“REBIRT H” Power Design Project 2022, Part II
นาฬิกาในโครงการพิเศษเรือนที่สามคือ Shikakuro กับนาฬิกากลไกโครโนกราฟทรงเหลี่ยม จากแนวคิดการออกแบบที่มาจากคำถามที่ว่า นาฬิกาโครโนกราฟรุ่นไหนจะโดนใจที่สุด? โดยมีโจทย์จากนาฬิการุ่นดั้งเดิม ที่เป็นนาฬิกาโครโนกราฟทรงสี่เหลี่ยมที่เปิดตัวในปี 1971 และได้รับการออกแบบเพื่อจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ด้วยโครงสร้างพิเศษของตัวเรือน และรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขอบมน ที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น พร้อมหน้าปัดที่มีสีสันให้เลือกมากมาย และการเลือกใช้สีแบบใหม่ของหน้าปัด ที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและความอิสระ ของค่านิยมในการแสดงถึงตัวตนช่วงยุค 70’s
เป็นนาฬิการุ่นเกิดใหม่ที่มีดีไซเนอร์ ที่ยังคงรักษารูปแบบที่สะท้อนถึงบรรยากาศของยุค 70’s ด้วยโครงสร้างแบบพิเศษของตัวเรือนและรูปทรง อันเปี่ยมเอกลักษณ์ที่มีความทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมการเลือกใช้สีพื้นหน้าปัดที่ทันสมัย ให้สามารถแมตช์ตัวเรือนเข้ากับขอบตัวเรือนที่หลากหลาย รวมทั้งสายทั้งแบบโลหะและสายหนัง ที่จะทำให้สามารถค้นพบนาฬิกาที่แมตช์กับตัวตนได้อย่างแท้จริง โดยนาฬิการุ่น Shikakuro นี้ออกแบบโดย Natsuhiko Takahashi ผู้เข้าร่วมงานกับทาง SEIKO ตั้งแต่ปี 2017 และเป็นผู้ออกแบบนาฬิการุ่นต่างๆ ของแบรนด์ SEIKO โดยมุ่งเน้นไปที่นาฬิกาในคอลเลคชั่น Prospex
เรือนที่ 4 คือ Adventure Kids Watch กับฟังก์ชั่นอันหลากหลาย เพื่อวัยแห่งความกระตือรือร้น จากนาฬิการุ่นดั้งเดิมคือ Prospex Marinemaster Professional นาฬิกาสำหรับนักดำน้ำมืออาชีพ ที่สามารถทำงานในสภาวะแวดล้อมที่สุดขั้วและท้าทาย ด้วยการออกแบบที่เปี่ยมเอกลักษณ์ ทำให้นาฬิการุ่นนี้ได้รับฉายาว่า “ทูน่า” จากแฟนๆ ของ SEIKO เนื่องจากมีตัวเรือนที่มีความคล้ายกับทูน่ากระป๋อง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในนาฬิการุ่นยอดฮิตรุ่นหนึ่งของ SEIKO สู่นาฬิการุ่นเกิดใหม่ที่ผ่านการตีความ ให้ออกแบบมาเป็นนาฬิกาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ โดยตัวนาฬิกามีโครงสร้างที่ช่วยป้องกันตัวเรือนที่แข็งแกร่ง เพื่อช่วยให้เด็กๆ ใส่เล่นได้อย่างไร้กังวล
พร้อมสายในรูปทรงหีบเพลงที่ใส่และถอดได้ง่าย และขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถตั้งเวลา สำหรับการทำกิจกรรมได้อย่างสะดวกและง่ายดาย โดยทุกรายละเอียดของนาฬิกาถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เด็กๆ ได้สนุกกับกิจกรรมต่างๆ และหวังว่านาฬิกาเรือนนี้จะเป็นนาฬิกาเรือนแรกในชีวิตของพวกเขา โดย Adventure Kids Watch ออกแบบโดย Yugo Hibayashi ผู้เข้าร่วมงานกับทาง SEIKO ตั้งแต่ปี 2007 โดยทำงานด้านการออกแบบและพัฒนานาฬิกาแบบดิจิตอล ซึ่งตั้งแต่ปี 2012 เขามีส่วนร่วมในการออกแบบนาฬิกา สำหรับตลาดเอเชียเป็นหลัก และปัจจุบันรับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมพัฒนาด้านการออกแบบให้กับ GRAND SEIKO
ส่วนเรือนที่ 5 คือ Time Sonar 434 Feels ด้วยคำที่แสดงผ่านช่องหน้าต่างในแบบปฏิทิน ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถค้นพบโชคชะตาในวันนี้ได้หรือไม่? จากรุ่นดั้งเดิมของนาฬิกา SEIKO Time Sonar ที่เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อปี 1976 โดยได้รับการออกแบบให้มีรูปแบบการแสดงโซน่าร์ของเรือดำน้ำ ซึ่งการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ ใช้หน้าปัดที่ผลิตจากพลาสติกใส เพื่อช่วยให้สามารถมองเห็นแผ่นดิสก์แสดงปฏิทินได้ โดยกระจกสีโปร่งใสจะใช้ผนึกด้านหลังตัวเรือนพร้อมโรเตอร์โทนสีดำ ทำให้ดูคล้ายระบบการหาตำแหน่งวัตถุใต้น้ำ โดยการส่งคลื่นเสียงและรับเสียงสะท้อนของสัญญาณโซน่าร์
ซึ่งรุ่นเกิดใหม่ จะเป็นผลงานการดีไซน์ที่ยังคงรักษาคาแรคเตอร์ของหน้าปัดของ Time Sonar ไว้ พร้อมแนวคิดของการแสดงถึงประสาทสัมผัสและ “ความรู้สึก” ที่แตกต่างกันไป 434 แบบ ด้วยคำภาษาอังกฤษที่คุ้นเคยบนแผ่นดิสก์แทนที่การแสดงปฏิทิน โดยข้อความประจำวันจะแสดงในหน้าต่างปฏิทิน เพื่อปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่น ไปกับข้อความโดนใจที่แสดงบนหน้าปัดในโมเมนต์ต่างๆ ของในแต่ละช่วงเวลา โดย Time Sonar 434 Feels ออกแบบโดย Kiko Goda ผู้เข้าร่วมงานกับ SEIKO ในปี 2017 และปัจจุบันนี้รับผิดชอบการออกแบบนาฬิกาแบรนด์ SEIKO โดยมุ่งเน้นไปที่นาฬิกาในคอลเลกชั่น Presage
กับนาฬิกาเรือนที่ 6 TISSE our time นาฬิกาที่สะท้อนถึงความหลากหลายในธรรมชาติ จากรุ่นดั้งเดิมของนาฬิกา TISSE ที่ได้รับการเปิดตัวในปี 1984 จากการเป็นนาฬิกาที่สวมใส่เหมือนเครื่องประดับ ดังนั้นการพัฒนากลไกขนาดเล็กเป็นพิเศษ จนทำให้สามารถลดขนาดตัวเรือนลงได้จนถึงขีดจำกัดสูงสุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยรูปทรงของลูกปัดที่เรียบง่าย สร้างสไตล์การสวมใส่แบบใหม่ที่เรียกว่า “loose fit” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจากสาวๆ ในเวลานั้น สู่นาฬิการุ่นเกิดใหม่กับ TISSE ที่ถือกำเนิดอีกครั้งในฐานะนาฬิกาที่ก้าวข้ามการจัดหมวดหมู่ทางเพศ
ด้วยลวดลาย การขัดแต่งและขนาดปานกลาง ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถสวมใส่ได้อย่างสวยงาม โดยสายนาฬิกาในตำแหน่ง 12 นาฬิกาและ 6 นาฬิกา จะแสดงถึงความหลากหลายและลักษณะเฉพาะของแต่ละคน เมื่อสวมใส่นาฬิกาจิวเวอร์รี่เรือนนี้ โดย TISSE our time ออกแบบโดย Yuya Suganuma ผู้เข้าร่วมงานกับทาง SEIKO ในปี 2021 และปัจจุบันเป็นผู้รับผิดชอบงานออกแบบนาฬิกา SEIKO โดยมุ่งเน้นไปที่คอลเลคชั่น 5 Sports พร้อมด้วย Yuka Aihara ผู้เข้าร่วมงานกับทาง SEIKO ในปี 2012 โดยทำงานเกี่ยวกับการออกแบบนาฬิกาที่หลากหลายสำหรับ SEIKO และปัจจุบันอยู่ในทีมออกแบบการสื่อสารให้กับแบรนด์
สุดท้ายกับเรือนที่ 7 Ceramic Ball กับการนำนาฬิกาดิจิตอลในอดีต มาสู่จินตนาการใหม่สำหรับยุคปัจจุบัน จากนาฬิการุ่นดั้งเดิมที่เป็นนาฬิกากลไกควอท์ซ แสดงเวลาแบบดิจิตอลแอลซีดีรุ่น O5LC ที่เปิดตัวในปี 1973 โดยใช้จอแบบ 7 ส่วนที่เรียบง่ายในการแสดงตัวเลข และแสดงเพียงเลขชั่วโมงและนาทีในตัวเลข 4 หลักบนจอ จากระดับของเทคโนโลยีด้านการผลิตในสมัยนั้น ที่นับเป็นเรื่องยากที่จะผลิตตัวเรือนโค้งมนจากสตีล พร้อมปุ่มกดสามปุ่มที่อยู่ด้านล่างของจอแสดงผล ที่ใช้สำหรับเปิดไฟและปรับตั้งเวลา สู่รุ่นเกิดใหม่เป็นนาฬิกาแบบ 05LC ที่ที่มีความสวยงามในแบบสปอร์ตร่วมสมัย
ในขณะที่ยังคงความยูนีคของตัวเรือนที่โค้งมน โดยมีปุ่มกดสามปุ่มด้านหน้าพร้อมหน้าจอแบบดิจิตอล กับตัวเรือนที่ผลิตจากวัสดุเซรามิคสีขาวมันวาว คล้ายลูกบอลเซรามิคที่ทำให้นาฬิกาดูมีเอกลักษณ์และน่าดึงดูดใจยิ่งขึ้น โดย Ceramic Ball ออกแบบโดย Naoya Sukeda ผู้เข้าร่วมงานกับทาง SEIKO ในปี 2013 โดยปัจจุบันรับหน้าที่ในการออกแบบนาฬิกากลุ่ม SEIKO Selection, คอลเลคชั่น Prospex และนาฬิกาในซีรี่ส์อื่นๆ ไปพร้อมกันอีกด้วย
