Horological Machine No. 11 : New ‘Art Deco’ Editions

MB&F เปิดตัวนาฬิการุ่น Horological Machine No. 11 ในปี 2023 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่พลิกโฉม ความคาดหมายของการแสดงเวลา ราวกับสถาปัตยกรรมขนาดย่อม ที่สามารถสวมใส่บนข้อมือ โดยเกิดจากวิสัยทัศน์ของ Maximilian Büsser ร่วมกับนักออกแบบ Eric Giroud ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรม แนวออร์แกนิกและนีโอฟิวเจอริสม์ของทศวรรษ 1960 – 1970 ก่อนที่ในปี 2025 ที่ Maximilian Maertens จะนำโครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ ของนาฬิการุ่นต้นแบบมาตีความใหม่ ในมุมมองแบบอาร์ทเดโค

 

Screenshot 2568 12 26 at 22.52.18

 

ของทศวรรษ 1930 พร้อมต่อยอดจนเกิดเป็นบทถัดามาของนาฬิกาในซีรี่ส์นี้นั่นคือก็ HM11 Art Deco, The original HM11 Architect “บ้านคือเครื่องจักรสำหรับอยู่อาศัย” Le Corbusier เคยกล่าวไว้และ MB&F ก็ได้นำถ้อยคำนี้มาตีความอย่างเป็นรูปธรรมผ่านนาฬิกา HM11 ซึ่งพลิกนิยามของ “ตัวเรือนนาฬิกา” ให้กลายเป็นบ้านขนาดเล็กบนข้อมือ ด้วยการออกแบบห้องสี่ห้องอย่างสมมาตร และล้อมรอบเอเทรียมกลางที่ประดับ ด้วยฟลายอิงตูร์บิยองใต้โดมแซฟไฟร์ซ้อน โดยแต่ละห้องมีหน้าที่เฉพาะทั้งการแสดงเวลา

 

Screenshot 2568 12 26 at 22.56.21

 

การแสดงพลังสำรองลาน  วัดอุณหภูมิแบบกลไก และเป็นโมดูลตั้งเวลา ในขณะที่ตัวเรือนทั้งชิ้นสามารถหมุน เพื่อให้ห้องใดก็ตามสามารถหันเข้าหาผู้สวมใส่ และในทุกการหมุน 45องศาก็จะเป็นการสะสมพลังลานที่ยาวนานได้รวม 72 นาที ซึ่งเมื่อหมุนครบสิบรอบก็จะได้พลังงานเต็ม สำหรับการทำงานรวม 4 วันหรือ 96 ชั่วโมง  เพื่อมอบประสบการณ์เชิงสัมผัส ให้ผู้ครอบครองรู้สึกใกล้ชิด กับการทำงานของชุดกลไก ในนาฬิกาตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 5 ขนาด 42 มิลลิเมตร ที่ถูกสร้างขึ้นดุจสถาปัตยกรรม

 

Screenshot 2568 12 26 at 23.03.47

 

ที่มีขนาดเล็กและประดับอยู่บนข้อมือ ด้วยผนังโค้ง เส้นสายอ่อนช้อย โดมแซฟไฟร์ซ้อน และเม็ดมะยมที่กว้างเกือบสิบมิลลิเมตร ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีต พร้อมระบบปะเก็นหลายชั้นแบบ “แอร์ล็อค” เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ พร้อมการทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮาส์ ที่ขับเคลื่อนชุดฟลายอิงตูร์บิยองกึ่งลอยตัว ณ บริเวณศูนย์กลางโดยอาศัยระบบเฟืองเฉียง และแขวนลอยด้วยชุดสปริงสตีลสี่ชิ้น ที่ตัดด้วยเลเซอร์จากเทคโนโลยีจากการบินทางอวกาศ โดยผลงานรุ่นใหม่นี้ได้เผยโฉมสุนทรียศาสตร์

 

Screenshot 2568 12 26 at 23.04.20

 

ซึ่งครึ่งหนึ่งคือนาฬิกา และอีกครึ่งหนึ่งคือโครงสร้าง ที่ให้ความรู้สึกราวกับสามารถอยู่อาศัยได้ โดย The New HM11 Art Deco ใหม่นี้ยังคงอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน แต่ถ่ายทอดด้วยภาษาดีไซน์ ที่แตกต่างอย่างเด่นชัด ภายใต้แรงบันดาลใจ ที่มาจากสถาปัตยกรรมจากต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่ง Maximilian Maertens หลงใหล ไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ในกรุงปารีสไปจนถึงตึกระฟ้าแห่งแมนฮัตตัน โดยดีไซน์ใหม่นี้ได้เปลี่ยนจากเส้นสายออร์แกนิก ของนาฬิการุ่น Architect มาสู่รูปทรงเรขาคณิตและลักษณะเฉพาะของอาร์ทเดโค

 

Screenshot 2568 12 26 at 22.56.39

 

บนด้านหน้าปัดลวดลาย “ซันบีม” ที่แผ่ออกเป็นวงและเซาะโปร่งบางส่วน เพื่อให้สามารถอ่านค่าได้ชัดเจน เข้ามาแทนที่แกนทรงกรวยของนาฬิการุ่นเดิม ขณะที่วงแหวนทูโทนและตัวอักษร ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากยุคสมัยนั้น และช่วยกำหนดเอกลักษณ์เฉพาะของการแสดงเวลา พร้อมเข็มนาฬิกาที่แต่งเอฟเฟ็คท์ คล้ายกระจกสีด้วยอีนาเมลแบบโปร่งแสง ส่วนบริจด์ก็ได้รับการออกแบบให้สูงขึ้น ในแนวตั้งคล้ายลวดลายสโตนเวิร์คประดับอาคารพร้อมเส้นสันบนหลังคาที่สะท้อนเงาแบบขั้นบันได

 

Screenshot 2568 12 26 at 22.57.49

 

ของตึกระฟ้าเช่น ตึกไคร์สเลอร์ (Chrysler Building) ขณะที่บริจด์ตูร์บิยองที่ออกแบบใหม่มีระนาบแนวตรงกับแผ่นฐาน เพื่อสร้างแกนเชื่อมโครงสร้างทั้งหมดเข้าด้วยกัน ที่แม้แต่เม็ดมะยมยังประดับด้วยขั้นบันได ซึ่งเมื่อรวมองค์ประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว การปรับโฉมนี้จึงถ่ายทอดความรู้สึก ของเส้นสายที่ดูมีมิติขึ้นราวกับสกายไลน์ตามสไตล์อาร์ทเดโค โดยเมื่อมองนาฬิกา HM11 ทั้งสองรุ่นเคียงข้างกัน จะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน จากรุ่นดั้งเดิม Architect ที่ถ่ายทอดเส้นโค้งของคอนกรีตยุค 70s

 

Screenshot 2568 12 26 at 22.56.31

 

พร้อมให้ความรู้สึกที่สัมผัสได้ และเต็มไปด้วยการทดลองในขณะที่นาฬิการุ่นใหม่ จะสะท้อนสไตล์ของอาร์ทเดโคจากโครงสร้างที่ชัดเจน และเต็มไปด้วยเส้นสายกราฟิคราวกับเมืองขนาดเล็ก แต่ทั้งสองรุ่นล้วนมีจิตวิญญาณเดียวกัน กับนาฬิกากลไกชั้นสูงที่ไม่ได้มีไว้เพียงสวมใส่เท่านั้น แต่เพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของได้ “ใช้ชีวิต” ไปกับนาฬิกา พร้อมจำนวนการผลิตในสองรุ่นพิเศษรุ่นละ 10 เรือน รวมทั้งหมด 20 เรือน เพื่อฉลองการครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ MB&F โดยทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 5

 

Screenshot 2568 12 26 at 22.58.30