SEIKO Prospex Save the Ocean Special Editions
ชื่อเสียงของนาฬิกาดำน้ำประวัติศาสตร์จาก SEIKO ในแง่ของความทนทานและความไว้วางใจในการใช้งานนั้น เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 เมื่อนาฬิกา SEIKO ได้รับความไว้วางใจเลือกนำไปใช้งาน โดยนักผจญภัยและนักวิจัยที่มีภารกิจในการสำรวจขั้วโลกเหนือและใต้ ที่ในปี 2022 นี้ SEIKO ได้มีการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่จากคอลเลคชั่นนาฬิกาดำน้ำ ที่ถูกสร้างสรรค์และตีความใหม่ให้มีความสวยงาม
1965 Original model
พร้อมดีไซน์ที่โมเดิร์นขึ้นจากนาฬิการุ่นดังในอดีตทั้ง 3 ภายใต้คอนเซ็ปท์การออกแบบที่มาพร้อมกับแรงบันดาลใจจาก ธารน้ำแข็งขั้วโลก ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่เกิดขึ้นเป็นรูปทรงและมีพื้นผิวที่สวยงาม จนเป็นทิวทัศน์ทางบกและทางทะเลที่น่าตื่นตาตื่นใจของทวีปอาร์กติกและแอนตาร์กติกา สู่หน้าปัดของนาฬิกาแต่ละเรือน ที่จะมีเฉดสีที่แตกต่างกันของธารน้ำแข็งและแสงเงาที่กระทบ โดยเริ่มจากสีน้ำเงินเข้มไปจนถึงสีขาวสะอาดตา
โดยพลังและความสวยงามของธารน้ำแข็งที่ขั้วโลก ถูกจำลองและนำเสนอได้อย่างสมบูรณ์แบบผ่านทางลวดลาย ที่ถูกถอดแบบจากพื้นผิวของผาน้ำแข็งบนหน้าปัดสีน้ำเงิน โดยได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจากนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของ SEIKO ที่เปิดตัวในปี 1965 และได้รับการพิสูจน์ถึงความทนทานเมื่อถูกใช้งาน โดยสมาชิกของนักสำรวจขั้วโลกใต้ของญี่ปุ่น (Japanese Antarctic Research Expedition) ในช่วงระหว่างปี 1966-1969
หน้าปัดสีฟ้าอ่อนและขอบเบเซิลที่มาพร้อมสีน้ำเงินที่มีโทนสีที่เข้มกว่า ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นบนตัวเรือนนาฬิกาดำน้ำที่ถูกสร้างสรรค์และตีความใหม่ ให้มีความสวยและทันสมัยโดยอ้างอิงจากนาฬิกาดำน้ำที่เปิดตัวในปี 1968 ซึ่งเป็นนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของ SEIKO ที่มีความสามารถในการกันน้ำในระดับที่ลึกถึง 300 เมตรในยุคนั้น พร้อมกลไกที่ทำงานด้วยความถี่ระดับสูง ที่จะบ่งบอกได้ถึงความเที่ยงตรงแม่นยำพร้อมกันด้วย
หน้าปัดสีขาวถูกนำมาใช้ในนาฬิการุ่นพิเศษ ที่มีรูปทรงอันโดดเด่นจากพื้นผิวของภูเขาน้ำแข็งที่เกาะตัวเป็นทิวแถวกำแพงอันสวยงาม โดยนาฬิการุ่นนี้เป็นผลงานที่สร้างสรรค์จากนาฬิกาสุดคลาสสิคในปี 1970 ซึ่งได้รับการพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและทนทาน โดยนักผจญภัยชาวญี่ปุ่น Naomi Uemura ระหว่างปี 1974-1976 ผู้ซึ่งเดินทางด้วยสุนัขลากเลื่อน เพื่อข้ามทวีปจากกรีนแลนด์ไปยังอลาสก้าจนเป็นตำนานอันโด่งดังในญี่ปุ่น
นาฬิกาทั้ง 3 เรือนทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 6R35 ที่มีความทนทานและมั่นใจ พร้อมพลังสำรองลานที่มากถึง 70 ชั่วโมง และยังมีความสามารถในการกันน้ำได้ถึง 200 เมตร ใช้งานคู่กับสายสตีลที่มีบานพับระบบล็อคอย่างแน่นหนา และมีข้อต่อขยายเพื่อรองรับการสวมใส่กับชุดดำน้ำ โดยตัวเรือนได้รับการเคลือบแข็งแบบซุปเปอร์-ฮาร์ดโค๊ตติ้ง
กรุกระจกแบบแซฟไฟร์ที่มีการเคลือบสารกันการสะท้อนแสงที่ด้านใน เพื่อให้ความมั่นใจว่าจะสามารถมองเห็นรายละเอียดบนหน้าปัดได้อย่างชัดเจนและคมชัด ไม่ว่าจะมองจากในมุมใดของนาฬิกาเมื่อคาดอยู่บนข้อมือ และบนหลักชั่วโมงทั้ง 12 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับบนชุดเข็มที่จะมีการเคลือบสารสะท้อนแสงลูมิไบร์ท ซึ่งจะส่องสว่างในระดับสูงสุดเมื่ออยู่ในที่มืดหรือที่แสงน้อย
โดยนาฬิกาใน Ref. SPB297 จะมีขนาด 40.5 มิลลิเมตร หนา 13.2 มิลลิเมตร, นาฬิกาใน Ref. SPB299 จะมีขนาด 42.0 มิลลิเมตร หนา 12.5 มิลลิเมตร และ Ref. SPB301 มีขนาด 42.7มิลลิเมตร หนา 13.2 มิลลิเมตร และนาฬิกาทั้ง 3 เรือนจะมีเม็ดมะยมและฝาหลังแบบหมุนเกลียวแน่น พร้อมความสามารถในการกันสนามแม่เหล็กที่ระดับ 4,800 A/m ใช้งานพร้อมชุดล็อคบานพับแบบ 3 ทบและปุ่มกดคลายล็อค
SEIKO Save the Ocean: Glacier อยู่ภายใต้นาฬิกาคอลเลคชั่น Prospex ซึ่งจากแคมเปญนี้SEIKO จะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิกา ร่วมสนับสนุนการทำงานขององค์กรการกุศล เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำที่ทาง SEIKO ได้คัดเลือก โดยนาฬิกาทั้ง 3 เรือนนี้จะวางจำหน่ายในประเทศไทยที่บูติคนาฬิกา SEIKO เซ็นทรัลแกรนด์พระรามเก้า, SEIKO บูติคออนไลน์ และตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
นาฬิกา Seiko Prospex Save the Ocean Special Editions ทั้งสามรุ่นจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยดังต่อไปนี้ SEIKO 1965 Diver’s Modern Re-interpretation: SPB297 ราคา 52,000 บาท, SEIKO 1968 Diver’s Modern Re-interpretation: SPB299 ราคา 52,000 บาท และ SEIKO 1970 Diver’s Modern Re-interpretation: SPB301 จะมีราคาจำหน่ายที่ 56,000 บาท