สามรุ่นบุกเบิกของ “ZIMBE” ซีรี่ส์นาฬิกาสุดพิเศษ จากแรงบันดาลใจแห่งฉลามวาฬ โดย SEIKO
ความงามและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล คือสิ่งที่นักดำน้ำทุกคนปรารถนา และ ฉลามวาฬ ก็คือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของนักดำน้ำว่าจะได้พบเจอสักครั้งในชีวิต เพราะด้วยนิสัยรักสันโดษ ชอบความสงบ ของฉลามวาฬ นักเดินทางแห่งท้องทะเลผู้ไม่เคยหยุดว่ายน้ำแม้กระทั่งเวลานอน จึงมิใช่เรื่องง่ายที่จะได้พบ ลักษณะการดำรงชีพของฉลามวาฬนี้สอดคล้องกับวิถีแห่ง SEIKO (ไซโก) ที่ไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรมแห่งเวลา ทั้งยังเป็นเจ้าแห่งตำนานนาฬิกาดำน้ำของญี่ปุ่น ทั้งยังสอดคล้องกับลักษณะของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เปรียบดั่งนักผจญภัยผู้ไม่เคยหยุดนิ่งในการมุ่งมั่นเสาะแสวงหาและเดินทางเพื่อความสำเร็จในชีวิต SEIKO จึงนำแรงบันดาลใจจากฉลามวาฬ มาสร้างสรรค์เป็นนาฬิกาดำน้ำสุดพิเศษผลิตจำนวนจำกัด ซีรี่ส์ “Zimbe” (จิมเบ) ขึ้นมา โดยชื่อนี้มีที่มาจากคำว่า Jinbei Zame (จินเบ ซาเมะ) ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึง ฉลามวาฬ นั่นเอง
ฉลามวาฬ แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิกาซีรี่ส์ Zimbe
Prospex Zimbe Limited Edition SRPA19K1 ผลิตจำนวนจำกัด 1,299 เรือน นาฬิการุ่นแรกของซีรี่ส์ Zimbe
SEIKO เปิดตัวนาฬิการุ่นแรกของซีรี่ส์ Zimbe เมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 ด้วยรุ่น Prospex Zimbe Limited Edition รหัส SRPA19K1 ผลิตจำนวนจำกัด 1,299 เรือน ซึ่งเป็นการนำนาฬิกาดำน้ำ 200 เมตร ตัวเรือนขนาด 44.3 มม. ของซีรี่ส์ Sea จากตระกูล Prospex (พรอสเปกซ์) ที่เรียกกันว่า “Turtle หรือ เต่า” ซึ่งเป็นแบบที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2015 โดยเป็นการออกแบบขึ้นใหม่ตามรูปแบบดีไซน์สุดคลาสสิกของนาฬิกาดำน้ำเจเนอเรชั่นที่สามของ SEIKO ที่ออกจำหน่ายเมื่อปี 1976 มาเป็นพื้นฐานในการปรับแต่งโฉมภายใต้คอนเซ็ปต์ “Zimbe” ให้มีความพิเศษที่แตกต่างจาก “Turtle” รุ่นมาตรฐานอยู่หลายจุด ตั้งแต่รูปแบบการฟินิชชิ่งของตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล ที่นำเทคนิค “ฮอร์นิ่ง ฟินิช” ให้ผิวสัมผัสด้านที่มีความเป็นประกาย, หน้าปัดสีเทาและขอบตัวเรือนสีเงินสว่าง ที่นำมาจากสีผิวของฉลามวาฬ เสริมเสน่ห์ด้วยเข็มชั่วโมงกับนาทีสีดำ ร่วมด้วยเข็มวินาทีกับหลักสเกลและข้อความ “LIMITED EDITION” สีส้ม ทั้งยังใช้กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลพร้อมติดตั้งเลนส์ขยาย ณ ตำแหน่งอ่านค่าวันกับวันที่ ขณะที่บนฝาหลังมีการสลักสัญลักษณ์ “Zimbe” พร้อมหมายเลขประจำเรือนเอาไว้ด้วย และในแพ็คเกจยังให้สายยางรับเบอร์สีเทามาไว้สลับใช้งานอีกเส้นหนึ่ง ส่วนกลไกที่ใช้ก็ยังคงเป็นกลไกอัตโนมัติรหัส 4R36 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 40 ชั่วโมง เช่นเดียวกับ Turtle รุ่นมาตรฐาน และพร้อมกับการเปิดตัวนาฬิกาซีรี่ส์ “Zimbe” รุ่นแรก SEIKO ยังใช้โอกาสนี้เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของประเทศไทย “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” นักแสดงหนุ่มมากความสามารถและเป็นผู้ชื่นชอบการดำน้ำ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่มีจิตวิญญาณของการเดินทางอยู่ในตัวตนอย่างเต็มเปี่ยม ตรงตามคอนเซ็ปต์ “Zimbe”แบบเป๊ะๆ
อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม แบรนด์แอมบาสเดอร์ไทยคนแรกของ Seiko
Prospex Marinemaster Professional 300m Automatic Zimbe Limited Edition SLA013J1 ผลิตจำนวนจำกัด 222 เรือน
ถัดมาไม่นาน SEIKO ก็เปิดตัวนาฬิการุ่นที่สองของซีรี่ส์ “Zimbe” เมื่อเดือนสิงหาคม 2016 ด้วยรุ่น Prospex Marinemaster Professional 300m Automatic Zimbe Limited Editionรหัส SLA013J1 ผลิตจำนวนจำกัด 222 เรือน นาฬิกาชื่อยาวเหยียดรุ่นนี้ เป็นการนำนาฬิกาดำน้ำระดับโปรเฟสชันนอล รุ่นดังของ SEIKO ที่กันน้ำได้ถึงระดับความลึก 300 เมตร มาปรับโฉมภายใต้คอนเซ็ปต์ “Zimbe” โดยยังคงความยอดเยี่ยมตามมาตรฐานของรุ่นไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนขนาด 44.3 มม. แบบชิ้นเดียว (เปิดเครื่องได้จากทางด้านหน้าเท่านั้น) ที่นอกจากจะกันน้ำได้ดีแล้วยังสามารถป้องกันสนามแม่เหล็กได้ด้วย อีกทั้งวัสดุสเตนเลสสตีลดีไซน์สปอร์ตของทั้งตัวเรือนและสายที่เคลือบด้วย “ไดมอนด์ ชิลด์” เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทนทานให้กับผิววัสดุ ร่วมด้วยกระจกหน้าปัด ฮาร์ดเล็กซ์ คริสตัล แบบโค้งทั้งด้านนอกและด้านในที่เคลือบด้วยสารป้องกันแสงสะท้อนเพื่อความชัดเจนสูงสุดในการอ่านค่า และวงแหวนสีดำแบบมันเงาบนขอบตัวเรือน โดยประจำการด้วยกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง รหัส 8L35 ส่วนความพิเศษที่แตกต่างจาก Marinemaster Professional 300m Automatic รุ่นอื่นๆ ก็คือ หน้าปัดลายคลื่น (Wave Pattern) สีฟ้า “ไลท์บลู” ที่สร้างมิติแบบกระจายรัศมีคล้ายคลื่นบนผิวทะเล ร่วมด้วยกรอบหลักชั่วโมงสีทอง “เยลโลว์โกลด์” และสีทอง “พิ้งค์โกลด์” ของเข็มชั่วโมงกับเข็มวินาที ตัดกับสีดำเงาของเข็มนาทีขนาดใหญ่ พร้อมสายยางยูรีเทนสีดำมาให้สลับเปลี่ยนใช้งานอีกเส้นหนึ่ง ที่ขาดไม่ได้ก็คือ มีการสลักโลโก้ประจำซีรี่ส์ของ “Zimbe” และหมายเลขประจำเรือนกำกับเอาไว้ที่ด้านหลังของตัวเรือน (ซึ่งที่จริงแล้ว ทาง SEIKO ในยุโรป ได้มีการนำนาฬิกาหน้าปัดสีฟ้ารุ่นเดียวกันนี้ แต่ไม่มีโลโก้ Zimbe สลักไว้ที่ด้านหลัง ไปจำหน่ายแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น 200 เรือน เฉพาะทวีปยุโรป (จริงๆ แล้วเป็นการจำหน่ายโดยผู้แทนจำหน่าย SEIKO ในเยอรมัน) ด้วย โดยใช้รหัสว่า SLA015)
Prospex Zimbe Limited Edition SRPA47J1 ผลิตจำนวนจำกัด 1,286 เรือน
ต่อมาในช่วงปลายปี SEIKO ประเทศไทย ก็ได้ปิดท้ายซีรี่ส์ “Zimbe” ปี 2016 ด้วยรุ่น Prospex Zimbe Limited Edition รหัส SRPA47J1 ผลิตจำนวนจำกัด 1,286 เรือน โดยเป็นรุ่นที่นำเอานาฬิกายอดฮิตแบบ เบบี้ทูน่า ที่มีขนาดใหญ่ถึง 50.2 มม. มาเป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์ อันเป็นการห่อหุ้มตัวเรือนสเตนเลสสตีลด้วยกรอบหุ้มตัวเรือนที่ทำจากเซรามิกสีดำ ส่วนขอบตัวเรือนสเตนเลสสตีลนั้นถูกตกแต่งด้วยเทคนิค ฮอร์นิ่ง ฟินิช ขณะที่พื้นหน้าปัดมาในโทนสีขาวนวล เสริมความเด่นด้วยหลักชั่วโมงและเข็มสีดำ สวมเข้าคู่มากับสายยางซิลิโคนสีดำ ขับเคลื่อนด้วยกลไกขึ้นลานอัตโนมัติรหัส 4R36
นอกจากนี้ แคมเปญนาฬิกาซีรี่ส์ “Zimbe” ยังรวมไปถึงกิจกรรมการร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูท้องทะเลไทย โดยทาง SEIKO ประเทศไทย ได้ร่วมกับพันธมิตรต่างๆ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม “คลีนนิ่ง เดอะ ซี” ทำความสะอาดท้องทะเลและชายหาด ปลูกปะการังอ่อน และปล่อยพันธุ์ปลา ณ เกาะราชา จังหวัดภูเก็ต ในช่วงปลายปี 2016 โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิกาซีรี่ส์นี้ไปร่วมทำกิจกรรมดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมไทยในครั้งนี้
นาฬิกาลิมิเต็ด เอดิชั่น ซีรี่ส์ Zimbe ทั้งสามรุ่นของปี 2016 ได้ถูกคนรักนาฬิกาและนักสะสมนาฬิกา SEIKO จับจองเป็นเจ้าของกันอย่างรวดเร็วตั้งแต่ตอนที่เปิดตัวออกมา ซึ่งก็ทำให้ใครที่ต้องการจะหานาฬิกาเหล่านี้มาไว้ในครอบครองต้องออกแรงในการตามหาอยู่ไม่น้อย เฉกเช่นเดียวกับการตามหาฉลามวาฬ อันเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิกาซีรี่ส์นี้
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจของแคมเปญและนาฬิกาซีรี่ส์ “Zimbe” ได้ที่ www.seikozimbe.com
By Viracharn Termpipatpong