Classic Tourbillion Manufacture with a Palm Green dial

กับความงดงามในโทนสีเขียวจากนาฬิการุ่นใหม่จาก FREDERIQUE CONSTANT ที่มาพร้อมชุดกลไกตูร์บิยองที่ผลิตขึ้นเอง จากในปี 2025 ที่ FREDERIQUE CONSTANT ได้เปิดตัวนาฬิการุ่น Classic Tourbillon Manufacture ขึ้นซึ่งเป็นการสานต่องานโดยตรง ของรุ่นก่อนหน้าที่นำเสนอในปี 2023 โดยนาฬิการุ่นล่าสุดนี้ผลิตขึ้นในแบบจำนวนจำกัดเพียง 150 เรือนทั่วโลก และมาพร้อมกับตัวเรือนที่ผลิตจากสตีลในขนาด 39 มิลลิเมตรเข้ากับหน้าปัดโทนสีเขียว
และสายหนังจระเข้ที่มีสีสันเข้ากัน โดยหัวใจสำคัญของนาฬิการุ่นนี้คือกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ FC-980 ที่พัฒนาและสร้างขึ้นเองภายในโรงงานทั้งหมด ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างงานแบบไฟน์ว็อช ตามลักษณะดั้งเดิมผนวกเข้ากับความทันสมัย ในยุคปัจจุบันได้อย่างน่าหลงใหล โดยมีหน้าปัดสีเขียวลายซันเบริท์สที่ช่วยเพิ่มสัมผัส ที่มีชีวิตชีวาและร่วมสมัยให้กับข้อมือ จากรูปลักษณ์ใหม่ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือน และสไตล์ทั้งหมดที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่
ในตัวเรือนที่ผลิตจากโรสโกลด์ในแบบจำนวนจำกัด 150 เรือน จนต่อมาก็จะมีการนำเสนอนาฬิกาในรุ่นนี้ เพียงไม่กี่แบบในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น แบบหน้าปัดที่ผลิตจากหินอุกกาบาตในตัวเรือนแพลทตินัม และแบบหน้าปัดที่ผลิตจากอะเวนทูรีนในตัวเรือนไวท์โกลด์ ที่แม้ว่านาฬิกาที่ผลิตจากสตีลหลายรุ่นในตลาด จะมีราคาจำหน่ายเทียบเท่ากับแบบที่ผลิตทองคำ แต่จะไม่ใช่สำหรับนาฬิการุ่นใหม่นี้ ที่จะมีราคาจำหน่ายเช่นเดียวกันกับรุ่นที่นำเสนอในปี 2023
ที่มาพร้อมหน้าปัดโทนสีน้ำเงิน ตามแนวคิดของแบรนด์ในการส่งมอบ นาฬิกาสวิสที่ดีที่สุดในตลาดกับราคาที่เอื้อมถึง จากนาฬิกากลไกตูร์บิยองที่มักจะมาในสไตล์คลาสสิค โดยมีหน้าปัดโทนสีขาว สีเทา หรือสีดำ ซึ่งในครั้งนี้ FREDERIQUE CONSTANT เลือกใช้หน้าปัดสีเขียวปาล์มเข้ม ที่เปล่งประกายอย่างหาญกล้า พร้อมเข็มแสดงค่าเวลากลางหน้าปัด ในแบบขัดเงาทั้งสองเข็มที่ขยับอยู่ บนเครื่องหมายแสดงค่าชั่วโมง ที่ผ่านการขัดแต่งเหลี่ยมมุมจนเงาแวววาวเปล่งประกาย
ส่วนเข็มวินาทีจะแสดงค่าโดยตรงบนชุดกรงตูร์บิยอง โดยมีการจัดวางเข็มแสดงค่าเวลาทั้งสองที่มีความบาง ไว้ด้านบนหน้าปัดอย่างแนบเนียนที่สุด เพื่อไม่ให้บดบังการมองเห็นชุดกรง พร้อมกับชุดบาลานซ์วีลที่ผลิตจากซิลิคอน ซึ่งเป็นวัสดุล้ำสมัยที่ FREDERIQUE CONSTANT ใช้มาตั้งแต่ปี 2008 กับความสามารถในการทนทาน ต่อสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ผนวกเข้ากับแนวทางตามธรรมเนียมปฏิบัติ
ของนาฬิกาที่ผลิตขึ้นในเจนีวา ที่จะมีการตกแต่งอันรวมถึงการลบมุมแบบขัดเงา การขัดแบบเซอร์กูล่าเกรน และการขัดแบบด้านบริเวณด้านข้างชิ้นส่วน นอกจากนี้ยังมีการขัดแต่งแบบเรียบ และการขัดเงาตามจุดในส่วนอื่นๆ อีกมาก เพื่อร่วมกันส่งมอบพลังสำรองลานที่นาน 38 ชั่วโมงจากความถี่ในการทำงานที่ระดับ 28,800 รอบต่อชั่วโมง ในตัวเรือนที่ความหนา 10.99 มิลลิเมตรและให้ความสามารถในการกันน้ำได้ที่ระดับ 5 เอทีเอ็ม โดยกลไกแต่ละชุดจะมีหมายเลขกำกับเฉพาะ
บนชุดกรงตูร์บิยองที่แสดงให้เห็นได้อย่างเด่นชัด จับคู่ใช้งานกับสายหนังจระเข้เนื้อดี และผ่านการเย็บที่แสนประณีต ผนวกกับชุดบานพับแบบดีพลอย์แอนท์ที่ผลิตจากสตีล ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเม็ดมะยมรูปทรงหัวหอม ตามแบบฉบับของนาฬิกาพกชั้นดีจากอดีต ซึ่งรวมไปถึงฝาหลังแบบโปร่งใส เพื่อให้สามารถมองเห็นชุดกลไกที่ผ่านการขัดแต่งในระดับสูง พร้อมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน โดยนาฬิการุ่นนี้จะมีราคาจำหน่ายที่ประเทศไทย 739,000 บาท
