สืบทอดตำนาน HEUER ก้างปลา

  

Untitled 11

 

 

ย้อนกลับไปราวสองทศวรรษ หนึ่งในนาฬิกาที่ติดข้อมือของผู้คนในยุคนั้นมากที่สุดซีรี่ส์หนึ่งก็คือ นาฬิกาที่มีรูปแบบสายข้อมือซึ่งคนไทยเราเรียกกันว่าก้างปลา เด่นเกินหน้าเกินตาตัวนาฬิกาจนถึงขนาดนำมาใช้เรียกเป็นชื่อรุ่นเลยทีเดียวจนน้อยคนนักที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้วนาฬิกา TAG Heuer ที่โด่งดังระดับไอคอนซีรี่ส์นี้มีชื่อจริงๆ ว่าอะไร 

 

 

WG1122 6670SUntitledS

 

S/el ต้นฉบับ 'ก้างปลา' รุ่นแรกซึ่งเริ่มออกจำหน่ายในปี ค.ศ.1987

 

 

ชื่อเรียกขานอย่างเป็นทางการของนาฬิกา TAG Heuer ซีรี่ส์นี้มีนามว่า S/el โดยย่อมาจากคำว่า Sport and Elegance ถือกำเนิดขึ้นด้วยไอเดียแนวๆ ของ TAG Heuer เมื่อช่วงกลางทศวรรษที่ 80 ซึ่งต้องการจะสร้างนาฬิกาใหม่เอี่ยมขึ้นมาซีรี่ส์หนึ่งโดยมีแนวคิดที่จะรวมเอาความเป็นนาฬิกาหลายๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็นแบบเดรส แบบสปอร์ต ไปจนถึงแบบหรูหราออกงานได้ มาหลอมรวมไว้ในนาฬิกาซีรี่ส์นี้ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นนาฬิกาประเภทเรือนเดียวจบใส่ไปได้ทุกที่ทุกเวลานั่นเอง และผลงานจากคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ที่เกิดขึ้นก็ได้รับการต้อนรับจากตลาดอย่างท่วมท้นจนกลายเป็นซีรี่ส์นาฬิกาที่ได้รับความนิยมสูงสุดแบบหนึ่งของโลก

 

 

15

 

(ซ้าย) แอมบาสเดอร์ประจำนาฬิกาซีรี่ส์ก้างปลาตั้งแต่ปี 1988 Aryton Senna นักแข่งฟอร์มูล่าวันคนดังของทีมแม็คลาเรนในยุคนั้น

 

 

บรรพบุรุษชุดแรกของนาฬิกาสปอร์ตหรูซีรี่ส์ก้างปลาถือกำเนิดขึ้นใน ค.ศ.1987 ให้หลัง Formula 1 ซีรี่ส์นาฬิกาสปอร์ตรุ่นเล็กหนึ่งปี ในรูปโฉมนาฬิกาสปอร์ตสไตล์หรูรูปลักษณ์สดใหม่ที่แตกต่างจากนาฬิกาอื่นๆ ทั่วไปด้วยรูปทรงของตัวเรือนและสายโลหะที่ไหลลื่นพริ้วไหวสอดคล้องกันตลอดเรือน ข้อสายโลหะทำเป็นรูปตัว S คู่ประสานเรียงกันดุจกำไลข้อมือสุดเนียนตรงตามคอนเซ็ปต์การออกแบบที่ตั้งไว้ว่า Sport and Elegance แบบเป๊ะๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่จดจำและเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมากับทางเลือกอันหลากหลาย ทั้งแบบปัดเงา ปัดด้าน เงาสลับด้าน เคลือบทองแบบสองกษัตริย์ ไปจนถึงแบบเคลือบทองล้วน จับคู่กับหน้าปัดสีต่างๆ หรือแม้กระทั่งสายแบบก้างปลาร่วมกับวัสดุหนัง และก็มีหลายขนาดให้เลือกทั้งไซส์ผู้ชาย บอยไซส์ และไซส์ผู้หญิง เรียกว่าตั้งใจกวาดตลาดทุกเพศทุกวัยกันเลยทีเดียว โดยมีฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เลือกอย่างมากมาย ทั้งแบบบอกเวลาและแบบโครโนกราฟ เดินด้วยเครื่องควอตซ์และเครื่องออโต้ และยิ่งได้ Ayrton Senna แชมป์โลกฟอร์มูล่าวันในยุคนั้นซึ่งเป็นนักแข่งประจำทีม McLaren ในสมัยนั้นมารับหน้าที่เป็นแอมบาสเดอร์ตั้งแต่ปี 1988 ก็ยิ่งทำให้ก้างปลาพุ่งทะยานขึ้นเป็นนาฬิกาอันดับต้นๆ ที่ผู้คนทั่วโลกต้องการ และก็ช่วยเสริมความนิยมให้กับนาฬิการุ่นอื่นๆ ของแบรนด์และตัวแบรนด์เองด้วย

 

 

Sel Senna 19871515S

 

(ซ้าย) นาฬิกาก้างปลารุ่นที่ Senna สวมใส่ติดข้อมือในสมัยที่เขาเป็นแอมบาสเดอร์ของนาฬิกาซีรี่ส์นี้ เป็นรุ่นโครโนกราฟที่แสดงค่าเวลาด้วยเข็มร่วมกับหน้าจอดิจิตัล ในตัวเรือนสองกษัตริย์คู่กับสายหนังสีน้ำตาลที่มีข้อก้างปลาสีทองเชื่อมอยู่กับตัวเรือน โดยเขาได้มอบนาฬิกาเรือนนั้นให้กับช่างคนหนึ่งของทีมเมื่อจบฤดูกาลแข่งขันปี 1993
(ขวา) Link Senna Chronograph นาฬิกาเซนน่าลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่นแรก ผลิตในจำนวนจำกัด 1,991 เรือน เมื่อปี 2001 มีชื่อ Ayrton Senna และโลโก้ S ซึ่งหมายถึง Senna อยู่บนหน้าปัด สร้างจากพื้นฐานของ Link เจเนอเรชั่นแรก

 

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 1999 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ TAG Heuer ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรธุรกิจลักชัวรี่ชั้นนำของโลก LVMH Group (Moët Hennessy Louis Vuitton) ในปีนั้นเองที่ TAG Heuer ได้เปิดตัวนาฬิกาเจเนอเรชั่นใหม่ที่จะมารับช่วงต่อจากก้างปลา โดยเป็นการนำดีไซน์อันโดดเด่นของซีรี่ส์ก้างปลามาขัดเกลาใหม่ให้ตัวเรือนและหน้าปัดมีขนาดใหญ่ขึ้นขณะที่ลดความหนาของตัวเรือนลง ทำให้ดีไซน์โดยรวมดูทันสมัยยิ่งขึ้น นาฬิการุ่นนี้ถูกบัญญัติชื่อขึ้นมาใหม่ว่า Link ซึ่งสื่อถึงความไหลลื่นเชื่อมโยงกันของดีไซน์ตัวเรือนจรดสายอันเป็นเอกลักษณ์นั่นเอง โดยยังคงมีรูปแบบและฟังก์ชั่นให้เลือกมากมายเช่นที่เคยเป็นมา แล้วก็ยังมีการทำนาฬิการุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นทริบิวต์ให้กับ Aryton Senna ซึ่งเป็นแอมบาสเดอร์ท่านแรกแห่งซีรี่ส์ก้างปลาหรือ S/el อันเป็นต้นกำเนิดของ Link ออกมาหลายเอดิชั่นด้วยกันเริ่มจากปี 2001 โดยออกเอดิชั่นใหม่ปีละรุ่นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2004 อันเป็นวาระครบรอบ 10 ปีแห่งการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในการแข่งรถฟอร์มูล่าวันของ Senna

 

 

2S34687496895 e86fa9ab51 bS

 

(ซ้าย) Link Calibre S Chronograph เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2007 ในยุคเจเนอเรชั่นที่สองของ Link
(ขวา) Link Calibre 7 Advanced Magnetic GMT เปิดตัวเมื่อปี 2010 เป็นนาฬิกาที่เปิดตัวมาในช่วงปลายโมเดลของ Link เจเนอเรชั่นที่สอง
 

 

 

เจเนอเรชั่นแรกของ Link วางจำหน่ายได้ไม่กี่ปี ทาง TAG Heuer ก็ได้ปรับดีไซน์ของ Link ใหม่อีกครั้งให้ดูกลมกลืนและลื่นไหลยิ่งขึ้นโดยคลอดออกมาเป็นเจเนอเรชั่นที่สองในปี 2003 ด้วยขนาดตัวเรือน 42 มม. ซึ่งก็มีเครื่องและฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เลือกใช้อย่างหลากหลายเช่นเคย ตั้งแต่ควอตซ์, ออโตเมติก Calibre 5, โครโนกราฟ Calibre 16, โครโนกราฟ Calibre 36 ที่อ่านค่าจับเวลาได้ละเอียดถึง 1/10 ของวินาที ไปจนถึงรุ่นที่ใช้เครื่อง Calibre S กลไกระบบอิเล็กโทร-เม็คคานิคัล อันเป็นการทำงานร่วมกันของระบบควอตซ์กับกลไกจักรกลให้สามารถแสดงค่าจับเวลาได้ละเอียดถึง 1/100 ของวินาทีที่ทาง TAG Heuer เป็นผู้คิดค้นขึ้น ซึ่งเปิดตัวออกมาในปี 2007 อันเป็นปีที่นาฬิกาซีรี่ส์นี้มีอายุครบ 20 ปีนับจากปีที่ S/el บรรพบุรุษของ Link ถือกำเนิด ตามมาด้วยรุ่นที่น่าสนใจอย่าง Calibre 7 Advanced GMT ในปี 2010 ที่มากับเครื่องออโต้ติดฟังก์ชั่นแสดงเวลาจีเอ็มทีด้วยเข็มพร้อมจานดิสก์แสดงชื่อเมือง

 

 

small LINK natural morte finalS

 

Link Automatic Chronograph Calibre 16 เจเนอเรชั่นล่าสุด 

 

 

ล่าสุดในปี 2011 ที่ผ่านมา เจเนอเรชั่นที่สามของ Link ก็ได้รับการเปิดตัวออกสู่ตลาด โดยเจเนอเรชั่นใหม่นี้มากับดีไซน์เส้นสายที่เฉียบคมหมดจดยิ่งขึ้น มีขาตัวเรือนสั้นลงทำให้สวมใส่กระชับรับกับข้อมือกว่ารุ่นก่อน เม็ดมะยมบางลงแต่เส้นผ่านศูนย์กลางกว้างขึ้นกลมกลืนกับบ่าด้านข้าง และบนพื้นหน้าปัดยังวางเท็กซ์เจอร์เป็นเส้นลายในแนวตั้งเพื่อให้ดูมีมิติสวยงามด้วย ใช้หลักชั่วโมงแบบแท่งเงาวาวทรงเพรียวกว่าที่เคยเป็น ขอบหน้าปัดด้านในก็แคบลงกว่าเดิมซึ่งช่วยเสริมให้หน้าปัดดูแผ่กว้างสบายตาขึ้นกว่าเดิม ส่วนตัวสายสเตนเลสสตีลรูปตัว S คู่ก็ถูกทำให้แบนและมีเหลี่ยมสันดูแข็งแรงกว่าเจเนอเรชั่นก่อน โดยยังคงมีลักษณะแห่งความเป็น Sport and Elegance ตามเจตนารมณ์ดั้งเดิมเมื่อครั้งเริ่มสร้างรุ่นก้างปลาอันเป็นบรรพบุรุษของตระกูลอยู่อย่างเหนียวแน่น

 

 

Calibre 16 2010 2011S

 

เรือนซ้ายเป็น Link Automatic Chronograph Calibre 16 เจเนอเรชั่นล่าสุด มีดีไซน์ที่ทันสมัยและคมคายกว่าเรือนขวาซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันจากเจเนอเรชั่นก่อนมากทีเดียว

 

 

Link เจเนอเรชั่นล่าสุด มีแบบต่างๆ ให้เลือกมากมายเหมือนเช่นเคย เริ่มจากแบบตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 40 มม. ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องควอตซ์บอกเวลาสามเข็มและแบบเครื่องออโต้ Calibre 6 บอกเวลาแบบสองเข็มครึ่ง ต่อด้วยแบบ Day-Date ในตัวเรือนขนาด 42 มม. เครื่องออโต้ Calibre 5 ที่วางช่องหน้าต่างพร้อมกรอบสีเงินบอกวันกับวันที่เอาไว้ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนรุ่นโครโนกราฟจะใช้ตัวเรือนขนาด 43 มม. ที่มาพร้อมสเกลทาคีมิเตอร์บนขอบตัวเรือน โดยจะมีรุ่น Link Chronograph Calibre S ซึ่งใช้กลไกระบบอิเล็กโทร-เม็คคานิคัล กับรุ่น Link Automatic Chronograph Calibre 16 เครื่องออโต้ที่มีลูกเล่นเสริมจุดชวนมองบนหน้าปัดด้วยการใช้วงวินาทีย่อยขนาดใหญ่ล้อมกรอบเงินวางทับเหลื่อมวงจับเวลาทั้งสองที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนเช่นกันให้เลือกด้วย

 

 

Link WAT1111.BA09501SWAT2010 ImageSLink CAT7010.BA0952 blackS

 

บรรดา Link รุ่นต่างๆ ในเจเนอเรชั่นล่าสุด (ซ้าย) Link เครื่องควอตซ์ (กลาง) Link Automatic Calibre 5 Day-Date (ขวา) Link Calibre S Chronograph

 

 

ดีไซน์ที่แปลกตาออกไปจากเดิมอีกจุดที่อยากกล่าวถึงก็คือ รูปแบบของขอบตัวเรือนจะมีฐานเป็นทรงคัชชั่นที่สร้างความชวนมองได้มาก ยกเว้นรุ่นเครื่องควอตซ์ที่จะใช้ขอบตัวเรือนแบบเซาะร่องอันคุ้นตา บนขอบตัวเรือนนั้นโดยปกติแล้วจะมีตัวเลขชั่วโมงกับหลักมาร์คเกอร์อยู่ด้วย ยกเว้นรุ่นโครโนกราฟที่จะเป็นสเกลทาคีมิเตอร์ แต่บางรุ่นที่ใช้หลักชั่วโมงเลขโรมันจะเป็นขอบตัวเรือนแบบเกลี้ยง ด้านสีของหน้าปัดนั้นแทบทุกแบบจะมีทั้งสีดำและสีเงินให้เลือก โดยในแบบเครื่องออโต้ Calibre 6 จะมีรุ่นสองกษัตริย์หน้าปัดสีเงินที่ใช้ขอบตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ 18k และมาพร้อมสายที่มีการตกแต่งด้วยสีทองให้เลือกด้วย 

 

 

Link WAT2150.BB0953 Calibre6SLINK seductionS

 

Link Automatic Calibre 6 เจเนอเรชั่นล่าสุด เครื่องอัตโนมัติบอกเวลาแบบสองเข็มครึ่ง

 

 

เป็นที่น่าสังเกตว่า Link คอลเลคชั่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 2011 นั้นไม่มีตัวเรือนขนาดสำหรับคุณผู้หญิงออกมาด้วย นั่นก็เพราะว่า TAG Heuer คิดการณ์ใหญ่ที่จะแยก Link สำหรับผู้หญิงออกจากรุ่นผู้ชายอย่างเด็ดขาด เหมือนกับที่ได้ทำกับคอลเลคชั่นฟอร์มูล่าวันมาก่อนหน้านี้ที่จะใช้แก่นของดีไซน์ร่วมกันแต่รังสรรค์รายละเอียดและสัดส่วนของดีไซน์รวมถึงการตกแต่งที่แตกต่างกันให้เหมาะสมกับแต่ละเพศโดยเฉพาะ จึงเป็นที่มาของนาฬิกา Link Lady ที่เปิดตัวออกมาในปี 2012

 

 

LINK Lady WAT1440.BG959 rose gold purple guilloche dialS

 

Link Lady ตัวเรือนโรสโกลด์ 18k ขนาด 29 มม. หน้าปัดสีม่วง หลักชั่วโมงประดับเพชร สายโรสโกลด์ 18k

 

 

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Link Lady นี้จะไม่ได้เป็นการนำเอาตัวเรือน Link ของผู้ชายมาลดขนาดให้ผู้หญิงใส่เหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่รุ่นก้างปลาจนถึง Link เจเนอเรชั่นที่แล้ว แต่คราวนี้ทาง TAG Heuer ตั้งใจที่จะสร้างไอคอนแบบใหม่ให้กับนาฬิกาผู้หญิงอย่างแท้จริงด้วยการออกแบบตัวเรือนขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยมีจุดร่วมในการใช้ชื่อว่า Link จากการใช้ดีไซน์สายแบบตัว S คู่เช่นกันกับรุ่นผู้ชายแต่มีสัดส่วนและลักษณะที่ต่างกัน Link Lady จึงมีดีไซน์แห่งความเป็นผู้หญิงโดยแท้ 

 

 

LINK Lady WAT1414.BA0954 one row diamonds bezelSLINK Lady WAT1410.BA0954 Black Guilloche DialS

 

(ซ้าย) ตัวเรือน 29 มม.แบบหน้าปัดเงิน ขอบตัวเรือนและหลักชั่วโมงประดับเพชร
(ขวา) ตัวเรือน 29 มม. แบบหน้าปัดดำ หลักชั่วโมงประดับเพชร

 

 

Link Lady ออกมาด้วยทางเลือกใน 2 ขนาดตัวเรือน คือ 34.5 มม. กับ 29 มม. ใช้แผ่นหน้าปัดที่มีความงดงามอ่อนละมุนด้วยการแกะลายกิโยเช่เป็นคลื่นโค้งรูปตัว S กระจายเป็นระลอกคลื่นออกจากจุดกึ่งกลางดูนุ่มนวลพริ้วไหวหรือแผ่นหน้าปัดเปลือกหอยมุก มีช่องหน้าต่างบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ทำงานด้วยเครื่องควอตซ์ และที่ขาดไม่ได้ก็คือการมีสีหน้าปัดและรายละเอียดการตกแต่งให้เลือกหลายแบบด้วยกัน แน่นอนว่ามีแบบประดับเพชรด้วย ซึ่งรุ่นที่ใช้หลักชั่วโมงประดับเพชรก็จะมีการสลักเลขโรมันแสดงเป็นหลักชั่วโมงไว้บนขอบตัวเรือน และก็มีตัวเรือนโรสโกลด์ 18k หรือตัวเรือนแบบสองกษัตริย์สลับเยลโลว์โกลด์ 18k ให้เป็นเจ้าของด้วย ทั้งยังแสดงถึงความตั้งใจในการนำเสนอด้วยการให้ คาเมรอน ดิแอซ นักแสดงสาวชื่อดังเข้ามารับหน้าที่เป็นแอมบาสเดอร์ในการประชาสัมพันธ์ Link Lady คอลเลคชั่นนี้โดยเฉพาะ 

 

 

LINK Lady WAT1452 WAT1450.BB0955 Steel GoldSLINK Lady WAT1314.BA0956 Roman Numerals DialS

 

(ซ้าย) แบบตัวเรือนสองกษัตริย์ขนาด 29 มม. จะใช้ขอบตัวเรือนที่ทำจากเยลโลว์โกลด์ 18k มีให้เลือกทั้งแบบหลักชั่วโมงประดับเพชรและแบบเลขโรมัน สายเป็นสตีลสลับเคลือบเยลโลว์โกลด์ตรงส่วนกลาง
(ขวา) แบบตัวเรือนขนาด 34.5 มม. หน้าปัดสีเงิน

 

 

เรามาจับตาดูความสำเร็จของทั้ง Link เจเนอเรชั่นใหม่ของผู้ชายและ Link Lady สำหรับผู้หญิงชุดนี้กันนะครับ ว่าจะขึ้นสู่การเป็นไอเท็มโปรดของผู้คนในยุคนี้เหมือนกับที่ก้างปลาเคยเป็นในยุคทศวรรษสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปี 2000 หรือไม่

 

 

LINK Lady Cameron Diaz 1S

 

Cameron Diaz แอมบาสเดอร์ของคอลเลคชั่น Link Lady

 

By: Viracharn T.