The Persistence of Memory, Online Exhibition by THE HOUR GLASS
ก่อนที่การผลิตนาฬิกาจะพัฒนามาสู่กระบวนการผลิต อย่างมีระเบียบแบบแผนเป็นรูปธรรมอย่างเช่นในปัจจุบัน ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ได้นั้น ศาสตร์แห่งการประดิษฐ์นาฬิกา อันเป็นเสมือนจุดริเริ่มในการบุกเบิกแนวทางให้กับอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา ยังคงเป็นเพียงศาสตร์ที่ดำรงอยู่ในกิจการขนาดเล็กระดับครัวเรือน ที่บรรดาช่างนาฬิกาจะฝึกฝนทักษะความเชี่ยวชาญและสั่งสมประสบการณ์อย่าง “เป็นอิสระ” โดยปราศจากข้อจำกัดจากการดำเนินงานในรูปแบบอุตสาหกรรม หรือกิจการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ
ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคเหล่านี้จึงเปรียบดั่งศิลปิน ผู้บรรจงรังสรรค์งานศิลป์บนเนื้อโลหะต่างๆ แทนที่จะเป็นสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ พร้อมทั้งถ่ายทอดศาสตร์และศิลป์แห่งการประดิษฐ์นาฬิกาของตนออกมาให้ได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นความมุ่งมั่นพัฒนากลไกการแสดงเวลาให้ล้ำหน้า หรือความทุ่มเทให้กับการขัดแต่งประดับพื้นผิวให้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยผลงานของพวกเขาล้วนเป็นที่ยกย่องชื่นชม ด้วยคุณค่าในด้านเทคโนโลยี ภูมิปัญญา และศิลปะ รวมทั้งหล่อหลอมความงดงามของประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาอันเก่าแก่ และนวัตกรรมอันล้ำยุคไว้ได้อย่างกลมกลืม
จวบจนช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เหล่าช่างนาฬิกาต่างทุ่มเทการทำงานของพวกเขา ให้กับแบรนด์ผู้ผลิตเรือนเวลาระดับแถวหน้าของวงการ ที่ต่างก็แข่งขันกันในด้านความเที่ยงตรงของกลไก ผ่านเวทีการประกวดแข่งขันประจำปีหลากหลายรายการ ไปพร้อมๆ กับการผลิตนาฬิกาตามความต้องการของบรรดานักสะสม จนกระทั่งเทคโนโลยีควอท์ซได้มาถึง และส่งผลตามมาเป็นวิกฤตการณ์ต่อการประดิษฐ์นาฬิกาในยุค 70 และ 80 ที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเรือนเวลาไปตลอดกาล
ในปี 1969 หลังจากที่ Dr. George Daniels ได้เผยโฉมนาฬิกาพกเรือนแรกของเขาขึ้น ซึ่งนับเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญ ที่ไม่เพียงด้วยสุดยอดทักษะในการประดิษฐ์ และคิดค้นโครงสร้างกลไกไขลานนี้ด้วยตนเองในทุกกระบวนการ โดยเริ่มต้นจากศูนย์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่เขายังกล้าเลือกที่จะทำเช่นนี้ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ควอท์ซ ความกล้าที่จะเปิดตัวนาฬิกากลไก แม้ในวันที่นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ก้าวเข้ามามีอิทธิพลนี้เอง ที่เป็นเสมือนการจุดประกายให้ความทุ่มเท และทักษะในการรังสรรค์ประดิษฐกรรมขึ้นด้วยมือ จนกลายมาเป็นที่ยอมรับ ชื่นชม และน่าหลงใหล จนทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งศิลปะการประดิษฐ์นาฬิกาสมัยใหม่ รวมทั้งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับช่างนาฬิการุ่นแล้วรุ่นเล่า ในการสืบทอดและเจริญรอยตามมาจนถึงปัจจุบัน
The Persistence of Memory จึงเป็นนิทรรศการที่ย้อนสำรวจถึงศิลปะแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา ตลอดช่วงระยะเวลาห้าสิบปีที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นจากปี 1970 ด้วยประเภทผลงานอันสำคัญของสองเพื่อนสนิท Dr. Georges Daniel และ Derek Pratt โดยผลงานของผู้สานต่อแนวคิดการสร้างสรรค์ เครื่องบ่งบอกเวลาที่ไม่ได้ยึดติดอยู่เพียงกรอบฟังก์ชั่นการทำงานเท่านั้นอย่างเช่นFrançois-Paul Journe, และ Philippe Dufour, Kari Voutilainen, Denis Flageollet และปิดท้ายทศวรรษที่ผ่านมาด้วยการผลงานชิ้นเลิศ ที่ล้วนน่าจับตามองโดยเหล่าเพื่อนร่วมวงการรุ่นใหม่อาทิ Roger Smith, Felix Baumgartner และ Rexhep Rexhepi
THE HOUR GLASS จัดนิทรรศการ The Persistence of Memory นี้ขึ้น ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นเวทีจัดแสดงออนไลน์ที่มีชีวิตชีวา ให้กับบรรดาบุคคลสำคัญผู้ขับเคลื่อนโลกแห่งการประดิษฐ์และสร้างสรรค์นาฬิกาอิสระร่วมสมัย และร่วมบันทึกเอกสารรวมถึงภาพถ่ายของเส้นทางแห่งวิวัฒนาการ ไปจนถึงการเก็บรวบรวมภาพประวัติศาสตร์ของนาฬิกาเรือนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคสมัย
ด้วยภารกิจหลักของ THE HOUR GLASD ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกนาฬิกาที่มีความเชี่ยวชาญ คือการส่งเสริมวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับนาฬิกาให้ก้าวล้ำไปข้างหน้า โดยเผยแพร่องค์ความรู้ในโลกแห่งการประดิษฐ์เรือนเวลา ที่จะบ่มเพาะเป็นความชื่นชอบ หลงใหล และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนามุมมอง รวมไปถึงแนวคิดในการเก็บสะสมนาฬิกาอันทรงคุณค่าเหล่านี้ต่อไป โดยนิทรรศการ The Persistence of Memory จะเผยแพร่ผ่านทางออนไลน์ นับจากวันที่ 11 มีนาคม 2021 เวลา 20.00 น. ตามเวลาประเทศสิงคโปร์ (1 pm CET / 7 am EST) หรือ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยสามารถรับชมได้ที่ https://ovr.thehourglass.com
