New watch of TAG Heuer in Watches and Wonder, Geneva 2022
ต่อยอดความสำเร็จของความร่วมมือกันอีกครั้งด้วยการกลับมาของเรือนเวลาสปอร์ตสุดแข็งแกร่ง TAG Heuer Carrera x PORSCHE Limited Edition รุ่นใหม่ล่าสุด โดยนาฬิการุ่นพิเศษเรือนนี้มีต้นแบบมาจาก Carrera Sport Chronograph ที่ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ Heuer 02 พร้อมชุดคอลัมน์วีลและเวอร์ติคัลคลัทช์ ที่สามารถจับเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงพลังสำรองลานที่ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง
เรือนเวลาสปอร์ตดีแอลซีสีดำสนิทคุณภาพสูง ถูกขับให้โดดเด่นและหรูหรายิ่งขึ้นด้วยสีเหลืองที่ถูกสอดแทรกในองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสีเหลืองสำหรับรถแข่งของ PORSCHE ไม่ว่าจะเป็นโลโก้บนขอบหน้าปัด เม็ดมะยม หน้าปัดย่อย และเข็มวินาที รวมถึงการเคลือบสารเรืองแสงซุปเปอร์-ลูมิโนว่า® ที่ช่วยส่องแสงสีเหลืองในความมืด นอกจากนี้ยังมีดีเทลสุดล้ำที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง ไม่ว่าจะเป็น พื้นผิวของหน้าปัดสีดำที่มีเอฟเฟ็คท์ประกายแวววาว คล้ายกับพื้นผิวโลหะของตัวรถ หรือพื้นหน้าปัดย่อยที่มีลูกเล่นเหมือนกับถนนยางมะตอย โดยนาฬิการุ่นนี้จะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนเมษายน 2022
กลับมาอีกครั้งกับอีกหนึ่งเรือนเวลาที่นักสะสมต่างรอคอยกับ Monaco Gulf Special Edition รุ่นพิเศษที่มาพร้อมกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ Heuer 02 โดยมีจุดเริ่มต้นจากความเชื่อมโยงกันเมื่อ Steve McQueen สวมใส่ Monaco พร้อมขับรถแข่ง PORSCHE 917 ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของ Gulf ในภาพยนตร์เรื่อง Le Mans ซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้ TAG Heuer สร้าง Monaco Gulf Special Edition ขึ้นมาในปี 2007 เพื่อเป็นเกียรติแก่ความสัมพันธ์อันดีงามนี้
ส่วนตัวเรือนจะเป็นสตีลขัดแต่งแบบเงาสลับด้าน และมาพร้อมหน้าปัดลายซันเรย์เล่นแสงที่ผสานดีเทลสุดโฉบเฉี่ยวของ Gulf เข้ากับความสง่างามของ Monaco ได้อย่างลงตัว เสริมความหรูหราไปอีกขั้นด้วยหน้าปัดย่อยสีเทอร์ควอยซ์และสีส้มบริเวณ 3 นาฬิกา และโลโก้ Gulf สีขาวล้วน นอกจากนี้หลักเวลาที่ 12 นาฬิกายังถูกแทนที่ด้วยหมายเลข 60 ซึ่งถูกขัดเงาและชุบด้วยโรเดียม เพื่อสื่อถึงหมายเลขรถแข่งของ PORSCHE และ Gulf โดยมีฝาหลังเปลือยให้เห็นกลไกและชุดคอลัมน์วีลสีส้ม ปิดท้ายด้วยสายหนังสีน้ำเงินแบบเจาะรูที่สาย ที่แอบแทรกความเป็น Gulf ด้วยลูกเล่นสีส้มด้านใน โดยนาฬิการุ่นนี้จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2022
นอกจากนี้ยังมีการเสริมทัพนาฬิกาคอลเลคชั่น Aquaracer Professional 300 อีกครั้งในปีนี้ด้วยการส่ง Aquaracer Professional 300 Orange Diver นาฬิกาสุดหรูสีสันเร้าใจซึ่งได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาใน Ref. 844 Orange Diver สู่ตลาด ด้วยตัวเรือนสตีลในขนาด 43 มิลลิเมตรและขัดแต่งแบบเงาสลับด้าน กับหน้าปัดสีส้มอันโดดเด่นตัดกับเข็มนาฬิกาสีขาว เคลือบสารเรืองแสงซุปเปอร์-ลูมิโนว่า® โดยดีไซน์หลักๆ จะถูกถอดแบบมาจากรุ่น Aquaracer Professional 300
ไม่ว่าจะเป็นขอบหน้าปัดเซรามิคสีดำรูปทรง 12 เหลี่ยมหมุนได้ทิศทางเดียว ความสามารถในการกันน้ำลึก 300 เมตร การผนึกไซคล็อปบริเวณหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาอยู่ใต้กระจกแซฟไฟร์ เพื่อให้พื้นผิวกระจกด้านนอกเรียบเนียนเสมอกัน หรือบานพับที่สามารถปรับเพิ่มหรือลดความยาวของสายได้มากถึง 1.5 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถปรับสายนาฬิกาได้อย่างอิสระ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ข้อมือขยายหรือหดตัว โดยเรือนเวลารุ่นใหม่นี้จะทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 5 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน 38 ชั่วโมง และจะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2022 เช่นกัน
ดุดันและแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นกับ TAG Heuer Aquaracer Professional 1000 Superdiver นาฬิกาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและเพื่อดำดิ่งลงใต้ท้องทะเลลึก ด้วยความสามารถในการกันน้ำถึงระดับ 1,000 เมตร ที่สำคัญยังเป็นนาฬิกาเรือนแรกของแบรนด์ที่ทำงานด้วยกลไกคาลิเบอร์ TH30-00 ที่มีพลังสำรองลานนาน 70 ชั่วโมงซึ่งผลิตโดย Kenissi Manufacture SAหนึ่งในผู้ผลิตกลไกการทำงานของนาฬิกาสัญชาติสวิสที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก โดยกลไกนี้จะผลิตขึ้นสำหรับ TAG Heuer โดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ในการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความทนทานให้มากยิ่งขึ้น
นาฬิการุ่นใหม่นี้ถือเป็นการสืบทอดมรดกของ Heuer 1000m Diver จากปี 1982 และ Super Professional จากปี 1984 ในตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 5 ขนาด 45 มิลลิเมตรเพื่อต้านทานความลึกใต้ท้องมหาสมุทร โดยถือเป็นนาฬิกาดำน้ำที่มีขนาดบางที่สุดในโลก ด้วยความหนาเพียง 15.75 มิลลิเมตร แต่ยังคงทนทานต่อแรงกดดันใต้น้ำลึกได้อย่างดีเยี่ยม โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดเซรามิคสีดำโดยส่วน 15 วินาทีแรกจะเป็นแบบไฮบริดเซรามิคสีส้ม เข็มชั่วโมงรูปทรงลูกศร เข็มนาทีและเข็มวินาทีสีส้มเคลือบสารซุปเปอร์-ลูมิโนว่า® SLN เกรด X1 ซึ่งเป็นเกรดสูงสุดที่ทรงพลังและส่องสว่างมากที่สุด
และเพื่อความทนทานและความปลอดภัยในระดับสูง TAG Heuer จึงเพิ่มชุดป้องกันน้ำไหลเข้าเม็ดมะยม เพื่อให้สามารถขันและคลายเกลียวได้อย่างปลอดภัย โดยชุดเม็ดมะยมจะผ่านการเคลือบดีแอลซีสีดำ และเส้นสีส้มรอบขอบเม็ดมะยม เพื่อเสริมให้นาฬิกาเรือนนี้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีวาล์วฮีเลียมเคลือบดีแอลซีสีดำสลักข้อความ “He” เพื่อช่วยระบายก๊าซฮีเลียมที่อยู่ในตัวเรือน และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับนาฬิกาเมื่อกำลังขึ้นจากน้ำอีกด้วย ปิดท้ายด้วยฝาหลังสตีลสลักสัญลักษณ์หมวกดำน้ำสุดไอคอนนิคของแบรนด์ โดยนาฬิการุ่นนี้จะเริ่มต้นวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังมี Aquaracer Professional 200 Solargraph นาฬิการะบบพลังงานแสงอาทิตย์เรือนแรกของ TAG Heuer ที่ออกแบบมาเพื่อสายเอ๊าท์ดอร์โดยเฉพาะ ทำงานด้วยกลไกคาลิเบอร์ TH50-00 ซึ่งผลิตโดย La Joux-Perret รวมถึงเป็นครั้งแรกที่มีการใช้หน้าปัดเทคโนโลยีโซลาร์ “อีโค-ไดร์ฟ” อีกด้วย โดยชุดกลไกสามารถชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์ หรือแสงแดดเทียมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ และยังชาร์จเต็มได้เพียงรับแสงแดดเต็มที่เป็นเวลา 2 นาทีก็สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน โดยสามารถคงพลังงานได้นานถึง 6 เดือน แม้ไม่ได้รับแสงแดดนาน 20 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดพลังงานหรือเพาเวอร์เซฟโหมดอีกด้วย
มาในตัวเรือนสตีลขนาด 40 มิลลิเมตรเคลือบดีแอลซี พร้อมขอบเบเซิลที่ผลิตจากคาร์บอนผสมซุปเปอร์-ลูมิโนว่า® สีเขียว ทำให้มีเอฟเฟ็คท์คล้ายกับแนวสันเขาที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติบนโขดหิน ซึ่งลวดลายจะแตกต่างกันไปในแต่ละเรือน โดยเฉดสีเขียวและสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกสอดแทรกในตัวเรือนนี้ ชวนให้นึกถึงปรากฏการณ์แสงเหนือในเขตอาร์คติคเซอร์เคิลได้เป็นอย่างดี ส่วนพื้นหน้าปัดมีความโปร่งใสในบางส่วนเพื่อให้กลไกภายในสามารถรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ มาพร้อมสายที่ผลิตจากยางสีดำลุคสปอร์ต พร้อมการวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2022 เป็นต้นไป
ปิดท้ายด้วย TAG Heuer Carrera Plasma เรือนเวลาสุดหรูที่ผลิตจากเพชรสังเคราะห์หรือแล็บ-โกร์นไดมอนด์ (Lab-grown Diamonds) ทำงานด้วยกลไกคาลิเบอร์ Heuer 02 Tourbillon Nanograph พร้อมพลังสำรองลานนาน 65 ชั่วโมง โดยเพชรนี้ถูกรังสรรค์ด้วยเทคโนโลยีซีวีดี (Chemical vapour deposition - CVD) เพื่อให้สามารถสร้างรูปทรงและเท็กซ์เจอร์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ซึ่งจะสอดแทรกอยู่บนขอบเบเซิล มาร์กเกอร์ และหน้าปัด โดยมีไฮไลท์สำคัญคือหน้าปัดที่ประดับด้วยเพชรโพลีคริสตัลไลน์ (Polycrystalline) อนุภาคเพชรที่มารวมกันเป็นพื้นหน้าปัด
โดยเป็นการคิดค้นร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญในวงการเจียระไนเพชรเช่น Lusix, Capsoul และDiamaze โดย Capsoul สตาร์ทอัพในด้านการออกแบบเพชร มาช่วยรังสรรค์เม็ดมะยมที่ผลิตจากเพชรชนิดนี้ นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดย่อยบริเวณ 3 นาฬิกา และ 9 นาฬิกา ที่ผลิตจากเพชรโพลีคริสตัลไลน์สีดำ กับตัวเรือนในขนาด 44 มิลลิเมตร ผลิตจากอลูมิเนียมพ่นทรายชุบอโนไดซ์ (Sandblasted Anodized Aluminum) ที่มีน้ำหนักเบาและสีสันสวยงาม พร้อมขอบเบเซิลที่ผลิตจากเซรามิคขัดแต่งแบบเงา โดยมีมาร์กเกอร์ที่ผลิตจากไวท์โกลด์และเพชร มาพร้อมเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีชุบโรเดียมสีดำเคลือบซุปเปอร์-ลูมิโนว่า® สีขาว ใช้งานคู่กันกับสายหนังสีดำและบานพับที่ผลิตจากไทเทเนียมเกรด 2 เคลือบดีแอลซีสีดำ