TAG Heuer in WATCHES AND WONDERS GENEVA 2024
TAG Heuer ก่อตั้งขึ้นในปี 1860 โดย Edouard Heuer ในเทือกเขาจูราประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูที่เป็นส่วนหนึ่งของ LVMH (Moet Hennessy Louis Vuitton) ในปัจจุบัน โดยมีฐานการผลิตอยู่ที่ลาโชซ์-เดอ-ฟองซ์ทั้งหมด 4 แห่ง โดยมีพนักงานทำงานจำนวน 1,860คน และดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ณ 139 ประเทศผ่านทางบูติค 260 แห่งและจุดจำหน่ายอีกกว่า2,300 แห่งทั่วโลก
โดยมี Julien Tornare ซีอีโอคนปัจจุบันเป็นผู้กุมบังเหียน โดยในตลอดระยะเวลา 164 ปีของ TAG Heuer ที่แบรนด์ได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณ ของการผลิตนาฬิกาไสตล์อวองการ์ดได้อย่างแท้จริง พร้อมความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้วยเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งรวมไปถึงออสซิเลติ้งพีเนี่ยนในนาฬิกากลไกโครโนกราฟ ที่สร้างขึ้นได้ในปี 1887 รวมทั้งนาฬิกา Mikrograph ในปี 1916
นอกจากนี้ยังมีกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ ชุดแรกของโลกนั่นก็คือกลไกคาลิเบอร์ 11 ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี 1969 และนาฬิกาสมาร์ทวอชท์สุดหรูเรือนแรกในปี 2015 โดยปัจจุบันนาฬิกาคอลเลคชั่นหลักของแบรนด์จะประกอบไปด้วย 3 ตระกูลระดับไอคอนที่ออกแบบโดยJack Heuer ทั้ง Carrera, Monaco และ Autavia พร้อมนาฬิกาสไตล์ร่วมสมัยในคอลเลคชั่นLink, Aquaracer, Formula 1 และ Connected
ตามคำขวัญของ TAG Heuer ที่ว่า “Don’t Crack Under Pressure” หรือไม่หวั่นไหวแม้อยู่ภายใต้แรงกดดัน ที่ทั้งพันธมิตรและแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ จะแสดงความโดดเด่นด้วยการแสดงออก ถึงความหลงใหลในกิจกรรมและความสามารถในแต่ละด้านระดับสูง ซึ่งการจัดงานแสดง WATCHES AND WONDERS GENEVA 2024 ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการแสดงออกถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์
ที่บูธของ TAG Heuer ในปีนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญ ของแบรนด์ในด้านการผลิตนาฬิการะดับสูง ที่มาพร้อมกับจิตวิญญาณอันล้ำสมัย โดยเน้นการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างเช่นนาฬิการุ่น Monaco Split-Seconds Chronograph ภายใต้การออกแบบบูธในด้านสถาปัตยกรรม ที่โดดเด่นด้วยลายเส้นที่ลากผ่าน เป็นลวดลายและรูปทรงแบบไดนามิค
ที่เป็นการผสมผสานความทันสมัยของนาฬิกา TAG Heuer ไว้ได้อย่างลงตัว และช่วยให้ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสามารถค้นพบคอลเลคชั่นโปรดได้อย่างง่ายดาย ด้วยจอภาพขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับแท่นจัดแสดงนาฬิกา นอกจากนี้ยังมีการนำแขนหุ่นยนต์มาใช้ร่วมจัดแสดงอีกด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้งานจัดแสดงมีการเคลื่อนไหวด้วยกิจกรรมอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น
แต่ยังทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แบบไดนามิค ที่สื่อถึงความมุ่งมั่นของ TAG Heuer ในการเป็นผู้บุกเบิกด้านการผลิตนาฬิกา และกลายเป็นดั่งภาพรวมที่สะท้อนความเป็นแบรนด์อย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า TAG Heuer จะยังคงเป็นผู้นำในระดับแนวหน้า ด้วยการผสานศิลปะแห่งการผลิตนาฬิกา เข้าไว้ด้วยกันกับนวัตกรรมด้านการผลิตแห่งอนาคต