ULYSSE NARDIN Freak [X OPS]
นับตั้งแต่ปี 2001 Freak ได้ฉีกกฎเกณฑ์การผลิตนาฬิการะดับไฮเอนด์แบบดั้งเดิมออก ด้วยการเปิดตัวผลงานที่พลิกโฉมนาฬิกาชั้นสูงของสวิส แต่ยังคงรักษาบรรทัดฐานด้านสุนทรียศาสตร์ทางเทคนิค ด้วยการนำเสนอนาฬิกาที่ไม่มีหน้าปัด ไม่มีเข็ม และไม่มีเม็ดมะยม ที่ยังคงเป็นผลงานนาฬิกากลไกจักรกล ที่รังสรรค์ขึ้นโดยช่างนาฬิกาที่ชำนาญงานในการผลิต โดยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา Freak ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการผลิตนาฬิกาแห่งศตวรรษที่ 21และเป็นนาฬิกาเรือนแรกสำหรับนักสะสมแห่งสหัสวรรษ ปูทางไปยังจุดหมายแห่งความสำเร็จที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้มีแบรนด์นาฬิกาอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนที่ได้เดินตามรอยทางนับตั้งแต่นั้นมา ที่ซึ่งภาพลักษณ์ของการผลิตนาฬิกาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.. เพราะนี่คือ The Freak
เรื่องราวของ The Freak ยังคงได้รับแรงผลักดันอย่างต่อเนื่อง และได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมในหลายด้าน โดยเฉพาะจากวัสดุหลากหลายที่ไม่มีมาก่อน ที่ในปี2019 ULYSSE NARDIN ได้ก้าวข้ามแบบแผนของ Freak ที่แหกกฏด้วยการเปิดตัว Freak X ซึ่งเรื่องราวเป็นอย่างไรเหรอ?ก็ยังคงเป็นนาฬิกาที่ไม่มีหน้าปัด ที่ยังไม่มีเข็ม แต่มีเม็ดมะยมแล้ว แล้วสัญลักษณ์นอกกรอบนี้แทนที่สัญลักษณ์เดิมหรือไม่?เรื่องนี้ต้องดูจากการที่Freak X มุ่งเน้นไปที่นักสะสมรุ่นใหม่ พร้อมรูปร่างของนาฬิกาที่ถูกปรับให้เรียบง่ายขึ้น เพิ่มเม็ดมะยมแต่ยังคงแสดงออกถึงการออกแบบนาฬิกาแบบอนาล็อคที่แปลกตา พร้อมสะพานจักรที่ยังคงทำหน้าที่เป็นเข็ม พร้อมการพัฒนาอื่นๆ เช่นบาลานซ์วีลซิลิคอนน้ำหนักเบาพร้อมนิกเกิลฟลายเวท
ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูแปลกตาอย่างเห็นได้ชัด ที่สร้างความแตกต่างอีกครั้ง เพราะนี่คือผลงานที่ชวนให้หลงใหลได้ง่ายๆ จากงานแสดงนาฬิกา Watches and Wonders 2023 Shanghai ที่ ULYSSE NARDIN ได้นำ Freak X มาปรับโฉมใหม่ ให้กลายเป็นผลงาน Freak [X OPS] เฉกเช่นเหมือนกับ "ปฏิบัติการ" ด้วยตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบดีแอลซีสีดำ พร้อมขอบตัวเรือนและเม็ดมะยม ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ผสมสีเขียวกากี เข้าคู่กับสายนาฬิกาที่สื่อถึงแรงบันดาลใจ แห่งการผจญภัยครั้งใหม่ของ Freak [X OPS] โดยวัสดุตัวเรือนนี้เป็นนวัตกรรมที่เคยใช้ใน Freak X Magma ที่มีส่วนผสมของคาร์บอนไฟเบอร์และอีพอกซีเรซินลายหินอ่อนสีแดง ที่ครั้งนี้จะเป็นการผสมกันกับอีพอกซีเรซินสีเขียว
สีเขียวที่ให้ความรู้สึกหรูหราแต่สบายๆ เสริมด้วยสายผ้า ที่ดึงดูดความสนใจของนักสะสมสายสปอร์ตหรือนักผจญภัย และยังเป็นนาฬิการะดับสูงที่เหมาะกับทุกคน พร้อมการออกแบบที่พลิกหลักการของระบบการบอกเวลาแบบดั้งเดิม ให้กลายเป็นนาฬิกาข้อมือที่มีแนวคิดแหวกแนว จากเรื่องราวของ ULYSSE NARDIN ที่มีความเชื่อมโยงกับการสำรวจ ที่ในช่วงเริ่มต้นแบรนด์ได้สร้างนาฬิกา แบบโครโนมิเตอร์ให้กับนักเดินเรือ ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกและจัดหาเครื่องมือนำทาง ที่เป็นนวัตกรรมชั้นเลิศให้กับกองทัพเรือชั้นนำของโลกหลายประเทศ โดยจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกแบบเดียวกันนี้ก็ยังคงอยู่ภายใน Freak [X OPS] ที่รวบรวมความหลงใหลในการค้นหาโลกใหม่ และการแสดงออกที่สอดรับ กับแนวคิดที่กลายเป็นที่ยอมรับในเวลาต่อมา
หัวใจที่ขับเคลื่อนคือกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ UN-230 ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างกลไกคาลิเบอร์ UN-118 และกลไกคาลิเบอร์ UN-250 ที่ถือเป็นสุดยอดกลไกไฮเทคที่ทำให้ Freak Vision มีรูปลักษณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน พร้อมประสิทธิภาพในการกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร พร้อมรูปแบบสำคัญคือการไม่มีหน้าปัด ที่โดยปกติแล้วนาฬิกาแบบกลไก จะซ่อนการทำงานไว้ใต้หน้าปัดเสมอ และยังคงไม่มีเข็มที่ยังคงแหวกแนวเนื่องจากไม่มีทั้งเข็มใหญ่และเข็มเล็ก แต่มีชุดตูร์บิยองที่หมุนครบรอบในหนึ่งชั่วโมง ที่กลายเป็นเข็มนาทีโดยอัตโนมัติ และเข็มชั่วโมงจะถูกแทนที่ด้วยตัวชี้บนจานหมุน รวมกันกลายเป็นการออกแบบที่ท้าทาย แต่กลับอ่านค่าเวลาได้อย่างสะดวกและง่ายดายเสมอ
โดยกลไกชุดนี้สามารถให้พลังสำรองลานได้นาน 72 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์วีลและเฟืองที่ผลิตจากซิลิคอน พร้อมสะพานจักรกลที่ทำหน้าที่เป็นเข็มแสดงเวลานาที และสะพานชุดที่สองทำหน้าที่เป็นเข็มชั่วโมง กับแสงสีเขียวบนขีดแสดงค่าเวลาชั่วโมง และนาทีเคลือบจากสารเรืองแสงซุปเปอร์-ลูมิโนว่า®สีเขียวกากีเข้ากันที่จะเริ่มทำงานในสภาวะแสงน้อย มาพร้อมขอบตัวเรือนที่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิท คาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาพิเศษของ ULYSSE NARDIN ซึ่งเป็นวัสดุที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากรูปแบบที่ผิดปกติของเหล็กดามัสกัส ที่เปิดตัวในปี 2019 ซึ่งผลิตขึ้นโดยการทอเส้นใยคาร์บอน ผนวกเข้ากับอีพอกซีสีเขียวเรซินที่ทำให้ เกิดรูปแบบสามมิติที่ดูมีเอกลักษณ์ และเป็นหนึ่งเดียวที่จะไม่มีชิ้นไหนเหมือนกัน