New TAG Heuer Connected Calibre E4 in 42 mm and 45 mm
TAG Heuer เปิดตัวนาฬิการุ่น Connected นาฬิกาอัจฉริยะเจเนอเรชั่นใหม่ในขนาด 42 มิลลิเมตร และ 45 มิลลิเมตร ที่นอกจากจะสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อมอบความสง่างามระดับพรีเมี่ยมแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นกีฬา เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตสมาร์ทวอทช์ โดยสมาร์ทวอทช์ 2 รุ่นใหม่ล่าสุดถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงส่งมอบประสบการณ์การเข้าถึงกิจกรรมกีฬาในหลากหลายรูปแบบ พร้อมแอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าปัดนาฬิกา (Watch Face) สุดหรูแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากนาฬิกาโครโนกราฟอันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
เพื่อเป็นการต่อยอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของ TAG Heuer ในโลกของกีฬา นาฬิกาในขนาด 45 มิลลิเมตรจึงมาในลุคสปอร์ตสไตล์ใหม่ที่ดูแปลกตา ส่วนนาฬิกาในขนาด 42 มิลลิเมตรจะถูกออกแบบมาให้ดูเพรียวบาง โดยสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเน้นความสง่างามเป็นหลัก พร้อมความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของ TAG Heuer ที่ยิ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกของ Connected เจเนอเรชั่นใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี
โดยนาฬิกาในขนาด 42 มิลลิเมตร ถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอันหรูหรา ในลุคทำงาน หรือขณะเล่นกีฬา ให้ลุคภูมิฐานและสง่างาม โดดเด่นด้วยขอบตัวเรือนที่เพรียวบาง พร้อมเม็ดมะยมที่ผลิตจากสตีล และสายนาฬิกาที่ผสานรวมเข้ากับการออกแบบได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ขนาด 45 มิลลิเมตรจะผสมผสานดีไซน์สไตล์สปอร์ต กับความคลาสสิคแบบดั้งเดิมระดับไฮเอนด์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว มาพร้อมขอบหน้าปัดเซรามิคที่แข็งแรงทนทาน และเม็ดมะยมขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อน กับปุ่มกดที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังสวมใส่นาฬิกาแบบกลไก ที่ตอกย้ำประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์นาฬิการะดับไฮเอนด์ของ TAG Heuer ตลอดระยะเวลากว่า 160 ปี
นอกจากนี้นาฬิกา Connected รุ่นใหม่นี้ยังถูกออกแบบให้มีลักษณะสโลป ทำให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นสำหรับสายแอคทีฟ พร้อมน้ำหนักที่เบา โดยนาฬิกาทั้งสองขนาดจะมาพร้อมตัวเลือกสายนาฬิกาแบบสายหนังและสายสตีล สำหรับผู้สวมใส่ที่ต้องการลุคเรียบหรูเป็นทางการ หรือสายนาฬิกาแบบยางในหลากหลายสีสัน สำหรับผู้สวมใส่ที่ต้องการลุคสปอร์ตและเน้นความทนทาน ที่เสริมด้วยหน้าปัดนาฬิกาดีไซน์ใหม่ ที่ช่วยผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของ TAG Heuer Connected ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น 'ริเวอร์ไซด์' (Riverside) Watch Face ที่เคลื่อนไหวด้วยเอฟเฟ็คท์ที่ดูล้ำสมัย หรือ 'เวลเนส' (Wellness) ที่แสดงข้อมูลการออกกำลังกาย เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ และจำนวนก้าวเดินต่อวัน โดยตรงบนหน้าจอ Home Screen
นอกจากนี้ หน้าปัดนาฬิกายังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถแสดงข้อมูลสภาพอากาศ สุขภาพ และปฏิทินแบบเรียลไทม์ ทั้งการพยากรณ์อากาศ 5 ชั่วโมงล่วงหน้า ระยะเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ และข้อมูลสำหรับคนรักสุขภาพ เช่น กราฟแสดงจำนวนก้าวเดินต่อวัน และเพิ่มความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการแสดงสีที่มีความเที่ยงตรงสูง ซึ่งทำให้ผู้ใช้ยังคงมองเห็นการแจ้งเตือนกิจกรรมกีฬาต่างๆ บนหน้าปัดได้อย่างชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้ง หรือในสภาพแวดล้อมที่มีแสงแดดแรง
ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถติดตามกิจวัตรการออกกำลังกายประจำวันผ่าน Connected ได้อย่างง่ายดายเช่นเคยด้วยแอปพลิเคชัน ‘TAG Heuer Sports’ ที่ให้คำแนะนำในการออกกำลังกายตลอดจนบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของผู้สวมใส่อย่างละเอียด ขณะออกกำลังกายครอบคลุมกีฬาหลากหลายประเภท แต่อีกหนึ่งฟีจเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือโหมดแนะนำการออกกำลังกาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดแอคทีฟ (โดยไม่ต้องวางสมาร์ทโฟนไว้ใกล้ตัว) ด้วยโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะเป็น Upper Body lower body หรือ Full Body ที่มาพร้อมการจับเวลาเป็นเซ็ต และภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์หรือทีวี เมื่อผู้ใช้ออกกำลังกายเสร็จ โดยนาฬิกาจะสั่นเพื่อบ่งบอกถึงโปรแกรมต่อไป
สำหรับผู้ใช้ที่มีโปรแกรมการออกกำลังกายของตัวเองอยู่แล้ว (หรือมีเทรนเนอร์ส่วนตัว) การปรับแต่งนั้นก็ทำได้ง่ายดาย เพียงผู้ใช้ปรับตั้งโปรแกรมการออกกำลังกายส่วนตัวของตัวเอง โปรแกรมก็จะปรากฏอยู่บนหน้าจอไปตามลำดับตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ นอกจากนี้ยังมีแท่นชาร์จแบบใหม่ที่ใช้งานได้ถึงสองแบบ โดยแบบแรกเป็นแท่นสุดเก๋สำหรับตั้งโชว์นาฬิกาในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน และยังให้ความสว่างพร้อมแสดงเวลาในตอนกลางคืนซึ่งเหมาะกับการวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ส่วนแบบที่สองสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ด้วยระบบแท่นแม่เหล็ก ซึ่งจะแสดงเปอร์เซ็นต์เทจของแบตเตอรี่ขณะชาร์จ
สมาร์ทวอทช์ Connected รุ่นใหม่ยังสามารถซิ๊งค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟนได้รวดเร็วมากขึ้นด้วยการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ที่เพิ่มความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลเป็น 2 เท่า จึงช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การเชื่อมต่อข้อมูลด้านสุขภาพ และกิจกรรมกีฬาได้รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น พร้อมปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ Altimeter ซึ่งสามารถวัดระดับความสูงจากตำแหน่งปัจจุบันของผู้สวมใส่ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ติดตามกิจกรรมกีฬากลางแจ้ง เช่น การวิ่ง หรือ ปั่นจักรยาน ได้แม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมไม่พลาดทุกการอัปเดตตลอดวันผ่าน Wear OS by Google™ ซึ่งผู้ใช้สามารถอัพเกรดจาก Wear OS 2 เป็น Wear OS 3 ได้ในภายหลังโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม