Watches and Wonders Geneva 2022 เปิดประตูขึ้นวันนี้ตั้งแต่ 8.30 กับการเป็นงานแสดงนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเจนีวา และก่อนที่ตัวแทนจำหน่าย ผู้สื่อข่าว และผู้ที่สนใจกำลังจะเดินทางมาถึง ทีมงานของแบรนด์นาฬิกาทั้ง 38 รายก็เตรียมพร้อมจัดแสดงงานฝีมือของพวกเขาไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว โดยผู้สื่อข่าว ตัวแทนจำหน่าย และผู้ที่สนใจ จะมีการลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์ม watchandwonders.com ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เจนีวาพร้อมในการเป็นศูนย์กลางของการจัดแสดงโลกแห่งนาฬิกาอันดับหนึ่ง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะ Watches and Wonders ยกภาพเดิมจากแผนผังด้านหน้าของงาน Baselworld มาไว้ที่นี่ ทั้งพาวิลเลี่ยนของ Patek Philippe และพาวิลเลี่ยนของ Rolex ที่อยู่ตรงข้าม ต่อเนื่องไปถึงพาวิลเลี่ยนของ Chopard ที่ตรงข้ามกับพาวิลเลี่ยนของ Tudor ที่ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง
ซุปเปอร์ไฮไลท์ของงานคงต้องเป็นแบรนด์ยอดนิยมอย่าง ROLEX ที่ปีนี้นำแนวทางใหม่สู่ตลาด นั่นคือการนำเม็ดมะยมไปอยู่ทางด้านซ้ายกับนาฬิการุ่น GMT Master II พร้อมขอบเบเซิลสีเขียว/สีดำที่ผลิตจากเซรามิค ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นวิถีใหม่ครั้งแรกจาก ROLEX
นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาในรุ่นต่างๆ ที่มีการเพิ่มเติมวัสดุตัวเรือนและเปลี่ยนแปลงสีสันของหน้าปัดจากเดิม ที่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ ROLEX เรียกเสียงฮือฮาและเป็นพาวิลเลี่ยนที่ผู้คนต้องแวะเวียนชมในแต่ละหน้าต่างอย่างไม่ขาดสายในทุกวัน โดยยังคงมีสีเขียวอีกเช่นกันที่ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผู้คนถามถึง พร้อมกันกับนาฬิกาอีกหลายรุ่นหลายสีสันที่แจ้งถึงการยุติการผลิตไปในปีนี้
แล้วอีกหนึ่งในแบรนด์สุดยอดนิยมของโลก ที่นำนาฬิการุ่นใหม่สู่ตลาดและน่าจะเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร กับฟังก์ชั่นแอลนวลคาเลนดาร์เทรเวลไทม์ใน Ref. 5326G-001 ที่มีลุคทั้งย้อนยุคและแปลกใหม่สำหรับ Patek Philippe ที่เชื่อได้แน่ว่าจะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีผู้คนถามหา
และเช่นกันสำหรับการเปลี่ยนแปลงสีสัน ของหน้าปัดในนาฬิกาหลายรุ่นที่ทำให้ดูแปลกใหม่ในทันทีที่เห็น โดยยังคงมีสีเขียวเป็นสีหลักที่ได้รับการนำเสนอในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นในนาฬิกา Ref. 5270 ฟังก์ชั่นเพอเพทชวลคาเลนดาร์โครโนกราฟ หรือ Ref. 7130 ฟังก์ชั่นเวริล์ดไทม์ รวมไปถึงนาฬิการุ่น Twenty-Four ใน Ref. 4910 อีกด้วย พร้อมกับการนำเสนอนาฬิการุ่น 5231 ฟังก์ชั่นเวริล์ดไทม์หน้าปัดอีนาเมลอันโดดเด่น
และในขณะที่หลายแบรนด์ต่างห่างหายไปจากฟังก์ชั่นแบบไฮคอมพลิเคชั่น Grand Seiko จึงส่งนาฬิกาฟังก์ชั่นสุดล้ำมาในเห็นกันในงานครั้งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นที่มีแนวคิดต่างไปจากแบรนด์นาฬิกาจากสวิส กับนาฬิการุ่น Kodo Constant-Force Tourbillon ใน Ref. SLGT003 พร้อมความสลับซับซ้อนที่สามารถมองเห็นได้ทันทีจากหน้าปัดนาฬิกา
นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอนาฬิกาแบบไฮจิวเวลรี่อันเป็นอีกหนึ่งในความพิเศษจาก Grand Seiko สู่ตลาดในปีนี้กับนาฬิกาใน Ref. SBGD209 ที่ทำงานด้วยกลไกสปริงไดรฟ์พร้อมให้พลังสำรองลานอย่างยาวนานในระดับ 8 วันในภาพลักษณ์ของสิงโตขาวอันสง่างาม
นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่นใหม่ทั้ง 3 ในตัวเรือนแบบสปอร์ตจากคอลเลคชั่น Evolution 9 พร้อมกลไกสปริงไดร์ฟอันโดดเด่น ที่มาเติมเต็มนาฬิกาจากคอลเลคชั่น Evolution 9 ที่ถือเป็นแนวทางหลักในอนาคตของ GRAND SEIKO พร้อมกลไกระดับสูง โดยมีทั้งนาฬิกาในฟังก์ชั่นจีเอ็มที, จีเอ็มทีโครโนกราฟ และแบบไดเวอร์ เพื่อให้ครอบคลุมกับทุกสไตล์และทำให้คอลเลคชั่น Evolution 9 มีครบในทุกฟังก์ชั่นที่ต้องการ