงจะพอเห็นได้ว่างานของเขามีเอกลักษณ์และตัวตนอันแรงกล้าอยู่มาก โดยเฉพาะการใช้วิธีการแสดงค่าชั่วโมงแบบการโคจรซึ่งเชื่อมโยงกับการแสดงนาทีบนมาตรโดยแต่ละรุ่นที่ออกมาก็จะมีดีเอ็นเอแบบนี้ติดตัวมาด้วยเสมอ นับว่าเป็นแนวทางอันชัดเจนของเขา และก็ทำให้ทั้งโลกเฝ้าติดตามว่าเขาจะประยุกต์ต่อยอดผลงานชิ้นต่อๆ ไปออกมาอย่างไรกันบ้าง และเมื่อได้รู้จักกับตัวจริงของเขาแล้วก็ต้องบอกว่า ความพิเศษและบุคลิกเฉพาะที่พบในกลไกของนาฬิกา Urwerk ก็ถ่ายทอดมาจากดีเอ็นเอของเขานั่นล่ะครับ
By: Pramote R. & Viracharn T.