PIAGET จัดงานโชว์คอลเลคชั่นจิวเวลรี่ชั้นสูง เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
PIAGET แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 140 ปีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จัดงานเอ็กซ์คลูซีฟโชว์เคส ฉลองเปิดตัวคอลเลคชั่นจิวเวลรี่ชั้นสูงชุดล่าสุดในชื่อ GOLDEN OASIS ภายใต้บรรยากาศโอเอซิสใจกลางกรุง ที่รายล้อมด้วยพรรณพืชทะเลทรายนานาชนิด สื่อถึงคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นของคอลเลคชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม
ภายในอัดแน่นด้วยผลงานมาสเตอร์พีซกว่า 60 ชิ้น จาก 3 ธีมไฮไลท์อย่าง Play of Lights, Desert Minerals และ Native Bloom ที่เมซงนำมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมด้วยเรือนเวลาและเครื่องประดับชั้นสูงจากคอลเลคชั่นอื่นๆ อีกกว่า 50 ชิ้นที่มาให้ยลโฉมกันอย่างใกล้ชิด ก่อนกระทบไหล่คนสำคัญอย่าง ริต้า-ศรีริต้า เจนเซ่น ที่ปรากฏตัวพร้อม Vegetal Laces Ear Cuff ประดับมรกตทรงลูกแพร์จากโคลอมเบีย และเรือนเวลาไฮจิวเวลรี่ Titanota ประดับทัวร์มาลีน มรกต และเพชร รวม 105 เม็ด ร่วมด้วยไลฟ์แมนเนควินจากเหล่านางแบบ ที่มาสร้างสีสันพร้อมถ่ายทอดความน่าหลงใหลแห่งคอลเลคชั่นจิวเวลรี่ชั้นสูงแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
GOLDEN OASIS คือคอลเลคชั่นจิวเวลรี่ชั้นสูงล่าสุด ที่ PIAGET ตั้งใจนำเสนอแรงบันดาลใจ ของทิวทัศน์ทะเลทรายในหลากหลายช่วงเวลาผ่าน 3 ธีมไฮไลท์อย่าง Play of Lights, Desert Minerals และ Native Bloom
โดยธีม Play of Lights จะเน้นการรังสรรค์ผ่านประกายงามของหินล้ำค่าและทองเป็นหลัก โดยหยิบเอาช่วงเวลาอันแสนวิเศษของท้องฟ้าเหนือทะเลทราย ขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มพ้นจากขอบฟ้า ไปจนถึงราตรีที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มาร้อยเรียงเป็นชิ้นงานใหม่ที่แสนประทับใจ อาทิ
Golden Hour Necklace ตัวแทนบทกวีแด่ดวงอาทิตย์ที่มอบความอบอุ่นให้กับพื้นโลก โดยหยิบเอาช่วงเวลาแสนสั้นก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น และแสงสุดท้ายก่อนยาตราสู่ขอบทะเลทรายมารังสรรค์ โดยส่วนผสมที่ลงตัวของเพชรสีเหลืองอ่อนและสีขาว ถูกนำมาตีความถึงแสงที่จับต้องได้ยากในช่วงโกลเด้นอาวร์ ขณะที่เพชรสีเหลืองเข้มสะท้อนถึงทะเลทรายที่เปล่งประกาย รังสรรค์บนตัวเรือนแพลตินัมและเยลโลว์โกลด์ ดึงดูดสายตาด้วยเพชรแฟนซีสีเหลืองเข้มขนาด 6.63 กะรัต ซึ่งถือเป็นเพชรหายากมากตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยเพชรสีเหลืองอ่อนทรงมาร์คีส์ ที่แต่ละเม็ดผ่านการเจียระไนพิเศษเพื่อจำลองความงดงามของรัศมีดวงอาทิตย์นั่นเอง
Glowing Sun Watch เรือนเวลาไวท์โกลด์ ที่แฝงไว้ซึ่งความละเอียดประณีต ประดับเพชรหลากขนาดรวม 434 เม็ด บนพื้นหน้าปัดมุกสีขาว
Rising Star Ring แหวนตัวเรือนไวท์โกลด์ ประดับเพชรแฟนซีสีเหลืองเข้ม 1 เม็ด ขนาด 2.77 กะรัต รายล้อมด้วยเพชรทรงมาร์คีส์และเพชรเหลี่ยมเกษรอีกกว่า 80 เม็ด
Desert Minerals กับแนวคิดการใช้ชีวิตแบบไม่ปรุงแต่ง ที่แต่ละชิ้นพรรณนาผ่านพาเลตต์สี ดีไซน์ที่โดดเด่น และรูปทรงที่สลับซับซ้อน โดยมีตัวละครหลักอย่าง เพชร ทับทิม และแซฟไฟร์ ทำหน้าที่บอกเล่าถึงฉากหลังอันเงียบสงบ หินที่อาบไปด้วยแดดและความอัศจรรย์ของน้ำสีฟ้าอมเขียว ที่มอบความสดชื่นให้กับพื้นโลก โดยมีชิ้นงานเด่นที่นำมาจัดแสดง อาทิ
Blue Waterfall Necklace รังสรรค์บนตัวเรือนไวท์โกลด์ ประดับแซฟไฟร์สีน้ำเงินทรงหมอนขนาด 14.61 กะรัต เจียระไนแบบพิเศษเพื่อให้ระดับสีของอัญมณีเปล่งประกายอย่างทั่วกัน สวมใส่ได้สองสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นปล่อยแนบไปกับลำคอเพื่ออวดโฉมจี้ดีไซน์ระย้าที่สื่อถึงธารน้ำไหล หรือเลือกถอดจี้ออกก็ได้เช่นกัน
Blue Waterfall Watch มาพร้อมขอบตัวเรือนประดับแซฟไฟร์ทรงมาร์คีส์ ที่ออกแบบให้โอบล้อมหน้าปัดมุกสีขาวไว้อย่างเข้ากัน โดยคัดสรรมุกขนาดใหญ่และดีที่สุด ซึ่งมีลักษณะสีขาวที่โดดเด่นปราศจากการแต่งสี เรียกได้ว่าเป็นความสง่างามที่เปี่ยมด้วยคุณภาพขั้นสูงที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นโดยเฉพาะ ตัวเรือนผลิตจากไวท์โกลด์ โดดเด่นด้วยสายรัดข้อมือที่รังสรรค์ด้วยเทคนิคการแกะสลักทองแบบปาลาซ หนึ่งในซิกเนเจอร์เลื่องชื่อของเมซง ที่นอกจากจะแกะสลักอย่างประณีตด้วยมือแล้ว ลวดลายที่เกิดขึ้นยังสะท้อนถึงชั้นหินที่เรียงตัวสลับไปมาในทะเลสาบ ทั้งยังตัดกับสีน้ำเงินของแซฟไฟร์เม็ดงามได้อย่างลงตัว
Irresistible Attraction Ring แหวนตัวเรือนไวท์โกลด์ ประดับโกเมนสเปสซาไทต์ทรงหมอน 1 เม็ด และเพชรเหลี่ยมเกษร 70 เม็ด ที่มาพร้อม Irresistible Attraction Necklace เข้าคู่กัน
Native bloom รังสรรค์เพื่อเป็นเกียรติให้กับธรรมชาติที่ออกแบบได้งดงามไร้ที่ติ โดยหยิบเอาการเผชิญหน้าอันแสนท้าทายระหว่างพืชทะเลทรายและความยากลำบากมาเป็นแรงบันดาลใจ อาทิ Luxuriant Oasis Necklace ร้อยเรียงอย่างบรรจงทีละแถวด้วยมรกตทรงมาร์คีส์ที่บอกเล่าถึงโอเอซิสอันเขียวชอุ่ม ก่อนผสานเข้ากับเส้นสายที่โค้งเว้าที่สื่อถึงชายฝั่งอันคดเคี้ยวได้อย่างลงตัว ซึ่งทั้งหมดตกแต่งด้วยเพชรบริลเลียนต์คัตรวม 3.01 กะรัต โดดเด่นด้วยเพชรทรงลูกแพร์ขนาดใหญ่ 1 เม็ด ที่ออกแบบให้สามารถถอดออกมาเป็นจี้ เพื่อสวมใส่กับสร้อยไวท์โกลด์ได้อีกด้วย ซึ่งทรงมาร์คีส์นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรอยยิ้มของหญิงสาว ถือเป็นอีกหนึ่งในซิกเนเจอร์เลื่องชื่อของเมซง โดยแต่ละเม็ดต้องผ่านการเจียระไนโดยใช้หินล้ำค่าขนาดใหญ่เท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็น 55 เหลี่ยมตามที่ต้องการ และมอบประกายงามที่แตกต่างกันไปอีกด้วย
Vegetal Laces Ear Cuff ประดับเพชรและมรกตสีเขียวในดีไซน์ที่จำลองความงามของพรรณพืชทะเลทรายอย่าง อากาเว่ ไว้ครบครัน รังสรรค์บนตัวเรือนไวท์โกลด์ พร้อมตกแต่งด้วยมรกตทรงลูกแพร์ขนาด 1.45 กะรัต จากโคลอมเบีย