GAYSORN VILLAGE กับมายด์เซ็ทใหม่ ผุด 3 ยูนีคเอ็กซ์พีเรียนที่ไม่เหมือนใคร
จิรัสย์ วัฒนภัทรเศรษฐ์ รองกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด GAYSORN VILLAGE กล่าวว่า “GAYSORN VILLAGE มีการพัฒนากลยุทธ์และเทคโนโลยี ในการทำไฮเอนด์รีเทลด้วยหลักการ Customer Centric และ Value Proposition Canvas มาระยะหนึ่งแล้ว แต่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าเปลี่ยนไป และเกิดการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ (The New Normal) ทำให้ต้องเร่งปรับแผนและกลยุทธ์ทั้งหมดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างทันท่วงที ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญในขณะนี้ โดยแนวคิด Value Proposition Canvas คือคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้าด้วยยูนีคเอ็กซ์พิเรียนต่างๆ รวมทั้งการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งในแบบรูปแบบใหม่ อันจะเป็นเอกลักษณ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การซื้อสินค้าของลูกค้าที่เปลี่ยนไปได้ตรงจุดกว่าเดิม”
นอกจากนี้ยังมีการปรับช่วงระยะเวลาของแผนการตลาดให้กระชับ และทันต่อสถานการณ์มากขึ้นจากเดิมที่มีแผนการตลาดยาว 3 ถึง 6 เดือน ปรับให้เป็นสั้นลงเพียง 1 ถึง 2 เดือน ส่วนวิธีคิดก็เน้นแนวคิด Customer Centric เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ตลอดจนแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการสร้างมูลค่าแบรนด์ และสร้างเนื้อหาทางการตลาดสำหรับการขายในอนาคต โดยมีเครื่องมือและแนวคิดหลัก 3 เรื่องคือ
1. แนวคิด EXPERIENCE PROGRAM อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ GAYSORN VILLAGE ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่ม Fashion, กลุ่ม Food หรือกลุ่ม Beauty
UNIQUE EXPERIENCE จาก FASHION COMPONENT: แบรนด์แฟชั่นที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง COMME des GARCONS เสื้อผ้าแบรนด์แฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลูกค้าที่เข้ามาในร้านจะพบกับบรรยากาศใหม่ในสไตล์ลอฟต์ กับผนังปูนเปลือย สร้างความรู้สึกตื่นเต้น น่าค้นหา ตลอดจน CDGCDGCDG ซึ่งเป็นร้าน Free Standing แห่งแรกในประเทศไทยนอกประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการออกแบบเป็นแนวโอเพ่นเสปซ รวมถึงร้าน Club21 Multi label brand และ Club21 Men ที่รวมแบรนด์ไว้กว่า 50 แบรนด์ นอกจากนี้ยังมี Club21 Pop-up Store ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อนำเสนอความพิเศษขั้นกว่าด้วยคอลเลคชั่นที่ทำร่วมกับแบรนด์ระดับอินเตอร์สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ อาทิ Biyan, Club21 Pop-Up Store แบ่งเป็น 2 ร้านคือ Women’s Pop-up รวบรวมแบรนด์หลากหลายเช่น Dries Van Noten, Jacquemus, Junya Watanabe, Y’s, Lee Mathews และมีแบรนด์ไฮไลท์ที่จะสร้างความน่าสนใจในแต่ละเดือน และ Men’s Pop-up ที่มีแบรนด์ Thom Browne, Mastermind, Y-3, Vetements, OAMC เป็นต้น
UNIQUE EXPERIENCE จาก FOOD COMPONENT: การรังสรรค์ร้านอาหารหรือคาเฟ่ใน GAYSORN VILLAGE ที่จะเน้นไปที่แนวคิด Dining With A Story กับร้านอาหารที่มีเรื่องราวน่าสนใจและมีความเป็นเอกลักษณ์ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะร้านที่เป็น One and Only Concept ที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ One in The World หรือร้านอาหารที่มีแห่งเดียวในโลกเช่น Riedel Restaurant Wine Bar & Cellar ร้านอาหารที่สร้างประสบการณ์ในเรื่องวัฒนธรรมการดื่มไวน์ ซึ่งมีประวัติยาวนานถึง 260 ปี จากประเทศออสเตรีย ส่วนกลุ่มที่ 2 จะเป็นร้านอาหารระดับอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ที่มีร้านเดียวในประเทศไทย เช่น Ginza Tenharu ร้านเทมปุระโอมากาเสะ ที่เน้นประสบการณ์การกินโอมากาเสะโดยใช้ศิลปะการทอดสมัยเอโดะ ซึ่งเป็นสาขาที่ 3 ในโลกต่อจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศสิงคโปร์ หรือร้าน Burger & Lobster ร้านอาหารชื่อดัง0จากประเทศอังกฤษ ที่มีสาขาเดียวในประเทศไทย สำหรับกลุ่มที่ 3 คือร้านอาหารที่สร้างขึ้นมาเป็น Unique Concept มีที่เดียวในประเทศไทยเท่านั้นไล่ไปตั้งแต่ ร้าน Paste ร้านอาหารไทยระดับมิชลินสตาร์ที่รังสรรค์ผ่านคอนเซ็ปท์อาหารไทยสูตรโบราณที่ผ่านการปรุงอย่างสร้างสรรค์และนำเสนอในรูปแบบทันสมัย, Boyy & Son Café รวมถึงร้าน Britannica Brasserie คาเฟ่และร้านอาหารในสไตล์แคชชวลไฟน์-ไดน์นิ่ง ใหม่ล่าสุดใน GAYSORN VILLAGE
UNIQUE EXPERIENCE จาก BEAUTY & WELLNESS COMPONENT ที่มีการปรับเพิ่มพื้นที่ขึ้นมาจนปัจจุบันอยู่ที่ 30% โดยเน้นความเป็นอินโนเวชั่น ได้แก่ Innovation Products, Service Innovation และ Experience ซึ่งปัจจุบันประกอบไปด้วย 4 กลุ่มได้แก่ Grooming ที่เน้นการแต่งเติมความสวยงาม ทั้งใบหน้าและทรงผมให้ดูสะอาด เรียบร้อย, Wellness โดดเด่นด้านการใช้ศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพแขนงต่างๆ เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจให้สมดุล สุขภาพดี, Aesthetic เน้นการดูแลผิวพรรณและเสริมความงามด้วยนวัตกรรมอย่างเลเซอร์และกลุ่มหัตถการ และ Surgery ที่เน้นการศัลยกรรมเสริมความงามด้วยการผ่าตัดตกแต่งด้วยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากฝีมือ โดยมีแบรนด์อยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมด 24 แบรนด์ อาทิ TRUEFITT & HILL, FACE PLUS BY YAMANO, Wonjin, PAÑPURI WELLNESS, ERB, MUNIQUE EXCLUSIVE CLUB รวมถึง JETTS BLACK ฟิตเนสระดับลักชัวรี่น้องใหม่ล่าสุด
2. แนวคิด JOURNEY TO THE NEW CHAPTER ที่มุ่งเน้นในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยนำแพลตฟอร์มใหม่ๆ มาเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง อาทิ
GAYSORN New Line OA: เป็นอีกขั้นของโลยัลตี้โปรแกรม ที่ลูกค้าไม่ต้องถือบัตรสมาชิกอีกต่อไปแต่จะเข้าไปอยู่ใน LINE ซึ่งตอบโจทย์ความเป็นทัช-เลสเอ็กซ์พีเรียน โดยมีฟังก์ชั่นที่ลูกค้าใช้งานได้ง่าย และยังมีฟังก์ชั่น Chat & Shop ที่ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า บริการ หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ ผ่านทาง GAYSORN Concierge Online ได้อย่างสะดวกที่สุด
GAYSORN New Membership Program การเปิดตัวอีกหนึ่งโลยัลตี้โปรแกรมนั่นคือ GAYSORN Black Member Card ที่สร้างเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น โดยมีเงื่อนไขคือมียอดซื้อสินค้า 1 หมื่นบาท ภายใน 3 เดือน ก็สามารถเป็นสมาชิกได้ทันที ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีเพียงบัตร GAYSORN Elite Member Card สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบ 1 แสนบาทภายใน 3 เดือน และ GAYSORN Diamond Member Card สำหรับลูกค้าที่มียอดซื้อสินค้าครบ 1 ล้านบาทภายใน 3 เดือน
GAYSORN Village New Website อีกช่องทางการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ www.gaysornvillage.com ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ แต่ได้มีการปรับปรุงใหม่ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น โดยจัดวางโครงสร้างของเว็บไซท์ให้ตอบสนองด้านการใช้งานโดยเฉพาะ อาทิเช่น การแบ่งหมวดหมู่ของ Dining, Beauty & Wellness และ Services ให้ตรงตามความต้องการและการใช้งานจริง รวมทั้งสามารถค้นหาร้านที่ต้องการได้ง่ายขึ้น และอีกสิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือหน้า GAYSORN Channel ที่เป็นการรวบรวม Video Content ต่างๆ ของ GAYSORN VILLAGE มาไว้บนเว็บไซท์ซึ่งทำให้สะดวกต่อการรับชมมากกว่าเดิม
3. แนวคิด CUSTOMER ENGAGEMENT คืออีกหนึ่งประสบการณ์ที่ GAYSORN VILLAGE ให้ความสำคัญเสมอ โดยใช้ความเป็นบูทีคสเกลที่เน้นเรื่อง Curated and Selective Experience ที่ได้เปรียบกว่าศูนย์อื่นในการสร้างความผูกพันกับแบรนด์ต่อลูกค้าในคอนเซ็ปท์ Personalization & Customization โดยแสดงออกถึงการบริการที่มาจากใจจริง ทั้งในรูปแบบของ Service และ Customer Relation Program ทั้งหมด
GAYSORN To You อีกหนึ่งบริการที่เปิดตัวในช่วงโควิดที่ผ่านมา ด้วยบริการผู้ช่วยคนใหม่กับประสบการณ์ Bring The GAYSORN Experience To Your Place แบบพิเศษกว่าใคร เพียงแอด LINE @GaysornVillage แล้วรับบริการซื้อสินค้าออนไลน์โดย GAYSORN Concierge Online เพียงเท่านี้ก็จะได้สินค้าที่ถูกใจส่งตรงถึงที่บ้าน หรือสถานที่อื่นๆ ที่สะดวก ให้ความรู้สึกเสมือนมาช้อปปิ้งด้วยตัวเอง
GAYSORN Concierge Relation หรือบริการรูปแบบใหม่ที่เข้ามาช่วยเหลือลูกค้าที่เดินภายในศูนย์ ตลอดจนแนะนำร้านค้าและบริการที่อยู่ภายใน GAYSORN VILLAGE ที่ลูกค้าอาจยังไม่เคยรู้ ถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้มากขึ้น
The New GAYSORN Diamond Lounge เพื่อตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวของลูกค้าบางกลุ่ม จึงจัดให้มี New GAYSORN Diamond Lounge โดยเตรียมเปิดตัวปลายปีนี้ในรูปแบบ Loft Concept สำหรับให้บริการลูกค้า VIP โดยเฉพาะ โดยภายในห้องรับรองจะมีการจัดแสดงผลงานศิลปะโดยผลัดเปลี่ยนศิลปินที่มีชื่อเสียง พร้อมจัดแสดงผลงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ อีกด้วย
การสร้างคอมมูนิตี้จาก Like-minded activity หรือการสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มคนที่มีความชอบเหมือนกันมาเจอกัน เช่นการรวมคนรักไวน์หายากมาไว้ด้วยกัน หรืองาน Bangkok Independent Watchmaking Exhibition ที่รวบรวมคนรักนาฬิกาแบรนด์อิสระมาไว้ที่ GAYSORN VILLAGE นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับแบรนด์ในรูปแบบพาร์ทเนอร์ชิปมากยิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนจากการเป็น Event Centric มาสู่ Customer Centric ตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และเติมเต็มด้วยการสร้างประสบการณ์อย่างมีสไตล์
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก GAYSORN VILLAGE มีการปรับ Persona ของลูกค้าเป็น 8 กลุ่มใหม่ที่ไม่อิง เดโมกราฟิค ได้แก่ Collector Artisan นักสะสมที่ชื่นชอบสินค้าหายากหรือคอลเลคชั่นพิเศษ, Foodie กลุ่มคนที่ชื่นชอบอาหารและคอนเซ็ปท์การกินแบบ Dining With A Story, Fashion Forwards ต้องการอัพเดทแฟชั่นทันสมัยก่อนใคร, Tech Deal Seekers คือกลุ่มคนที่มองหาดีลหรือโปรโมชั่นพิเศษผ่านทางดิจิทัลแพลตฟอร์ม, Work Style ซึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศที่ทำงานอยู่ในบริเวณ GAYSORN VILLAGE, Inner City Urbanists กลุ่มคนที่มีบ้านหลังที่ 2 เป็นคอนโดมิเนียมอยู่ในเมือง จึงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเป็นหลัก, Global Culturalist เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มากับทัวร์ปกติ แต่เป็นนักธุรกิจที่ชื่นชอบวัฒนธรรมของไทย และสุดท้าย Wellbeing กลุ่มคนที่มองหาหรือให้ความใส่ใจเรื่องสุขภาพของตัวเอง
ทั้งหมดนี้คือการปรับตัวของ GAYSORN VILLAGE เพื่อตอกย้ำความเป็น high-end lifestyle in epicentre ใจกลางเมืองแห่งแรกและแห่งเดียวในย่านราชประสงค์