Yves PIAGET Rose
แฟชั่น ดอกไม้ และเฟมินีน มีส่วนเชื่อมถึงกันเสมอ ซึ่งล่าสุด PIAGET ก็ส่งดอกไม้ซิกเนเจอร์ของเมซง อย่าง Yves Piaget Rose ที่ไล่เฉดสีงดงามจากชมพูไปถึงบานเย็น และมีกลีบดอกซ้อนกันถึง 80 ชั้น แถมยังมอบกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวแบบซิตรัส มาเติมเต็มคอลเลคชั่นของ PIAGET Rose ให้อบอวลอีกครั้ง
PIAGET Rose เปิดตัวครั้งแรกในปี 2002 และถือเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นจิวเวลรี่ชั้นสูงของเมซง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกุหลาบที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉา อย่าง Yves Piaget ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ละชิ้นงานล้วนหยิบอัญมณีหลากชนิดมาถ่ายทอด เพื่อเติมเต็มความโรแมนติคเหนือกาลเวลาเข้าไปในเครื่องประดับสุดหรูอาทิ ทอง เพชร ไปจนถึง ทัวร์มาลีนสีชมพู และ โอปอลสีชมพูลูกกวาด
โดย PIAGET ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่หลงใหลในงานศิลปะระดับสูงเป็นอย่างมาก ดังที่ปรากฏในเรือนเวลา PIAGET Rose ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคนิคประดับแบบดั้งเดิมอย่างไมโครโมเสค การเลือกใช้เนื้อไม้ หรือหินมารังสรรค์ผ่านหัตถศิลป์เก่าแก่อย่างมาเควทรี การปักแพทเทิร์นบนพื้นหน้าปัด การแกะสลัก ขัดลายด้วยเทคนิคกิโยเช่ ไปจนถึงการลงยาอีนาเมล
ซึ่งในปีนี้ เมซงก็ยังคงแฝงไว้ซึ่งศาสตร์และศิลป์อันเชี่ยวชาญได้อย่างน่าสนใจกับ 4 เรือนเวลาใหม่ Altiplano – Rose Bouquet Métiers d’Art โดยไฮไลต์อยู่ที่ดีไซน์หน้าปัด ที่ถูกเติมเต็มด้วยหมู่มวลดอกไม้ล้ำค่าอย่างกุหลาบ Yves Piaget ผ่านฝีมือการรังสรรค์ของ 2 ศิลปินมากความสามารถอย่าง Dick Steenman ผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลป์บนเรือนเวลาที่เน้นการนำเสนอด้วยเทคนิคการแกะสลัก ตกแต่งด้วยอัญมณี รวมทั้งการทำงานร่วมกับ Anita Porchet ศิลปินนักลงยางานอีนาเมลที่มีชื่อเสียงที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกา เพื่อถ่ายทอดผลงานผ่านหลากหลายวิธี ในการแต่งแต้มจินตนาการให้มีมิติได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นโคลซองเน่อีนาเมล หรือชองพลีเว่อีนาเมล
เริ่มต้นชิ้นงานด้วยฝีมือแกะสลักของ Dick Steenman ที่เนรมิตดอกกุหลาบขนาดจิ๋วให้บานสะพรั่งทั่วทั้งหน้าปัด ก่อนส่งต่อให้ Anita Porchet แต่งแต้มสีสันด้วยการเคลือบสีลงยา โดยเมื่อผ่านการเผาจนได้เฉดสีที่ไร้ที่ติจึงส่งกลับให้ Dick Steenman อีกครั้งเพื่อขัดแต่งรายละเอียดของกลีบดอก รวมถึงนำหินสีที่ผ่านการแกะสลักด้วยเทคนิคพิเศษที่หาตัวจับได้ยากมาประดับลงบนหน้าปัดอย่างประณีต และแต่งแต้มให้สมจริงด้วยเกสรดอกไม้ที่ใช้เพชร แซฟไฟร์ และซาวอไรต์มาประดับ
และหน้าปัดแต่ละชิ้นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนในการสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของเมซงที่ต้องเผชิญกับหลากหลายปัจจัย อาทิ การควบคุมเปอร์เซ็นต์ส่วนผสมของอัลลอย ที่ผสมลงไปในทองคำ 22 กะรัต ที่ต้องพอเหมาะ เพื่อให้การเคลือบสีลงยาและองค์ประกอบของดอกไม้ที่ได้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้เนื่องจากหินสีมีความเปราะบางเป็นพิเศษและสามารถแตกหรือร้าวได้ง่าย ทั้งยังมีข้อจำกัดที่ต่างกันไปอาทิ โอปอลที่มีความเปราะบางค่อนข้างมากกว่าอัญมณีอื่นๆ คอรัลมีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้ ขณะที่โรโดไนต์ และคริสโซเพรสค่อนข้างแข็งและยุ่งยาก ดังนั้นในการลงมือแกะสลักหินสีแต่ละชิ้น Dick Steenman จึงต้องอาศัยทักษะและเครื่องมือเฉพาะ ไปจนถึงการใช้น้ำมัน แป้งเปียก และผงเพชรในการขัดขั้นตอนสุดท้าย
ในพาร์ทของการเคลือบสีลงยาก็ซับซ้อนพอกัน ไม่เพียงแต่การออกแบบโทนสีในแต่ละตำแหน่งเพื่อบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสมจริง แต่ Anita Porchet ต้องใส่ใจแม้กระทั่งความหนาของอีนาเมลเพื่อไม่ให้บดบังรูปแกะสลักอื่น ๆ ที่อยู่ข้างใต้ ขณะเดียวกันเพื่อให้นาฬิกาแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์ที่ควรจดจำ เธอยังได้สร้างสรรค์เฉดสีเฉพาะที่เข้ากับอัญมณีอีกด้วย รวมถึงประยุกต์ลูกเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแสงเงาที่ทำให้กลีบดอกไม้ดูพลิ้วไหวราวกับมีชีวิต ซึ่งความท้าทายที่ซับซ้อนที่สุดที่ช่างฝีมือและช่างนาฬิกาต่างเผชิญร่วมกัน คือความจริงที่ว่าการสร้างสรรค์งานทั้งหมด เกิดขึ้นบนหน้าปัดที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดและหนาเพียงระดับมิลลิเมตร ขณะเดียวกันก็ต้องรักษามาตรฐานแห่งประสิทธิภาพ และความเที่ยงตรงของของ PIAGET ไว้ด้วยนั่นเอง