New SEIKO 5 Sports SKX Series
ปี 2024 เป็นปีที่แบรนด์นาฬิกา SEIKO ครบรอบ 100 ปีจากที่ชื่อแบรนด์นี้ ได้ถูกประทับลงบนหน้าปัดนาฬิกาเป็นครั้งแรก ดังนั้นธีมของนาฬิกาในปีนี้ จึงเป็นการนำตัวเรือนและรุ่น ที่เคยได้รับความนิยมต่างๆ ของ SEIKO กลับมาเผยโฉมอีกครั้งโดย SEIKO 5 Sports เองก็เช่นกัน กับโมเดลในอดีตที่นำมาขยายความ ต่อยอด และพัฒนาให้เข้ากับยุคปัจจุบัน นั่นก็คือนาฬิกาที่ในอดีตถูกเรียกด้วย Ref. SNZH จากยุค 20s ของ SEIKO 5 Sports ที่เคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งในตลาดญี่ปุ่นและตลาดทั่วโลก
ที่ให้ลุคความเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัว พร้อมขอบเบเซิลที่มีการเซาะร่องเล็กน้อย อีกทั้งยังเคลือบกระจกด้านบนอีกหนึ่ง ช่วยขับให้นาฬิกาเรือนนี้รับกับลุคที่ดูเป็นทางการมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอีกหนึ่งจุด คงหนีไม่พ้นชุดเข็มที่มีขนาดใหญ่ และสามารถมองเห็นลูมิไบร์ทได้ชัดเจนยิ่งกว่า โดยถอดแบบความเคร่งขรึมนี้ มาจากโมเดลต้นฉบับโดยตรง ปิดท้ายด้วยกระจกทรงโค้ง ที่ยังหลงเหลือไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็นนาฬิกาวินเทจ พร้อมการประดับโลโก้ SEIKO 5 Sports ไว้ใต้ตำแหน่ง 12 นาฬิกาเช่นเดิม
พร้อมสีสันของหน้าปัด ที่สื่อถึงกลิ่นอายความเป็นนาฬิกาวินเทจได้อย่างครบครัน โดยนาฬิกาทั้งสองรุ่นใหม่นี้ จะเข้ามาอยู่ในซีรี่ย์ปัจจุบันอย่าง SKX Series เริ่มต้นด้วยเรือนแรก SEIKO 5 Sports SKX Series, Ref. SPRK97K หน้าปัดสีน้ำเงินเข้มซันเรย์ ที่ถอดแบบสีสันมาจากต้นฉบับโดยสมบูรณ์ ด้วยหน้าปัดที่เล่นไปกับแสง ที่ช่วยทำให้ดูโดดเด่นและสะดุดตาในหลายมิติ ผสมผสานความรู้สึกแบบวินเทจและความโมเดิร์น ด้วยการตัดกับสีของมาร์กเกอร์และชุดเข็มด้วยสีเงิน พร้อมหน้าต่างแสดงวันและวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา
ส่วนเรือนที่สองใน Ref. SPRK99K ที่มาพร้อมหน้าปัดสีดำและจับคู่มากับมาร์กเกอร์และชุดเข็มสีทอง ตอกย้ำความเป็นวินเทจได้อย่างเต็มขั้น อีกทั้งยังมาพร้อมหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกาบนจานสีดำ ซึ่งนาฬิกาทั้งสองเรือน จะทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 4R36 ที่ให้พลังสำรองลานได้นานถึง 41 ชั่วโมง พร้อมขอบเบเซิลแบบหมุนในทิศทางเดียว มาพร้อมชุดเข็มและมาร์กเกอร์เคลือบสารเรืองแสงลูมิไบร์ท และตำแหน่งเม็ดมะยมที่ 4 นาฬิกา
โดยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติชุดนี้ สามารถขึ้นลานด้วยมือได้ บรรจุอยู่ในตัวเรือนนาฬิกาที่มีความหนา 14.17 มิลลิเมตร และผลิตจากวัสดุสตีลทั้งตัวเรือนและสาย กรุด้วยกระจกฮาร์ดเล็กซ์ทรงโค้ง ใช้งานคู่กันกับสายที่มาพร้อมบานพับแบบ 3 ทบพร้อมปุ่มกดคลายล็อค กับฝาหลังแบบขันเกลียวและกรุด้วยกระจกฮาร์ดเล็กซ์ เพื่อให้สามารถมองเห็นความงามของชุดกลไกได้ รวมกันทำให้นาฬิกาทั้งสองรุ่นนี้ มีทั้งความวินเทจและคลาสสิค ตามแบบฉบับดั้งเดิมได้อย่างโดดเด่นยิ่งขึ้น
ในนาฬิกาตัวเรือนขนาด 42.5 มิลลิเมตร ที่ให้ประสิทธิภาพในการกันน้ำเทียบเท่า 100 เมตรหรือ 10 บาร์ โดยมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 17,000 บาท ในช่องทางเว็บไซท์หลัก www.seikoboutiquethailand.com หรือที่บูติค SEIKO ณ เซ็นทรัลแกรนด์พระรามเก้า, เคาน์เตอร์ SEIKO ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือช่องทาง FB: SEIKO Club by SEIKO Thailand และ IG: Seiko_Thailand รวมทั้ง LINE OA : @Seiko_Thailand หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-255-1245 ต่อ 888
