GLASHÜTTE ORIGINAL presents new versions of SeaQ Panorama Date
เมื่อเรดโกลด์อันหรูหราพบกับพลังแห่งสีดำ ในโมเดลนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดในปีนี้จาก GLASHÜTTE ORIGINAL กับนาฬิการุ่นสำหรับนักดำน้ำ SeaQ Panorama Date รุ่นใหม่สองรุ่น ทั้งรุ่นตัวเรือนเรดโกลด์หน้าปัดสีดำ และรุ่นตัวเรือนสตีล/เรดโกลด์หน้าปัดสีเทา โดยทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมกับสายไนลอนตาข่ายสีเทากันน้ำที่พัฒนาโดยเฉพาะ หรือสายยางสีดำที่มีลวดลายนูนแบบพิเศษ
นาฬิกาสปอร์ตรุ่น SeaQ Panorama Date เปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2019 ซึ่งเป็นนาฬิกาสำหรับการดำน้ำ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาสำหรับการดำน้ำเรือนแรกของ GLASHÜTTE ORIGINAL ในรุ่น Spezimatic Type RP TS 200 ที่ผลิตขึ้นในปี 1969 และถือเป็นการรวมประวัติศาสตร์และความทันสมัยข้าไว้ด้วยกัน
โดยโมเดลรุ่นล่าสุดนี้ เป็นการนำเสนอความอลังการของสีเรดโกลด์ ที่ตัดกับหน้าปัดสีดำสนิท หรือแม้แต่แบบทูโทนที่ตัดกับหน้าปัดสีเทา ในขณะที่ตัวเลขแสดงเวลาจะเป็นแบบอาร์บิค เหนือพื้นหน้าปัดขัดแต่งลายซันเรย์ และขอบเบเซิลที่ผลิตจากเซรามิค พร้อมตัวอักษรสีขาวส่องแสงสว่างเข้ากับตัวเลขแสดงเวลา
SeaQ Panorama Date มีความสามารถในการกันน้ำได้สูงสุดถึง 30 บาร์ หรือประมาณ 300 เมตร ซึ่งเหมาะสำหรับนักดำน้ำมืออาชีพ พร้อมรายละเอียดอีกมากมายเช่น เม็ดมะยมที่สามารถขันเกลียวแน่น และกันน้ำได้เป็นอย่างดี หรือขอบฝาหลังแบบเกลียวด้านหลัง เพื่อประโยชน์สูงสุดในด้านของการกันน้ำเช่นกัน
นอกจากนี้ เพื่อการดำน้ำที่ปลอดภัยสูงสุด SeaQ Panorama Date จึงมีขอบเบเซิลที่สามารถหมุนทวนเข็มนาฬิกาได้ทิศทางเดียว พร้อมตำแหน่งล็อคในแต่ละนาที ที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า จะสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดายในเวลาดำน้ำ
ซึ่งรวมไปถึงการใช้สารเรืองแสงซุปเปอร์-ลูมิโนว่า เพื่อการมองในยามแสงน้อย และขอบเซรามิคที่เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ที่นอกจากจะไม่ซีดจางแล้ว ยังมีสีและรายละเอียดที่จะมีความคงทนไปนานเท่านาน รวมไปถึงความสามารถในกันรอยขีดข่วน ที่มักเกิดขึ้นกับขอบเบเซิลได้ง่ายอีกด้วย
ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 36 พร้อมพลังสำรองลานที่ยาวนานถึง 100 ชั่วโมง โดยใช้บาลานซ์สปริงที่ผลิตจากซิลิคอน เพื่อความแม่นยำและความน่าเชื่อถือที่สูงที่สุด โดยนาฬิกาแต่ละเรือนจะต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด ตามมาตรฐานคุณภาพของเยอรมันที่เข้มงวดที่สุด
และรวมไปถึงความทนทานต่อน้ำและสุญญากาศ ภายใต้สภาวะที่มีแรงดันเกินและต่ำ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบความต้านทานต่อแรงกระแทก ความต้านทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเค็ม และความยืดหยุ่นขององค์ประกอบในการทำงานแต่ละอย่าง ในแต่ละฟังก์ชั่นของกลไกชุดนี้
ไม่เพียงแต่นาฬิการุ่นนี้ จะต้องผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน DIN และ ISO ที่เข้มงวดสำหรับนาฬิกาของนักดำน้ำเท่านั้น แต่ยังต้องผ่านการทดสอบในอีก 24 วัน กับบททดสอบการใช้งานจริง ที่จะจำลองสภาพการใช้งานของนาฬิกาเรือนนี้ หลังจากนั้นจึงจะมีการตรวจสอบอัตราความแม่นยำในช่วงเวลาอีก 12 วันใน 6 ตำแหน่งที่แตกต่างกัน จนได้รับใบรับรองแสดงค่าความสามารถอย่างครบถ้วน