Play by your own rules, The PIAGET Polo goes Skeleton
การ “Skeletonisation” ถือเป็นอีกหนึ่งในเชิงชั้นระดับสูงสำหรับโลกของช่างนาฬิกา ที่ต้องมีทั้งวิสัยทัศน์ ความเชื่อมั่น และทักษะอันเชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพท์ที่ได้ แสดงออกอย่างเด่นชัดถึงความซับซ้อน ทั้งยังสง่างามไปพร้อมกัน จากการลดทอนพื้นที่ต่างๆ ของชุดกลไกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซึ่งนาฬิกาในรูปแบบสเกเลตันเรือนแรกจาก PIAGET ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี 70s โดยมีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ที่ชวนสะดุดตา และได้มีโอกาสประดับอยู่บนข้อมือของเหล่าคนดังมากมายในยุคนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนักดนตรีแจ๊ซผู้ทรงอิทธิพลอย่าง Miles Davis
เขามักปรากฏกายพร้อมกระเป๋า ที่พกพานาฬิกาคู่ใจหลายเรือนไว้เสมอ รวมทั้งนาฬิกาในแบบสเกเลตันจาก PIAGET ด้วย โดยเขาเลือกสวมใส่นาฬิกาเรือนนี้เป็นประจำบนเวทีสำคัญระดับโลก ซึ่งถือเป็นนาฬิกาที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมด้านดนตรีของเขา กับรูปแบบความซับซ้อนและแนวคิดนอกกรอบที่ไม่เหมือนใคร
โดยสำหรับ PIAGET แล้ว ความเลื่องชื่อในด้านการผลิตกลไกที่มีความบางนั้น ถือเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอของแบรนด์ เพราะนอกจากการประสบความสำเร็จ ในการพัฒนาชุดกลไกคาลิเบอร์ต่างๆ ในขนาดที่บางมากมายหลายชุดแล้ว กลไกเหล่านี้ยังมีโครงสร้างภายในที่สวยงามแฝงความประณีตไว้เสมออีกด้วย
และที่สำคัญ PIAGET ไม่เคยหยุดตั้งโจทย์ในการท้าทายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกลไกในแบบสเกเลตันที่มีความบางมากที่สุดในโลกออกสู่ตลาด หรือการผสานฟังก์ชั่นการทำงานที่ซับซ้อนพิเศษอย่างตูร์บิยอง รวมทั้งการผสานงานเทคนิคด้านหัตถศิลป์ต่างๆ บนหน้าปัดอย่างอีนาเมลในนาฬิกาหลายคอลเลคชั่น
ดังนั้นคอลเลคชั่นแรกที่นำออกสู่ตลาดในปี 2021 จาก PIAGET จึงเป็นนาฬิกาในรูปแบบสเกเลตันเป็นครั้งแรกสำหรับคอลเลคชั่น Polo ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อฉลองให้กับนาฬิกาลุคสปอร์ตสุดหรู ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 1979
การพัฒนาชุดกลไกในครั้งนี้ ทั้งทีมออกแบบและวิศวกรของแบรนด์ เลือกหยิบคาแรคเตอร์เด่นของ Polo อย่างตัวเรือนทรงโค้งมน ที่ครอบด้วยดีไซน์ขอบตัวเรือนทรงกลมเอาไว้ พร้อมหน้าปัดทรงคุชชั่นแบบดั้งเดิมอย่างครบถ้วน โดยมีคีย์หลักอยู่ที่การลดทอนความบาง ของตัวเรือนจากรุ่นก่อนลงอีก 30 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้นยังมีการปรับแต่ง ชุดกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 1200S ที่มาพร้อมไมโครโรเตอร์ที่สลักสัญลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ เพื่อมอบความเพรียวบางแบบสุดขั้วให้กับผู้ใช้งานทุกคน ที่พร้อมจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมความสะดวกสบายและเข้ากับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน
กับตัวเรือนสตีลในขนาด 42 มิลลิเมตร พร้อมความบางเพียง 6.5 มิลลิเมตร ทำงานด้วยกลไกที่มีความบางเพียง 2.4 มิลลิเมตร พร้อมความแม่นยำในการแสดงเวลาและความทนทานสูงสุด ให้พลังสำรองลานนาน 44 ชั่วโมง และความสามารถในการกันน้ำในระดับ 3 ATM
สายนาฬิกาผลิตจากสตีลดีไซน์ H สไตล์แบบขัดเงาสลับการขัดลายซาติน และยังสามารถเปลี่ยนเป็นแบบสายหนังจระเข้ ที่มาพร้อมกันในชุดได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย โดยมีทางเลือกในแบบชุดกลไกสเกเลตันพีวีดีสีน้ำเงิน หรือในแบบชุดกลไกสเกเลตันพีวีดีสีดำ กับราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 975,000 บาท