BASELWORLD 2012 - New pieces from SEIKO

 

รายงานชุดนาฬิกาใหม่จาก BASELWORLD 2012 ครั้งนี้ เราเปลี่ยนบรรยากาศมาดูนาฬิกาจากญี่ปุ่นกันบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าอันดับต้นๆ ของชื่อนาฬิกาที่คนนึกถึง เมื่อพูดถึงนาฬิกาจากเกาะในทวีปเอเชียแห่งนี้ก็คือ SEIKO โดยในปีนี้ทาง SEIKO ก็จัดหลากรุ่นใหม่มาให้เป็นเจ้าของกัน ไล่เรียงตั้งแต่หัวขบวนอย่าง Grand Seiko ที่ออกเอดิชั่นพิเศษของรุ่นไฮบีท 36,000 กับลิมิเต็ดเอดิชั่นฉลองครบรอบ 10 ปีของรุ่นจีเอ็มทีมาให้ชื่นชมกัน ต่อด้วย Ananta โครโนกราฟลิมิเต็ดเอดิชั่นในชื่อ Kumadori ส่วน Sportura นาฬิกาแนวสปอร์ต ก็โชว์เวอร์ชั่นโครโนกราฟรุ่นใหม่ปี 2012 ของนาฬิกาประทับตรา FC Barcelona และนาฬิกาโครโนกราฟสไตล์นักบิน ไปจนถึง Sportura โครโนกราฟรุ่นใหม่ขอบตัวเรือนเซรามิกสำหรับผู้หญิง ตามด้วยไฮไลต์สุดท้ายในรุ่น Astron ที่รับสัญญาณจากระบบดาวเทียมจีพีเอสและทำงานด้วยพลังงานแสง

 

Grand Seiko

 

ซีรี่ส์นาฬิกา Grand Seiko นี้ถือกำเนืดขึ้นเมื่อกว่า 50 ปีมาแล้วจากจุดมุ่งหมายของ SEIKO ที่ต้องการสร้างนาฬิกาที่ดีที่สุด มีความเที่ยงตรงเชื่อถือได้ตลอดจนมีความทนทานเพียงพอสำหรับสวมใส่จริงในชีวิตประจำวัน ดังนั้นวัสดุที่ดีที่สุด การออกแบบอันพิถีพิถันที่สุด และกระบวนการผลิตที่ดีเยี่ยมที่สุดจากฝีมือมนุษย์ในทุกๆ องค์ประกอบ จึงถูกหล่อหลอมขึ้นมาจนเป็นนาฬิกา Grand Seiko ในแต่ละรุ่น และสืบทอดประเพณีต่อเนื่องกันมาจวบจนปัจจุบัน และในปี 2012 นี้ ไฮไลต์ของซีรี่ส์ Grand Seiko ก็มีออกมา 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Grand Seiko Special Edition Hi-beat 36,000 และ Grand Seiko GMT Limited Edition

 

Grand Seiko Special Edition Hi-beat 36,000

 

Grand Seiko Hi-beat สเปเชี่ยลเอดิชั่นรุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงสุดในโลก โดยนำเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติเดินด้วยความถี่สูง 36,000 ครั้งต่อชั่วโมงรุ่นล่าสุด Calibre 9S85 ที่ออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2009 มาปรับตั้งโดยสุดยอดช่างนาฬิกาฝีมือดีที่สุดของ Shizukuishi Watch Studio ซึ่งเป็นสตูดิโอที่เป็นผู้สร้างสรรค์นาฬิการุ่นนี้ ให้มีความเที่ยงตรงแม่นยำยิ่งขึ้นจนถึงระดับ -2/+4 วินาทีต่อวัน เยี่ยมยอดกว่ามาตรฐานของ Grand Seiko ซึ่งอยู่ที่ -3/+5 วินาทีต่อวันจากการทดสอบใน 6 ตำแหน่งด้วยกันอันเป็นมาตรฐานที่เข้มข้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลกไปอีกขั้นหนึ่งโดยยังคงมีกำลังสำรอง 55 ชั่วโมงอยู่เช่นเดิม บรรจุอยู่ในตัวเรือนทองคำ 18ซึ่งมี 3 สีให้เลือก คือ โรสโกลด์ ไวท์โกลด์ และเยลโลว์โกลด์ ฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัลมองเห็นเครื่องที่ได้รับการขัดแต่งอย่างงดงามกับโรเตอร์ขึ้นลานที่มีตราสิงห์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Grand Seiko ทำจากทองคำ 18ติดตั้งอยู่

 

UnknownUnknown 1     Unknown 2

 

Unknown 3

 

 

ตัวเรือน: ทองคำ 18k ขนาด 38 มิลลิเมตร มีให้เลือกใน 3 วัสดุ คือ โรสโกลด์ ไวท์โกลด์ และเยลโลว์โกลด์ ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร ป้องกันผลกระทบจากสนามแม่เหล็กได้ในระดับ 10,000 A/m

คริสตัล: แซฟไฟร์ทรงโค้งเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน

หน้าปัด: สีขาว หลักชั่วโมง เข็ม กรอบหน้าต่างวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ชื่อแบรนด์และโลโก้ GS ใช้วัสดุสีเดียวกับตัวเรือน มีคำว่า SPECIAL บ่งบอกความพิเศษอยู่ใต้ชื่อแบรนด์

สาย: หนังจระเข้ พร้อมบัคเกิ้ลทองคำ 18k ชนิดเดียวกับตัวเรือน

เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre 9S85 ทำงานที่ความถี่ 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 55 ชั่วโมง สามารถขึ้นลานด้วยมือได้ ประดับตราสิงห์ของ Grand Seiko ทำจากทองคำ 18k ไว้บนโรเตอร์

 

 

Grand Seiko GMT Limited Edition

 

เพื่อเฉลิมฉลองอายุครบทศวรรษของนาฬิกา Grand Seiko GMT ซึ่งเปิดตัวออกมาครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อน ในปีนี้ทางแบรนด์จึงได้ออกนาฬิการุ่นพิเศษลิมิเต็ดเอดิชั่นมา 2 รุ่นด้วยกันในตัวเรือนสตีล 2 ลักษณะด้วยกันได้แก่ สไตล์สปอร์ตในขนาด 39.2 มิลลิเมตร มากับขอบตัวเรือนสลักเลขชั่วโมงแบบ 24 ชั่วโมงคู่กับสายสตีล ผลิตจำนวน 700 เรือน กับสไตล์คลาสสิกขนาด 39.5 มิลลิเมตรคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน ผลิตจำนวน 1,000 เรือน เพื่อฉลองให้กับวาระสำคัญนี้ ใน 2 ลักษณะตัวเรือน โดยมีจุดที่เป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน คือ หน้าปัดสีน้ำเงิน เข็มจีเอ็มทีสีทอง และใช้โรเตอร์ทรงกลมฉลุช่องสามเหลี่ยมผลิตจากไทเทเนียมกับทังสเตนทำสีน้ำเงินพร้อมตราสัญลักษณ์สิงห์ประดับอยู่ที่มองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัล ซึ่งสีน้ำเงินนี้ยังไม่เคยถูกนำมาใช้ในรุ่น Grand Seiko GMT มาก่อน

 

Unknown 4Unknown 5Unknown 6

 

 

ตัวเรือน/สาย: มีให้เลือก 2 รูปแบบต่างสไตล์ คือ
- สตีล ขนาด 39.2 มิลลิเมตร ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร ป้องกันผลกระทบจากสนามแม่เหล็กได้ในระดับ 10,000 A/m ขอบตัวเรือนสลักเลขชั่วโมงแบบ 24 ชั่วโมงสำหรับเวลาที่สอง ผลิตในจำนวนจำกัด 700 เรือน มาคู่กับสายสตีล

- สตีล ขนาด 39.5 มิลลิเมตร ฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 30 เมตร ป้องกันผลกระทบจากสนามแม่เหล็กได้ในระดับ 10,000 A/m ผลิตในจำนวนจำกัด 1,000 เรือน มาคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน

คริสตัล: แซฟไฟร์ทรงโค้งเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน

หน้าปัด: สีน้ำเงิน เข็มจีเอ็มทีสีทอง บอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา

เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre 9S66 ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 72 ชั่วโมง สามารถขึ้นลานด้วยมือได้ พร้อมฟังก์ชั่นจีเอ็มทีบอกเวลาที่สองด้วยเข็มกลาง โรเตอร์ทรงกลมฉลุช่องสามเหลี่ยมผลิตจากไทเทเนียมกับทังสเตนทำสีน้ำเงิน

 

 

 

SEIKO

 

Ananta Limited Edition ‘Kumadori’ Chronograph

 

นับจากที่ซีรี่ส์ Ananta นาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์มาจากลักษณะของดาบคาตานะโดยนำมาขัดเงาให้มีพื้นผิวที่เรียบสุดๆ ด้วยการขัดแบบที่เรียกว่าซารัตสึ เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกเมื่อปี 2009 ก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางกันไปทั่วโลกถึงลักษณะเฉพาะตัวสไตล์ญี่ปุ่นอันโดดเด่น และสามารถสร้างที่ยืนสำหรับนาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นในตลาดนาฬิการะดับสูงของโลกได้สำเร็จ และในปี 2012 นี้ SEIKO ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาโครโนกราฟลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่นใหม่ของซีรี่ส์ Ananta ในชื่อว่า Ananta Limited Edition ‘Kumadori’ Chronograph โดยมีที่มาจากการแสดงละครคาบูกิ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกรุงเกียวโตในช่วงยุคศตวรรษที่ 17 จนเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นในยุคนั้น ซึ่งมาจากบรรดาเครื่องแต่งกาย ฉาก ตลอดจนรูปแบบการเต้นและการแสดง ที่สะท้อนภาพแห่งญีปุ่นออกมาอย่างเด่นชัด คาบูกิในทุกวันนี้จึงเป็นการแสดงมหรสพซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดประเพณีโบราณของญี่ปุ่นได้อย่างดีที่สุด คำว่าคูมาโดริ (Kumadori) เป็นชื่อเรียกศิลปะการแต่งหน้าอันจัดจ้านซึ่งแสดงถึงอารมณ์และลักษณะของตัวละครคาบูกิแต่ละตัวซึ่งจะแตกต่างกันด้วยเส้นสายเฉียบขาดและสีสันฉูดฉาด อันเป็นแรงบันดาลใจแห่งการสร้างสรรค์นาฬิการุ่นนี้ 

 

Unknown 7

ลักษณะศิลปะการแต่งหน้าแบบคูมาโดริของตัวละครคาบูกิ

 

พื้นหน้าปัดของ Ananta Limited Edition ‘Kumadori’ Chronograph ถูกเพ้นท์แลกเกอร์สีดำสนิทด้วยมือโดย Isshu Tamura ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านงานแลกเกอร์ซึ่งเป็นปรมาจารย์แห่งรูปแบบศิลปะที่เรียกว่า Kaga Makie โดยเขาจะเพ้นท์หน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้ในสตูดิโอของเขาเองซึ่งอยู่ที่ Kanazawa ในทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ส่วนเส้นสีแดงที่ขีดอยู่บริเวณวงเคาน์เตอร์ย่อยทั้งสามนั้นก็ถูกเพ้นท์ด้วยแลกเกอร์เช่นกันโดยจะอยู่บนพื้นผิวของแลกเกอร์สีดำบนพื้นหน้าปัดอีกทีเพื่อสร้างมิติเร้าอารมณ์เฉกเช่นศิลปะคูมาโดริ ความพิเศษขนาดนี้ถูกจำกัดจำนวนการผลิตไว้เพียง 800 เรือนเท่านั้น พร้อมระบุหมายเลขประจำเรือนไว้บนขอบฝาหลังสีดำที่มีเส้นด้านในเป็นสีแดงถ่ายอารมณ์ต่อเนื่องจากด้านหน้าปัด ทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟ Calibre 8R28 ทำงานด้วยกลไกแบบคอลัมน์วีลพร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็คซึ่งมองเห็นการทำงานได้จากฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัล

 

Unknown 8Unknown 9

 

ตัวเรือน: สตีลขนาด 42.8 มิลลิเมตร เคลือบดำด้วยกรรมวิธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้ง ฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัล กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน กันน้ำได้ในระดับความลึก 100 เมตร มีสเกลทาคีมิเตอร์บนขอบตัวเรือน

หน้าปัด: เพ้นท์แลกเกอร์สีดำบนพื้นหน้าปัดและเพ้นท์เส้นแลกเกอร์สีแดงบริเวณวงเคาน์เตอร์ย่อยทั้งสามด้วยมือ บอกวินาทีที่เคาน์เตอร์ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ชั่วโมงจับเวลาที่เคาน์เตอร์ 6 นาฬิกา นาทีจับเวลาที่เคาน์เตอร์ 9 นาฬิกา มีช่องหน้าต่างบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกา 

สาย: สตีลเคลือบดำด้วยกรรมวิธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้ง

เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre 8R28 กลไกโครโนกราฟแบบคอลัมน์วีลพร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็ค

จำนวนการผลิต: 800 เรือน

  

 

Sportura Collection

 

คอลเลคชั่น Sportura เป็นนาฬิกาสปอร์ตที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งอีกแบบหนึ่งของแบรนด์ซึ่งในปีที่แล้วก็ได้ออกเจเนอเรชั่นใหม่มาให้ชื่นชมกันไปแล้ว มาในปีนี้ทาง SEIKO ก็ได้ออกรุ่นพิเศษในแบบโครโนกราฟที่มากับสัญลักษณ์ของทีมฟุตบอลระดับโลก FC Barcelona ที่ทางแบรนด์เข้าไปให้การสนับสนุน ใช้ชื่อรุ่นว่า 2012 Sportura FCB Alarm Chronograph และนาฬิกาโครโนกราฟสไตล์นักบิน Sportura Aviation Chronograph พร้อมฟังก์ชั่นอลาร์มปิดท้ายด้วย Sportura Women’s Chronograph รุ่นใหม่ขอบตัวเรือนเซรามิกสำหรับคุณผู้หญิง

 

2012 Sportura FC Barcelona Alarm Chronograph

 

นาฬิกาโครโนกราฟสุดพิเศษพร้อมตราสโมสรบาร์เซโลนาบนหน้าปัดรุ่นนี้ถูกออกแบบให้สามารถสวมใส่ได้แนบกระชับกับข้อมือที่สุดด้วยขาสายทรงโค้งยาวที่ออกแบบอย่างละเอียดพิถีพิถันให้เชื่อมต่อกับสายยูรีเทนอย่างแนบสนิท ฟังก์ชั่นโครโนกราฟก็ได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้สะดวกและแม่นยำด้วยผิวหน้าสัมผัสปุ่มกดที่กว้างโดยสามารถอ่านค่าได้อย่างแม่นยำด้วยเข็มนาทีจับเวลาปลายแหลม อีกทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชั่นอลาร์มสำหรับตั้งปลุก และนอกจากตราสโมสรที่ปรากฎบนหน้าปัดแล้วยังถูกสลักอยู่กลางฝาหลังพร้อมม็อตโต้ประจำสโมสร ‘More than a club’ ด้วย

 

Unknown 10 Unknown 11

 

 

ตัวเรือน: สตีลเคลือบดำด้วยกรรมวิธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้ง เม็ดมะยมขันเกลียว กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร พร้อมสเกลทาคีมิเตอร์บนขอบตัวเรือน ฝาหลังสตีลสลักตราและม็อตโต้ประจำสโมสรบาร์เซโลนา

หน้าปัด: พื้นสีดำ เคาน์เตอร์ย่อย 3 วง บอกนาทีจับเวลา เวลาตั้งปลุก และวินาที เข็มวินาทีจับเวลาสีเหลือง มีหน้าต่างบอกวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกา พร้อมตราสโมสรบาร์เซโลนา ณ ตำแหน่ง 3.30 นาฬิกา

สาย: ยูรีเทนสีดำขอบแดงพร้อมบัคเกิ้ลสตีล

เครื่องควอตซ์โครโนกราฟ Calibre 7T62 พร้อมฟังก์ชั่นตั้งปลุก (อลาร์ม)

 

 

Sportura Aviation Chronograph

 

นาฬิกาที่ออกแบบมาสำหรับใช้เป็นเครื่องมือร่วมในการบินของ SEIKO รุ่นแรกในปี 1970 ได้ถูกสานต่อตำนานอีกครั้งในปีนี้ด้วย Sportura Aviation Chronograph รุ่นนี้ซึ่งออกมาพร้อมกันถึง 4 แบบให้เลือกซึ่งจะแตกต่างกันที่สีสันการตกแต่ง นาฬิการุ่นนี้ติดตั้งขอบตัวเรือนหมุนได้ระบบโรตารี่สไลด์รูล (Rotary Slide Rule) ที่มาพร้อมสเกลต่างๆ ซึ่งสามารถใช้คำนวณระยะทาง การบริโภคน้ำมัน อัตราการไต่ระดับ และความเร็วในอากาศ อันล้วนแต่เป็นประโยชน์ในการบินได้อย่างง่ายดายและแม่นยำมาพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาโครโนกราฟและตั้งปลุก

 

Unknown 12

 

ตัวเรือน: สตีล หรือสตีลเคลือบดำด้วยกรรมวิธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้ง เม็ดมะยมขันเกลียว กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร ขอบตัวเรือนระบบโรตารี่สไลด์รูลพร้อมสเกลซึ่งสามารถใช้คำนวณระยะทาง การบริโภคน้ำมัน อัตราการไต่ระดับ และความเร็วในอากาศได้ ฝาหลังสตีล

หน้าปัด: เคาน์เตอร์ย่อย 3 วง บอกนาทีจับเวลา เวลาตั้งปลุก และวินาที มีหน้าต่างบอกวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกา 

สาย: มีให้เลือกทั้งในแบบสายหนังและสายสตีล

เครื่อง: ควอตซ์โครโนกราฟ Calibre 7T62 พร้อมฟังก์ชั่นตั้งปลุก (อลาร์ม)

 

 

Sportura Women's Chronograph

 

ปิดท้ายไฮไลต์รุ่นใหม่ประจำปีของ Sportura กันด้วยคอลเลคชั่นสำหรับผู้หญิงที่มาในรูปแบบของนาฬิกาโครโนกราฟถึง 4 รุ่นด้วยกันทุกรุ่นมาพร้อมขอบตัวเรือนเซรามิก แต่จะมีรายละเอียดการตกแต่ง สีสัน และการจับคู่สายที่แตกต่างกัน โดยรุ่นท็อปสุดจะมากับหน้าปัดเปลือกหอยมุกที่ใช้หลักชั่วโมงประดับเพชร 8 เม็ด พร้อมสายสตีลที่มีข้อกลางเป็นเซรามิก

 

Unknown 13

 

ตัวเรือน: สตีลขอบตัวเรือนเซรามิก หรือสตีลเคลือบสีพิงค์โกลด์ด้วยกรรมวิธีฮาร์ดโค้ตติ้งขอบตัวเรือนเซรามิก มีสเกลทาคีมเตอร์บนขอบหน้าปัด กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร

หน้าปัด: เคาน์เตอร์ย่อย 3 วง บอกวินาทีจับเวลาในระดับความละเอียด 1/20 ของวินาที นาทีจับเวลากับชั่วโมงจับเวลาแบบแกนร่วม และวินาที มีหน้าต่างบอกวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา 

สาย: สตีลสลับข้อกลางเป็นเซรามิก หรือสายหนัง 

เครื่อง: ควอตซ์ Calibre 7T92 พร้อมฟังก์ชั่นแสดงวินาทีจับเวลาในระดับ 1/20 ของวินาที

  

 

Astron GPS Solar

 

ไฮไลต์รุ่นสุดท้ายที่ SEIKO เปิดตัวในงาน BASELWORLD ปีนี้ได้แก่ นาฬิกาโชว์ศักยภาพและเทคโนโลยีอันล้ำหน้าของแบรนด์รุ่นนี้ Astron GPS Solar ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก เวลาบนนาฬิกาเรือนนี้ก็จะยังคงบอกเวลาในแต่ละไทม์โซนอย่างเที่ยงตรงแม่นยำอยู่เสมอ ด้วยเทคโนโลยีตัวรับสัญญาณ GPS กินพลังงานต่ำที่ SEIKO พัฒนาขึ้นและจดสิทธิบัตรแล้ว การบอกเวลาของ 39 ไทม์โซนกับวันที่ของนาฬิการุ่นนี้จะใช้สัญญาณโกลบอลเน็ตเวิร์คจากระบบดาวเทียม GPS ทาง SEIKO ให้เหตุผลที่นำระบบนี้มาใช้ในรุ่น Astron ก็เพราะว่ารุ่นต้นตระกูล Astron ในอดีตที่ออกมาในปี 1969 นั้นถือว่าเป็นบรรพบุรุษแห่งนาฬิกาควอตซ์ของโลก ดังนั้นเทคโนโลยีล้ำสุดๆ อย่าง GPS Solar นี้ก็ควรจะอยู่ในนาฬิกาซีรี่ส์ Astron จึงจะคู่ควร

 

Unknown 14Unknown 15

 

รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ผลิต 2,500 เรือน ตัวเรือนทำจากไทเทเนียมเคลือบดำด้วยกรรมวิธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้งที่สกัดเนื้อด้านข้างตัวเรือนออกเพื่อให้นาฬิกามีน้ำหนักเบาที่สุด

 

ตัวรับสัญญาณของนาฬิการุ่นนี้จะต่อเชื่อมเพื่อรับสัญญาณจากดาวเทียม GPS ที่โคจรรอบโลกจำนวน 4 ดวงหรือมากกว่าเพื่อระบุตำแหน่งไทม์โซนปัจจุบันโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้กดปุ่มสั่งการ เข็มแสดงเวลาจะถูกปรับตั้งโดยอัตโนมัติโดยจะแสดงเวลาตามนาฬิกาอะตอมมิกตามไทม์โซนที่นาฬิกาอยู่ ทั้งหมดนี้จะใช้พลังงานจากแสงผ่านทางหน้าปัด นาฬิการุ่นนี้จึงไม่จำเป็นต้องเปลียนแบตเตอรี่แต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีสถานะเป็นนาฬิกาเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์อีกด้วย เพราะวันที่ก็จะเปลี่ยนอย่างถูกต้องตามสัญญาณที่ได้รับจากดาวเทียม GPS เช่นกัน

 

นาฬิกาล้ำยุครุ่นนี้จะมีทั้งรุ่นที่ถูกผลิตขึ้นในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นจำนวน 2,500 เรือนเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสเปิดตัวซึ่งจะมาในตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบดำแบบแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้งพร้อมขอบตัวเรือนเซรามิกที่ด้านข้างตัวเรือนถูกเฉือนเนื้อไทเทเนียมลงไปเพื่อให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษโดยจะมาคู่กับสายไทเทเนียมเคลือบดำแบบแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้งพร้อมแถมสายซิลิคอนแบบพิเศษซึ่ง SEIKO บอกว่ามีความคงทนกว่าสายซิลิคอนปกติทั่วไปถึง 4 เท่ามาให้ด้วยส่วนแบบโปรดักชั่นปกติจะมีให้เลือกในตัวเรือนไทเทเนียมหรือตัวเรือนสตีลซึ่งทั้งสองวัสดุจะมีในแบบเคลือบดำด้วยกรรมวิธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้งให้เลือกด้วยโดยในตัวเรือนไทเทเนียมหรือไทเทเนียมเคลือบดำจะมาคู่กับสายไทเทเนียมหรือไทเทเนียมเคลือบดำเช่นกัน ส่วนตัวเรือนสตีลหรือสตีลเคลือบดำจะมากับสายซิลิคอนแบบพิเศษ ทุกแบบรวมถึงรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นจะใช้ขอบตัวเรือนเซรามิกและมีฟังก์ชั่นต่างๆ เหมือนๆ กัน

 

Unknown 16

 

บนหน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้จะทำหน้าที่บอกเวลาปัจจุบันด้วยเข็มกลาง มีหน้าปัดย่อยบอกเวลาที่สองแบบสองเข็มในรูปแบบ 24 ชั่วโมง ส่วนสถานะการทำงานของระบบจะแสดงผ่านเข็มชี้บนมาตรบอกโหมด ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกา เมื่อกดปุ่มสั่งการฟังก์ชั่นต่างๆ แล้ว เข็มนี้จะแสดงให้เห็นว่านาฬิกาได้รับสัญญาณ GPS หรือไม่ ได้รับสัญญาณจากดาวเทียมกี่ดวง และเวลาปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงของเดย์ไลท์เซฟวิ่งไทม์หรือไม่ ยกตัวอย่างการทำงานให้เห็นภาพก็คือ เมื่อคุณอยู่บนเครื่องบินที่เริ่มเดินทางเข้าสู่ประเทศอื่นซึ่งอยู่คนละไทม์โซนกับต้นทาง เพียงคุณกดปุ่ม ไทม์โซนของนาฬิกาก็จะถูกปรับโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็หมายถึงเข็มจะเลื่อนปรับให้แสดงเวลาในไทม์โซนปัจจุบันที่อยู่อย่างถูกต้องภายในเวลาเพียง 6 วินาที ส่วนการระบุตำแหน่งของสถานที่ที่อยู่จะถูกปรับให้ถูกต้องภายในเวลา 30 วินาที การกดปุ่มปรับเวลานี้สามารถทำได้ตลอดเวลาในทุกสถานที่ที่คุณไปโดยมีข้อแม้ว่าคุณต้องอยู่ในที่ที่มองเห็นท้องฟ้าเท่านั้น ส่วนการปรับเดย์ไลท์เซฟวิ่งไทม์นั้นก็สามารถทำได้ด้วยการกดปุ่มเช่นกัน ส่วนการแสดงวันที่ก็จะเป็นแบบเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ที่ไม่ต้องการการปรับตั้งแต่อย่างใดจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2100 นั่นเลย โดยจะแสดงในช่องหน้าต่างเหมือนนาฬิกาทั่วไป ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา

 

Unknown 17Unknown 18

 

(ซ้าย) รุ่นตัวเรือนไทเทเนียมมาคู่กับสายไทเทเนียม - (ขวา) รุ่นตัวเรือนสตีลมาคู่กับสายซิลิคอนแบบพิเศษ

 

 

จุดที่แสดงถึงศักยภาพของ SEIKO อีกอย่างหนึ่งของ เทคโนโลยี GPS ที่คิดค้นขึ้นก็คือ การย่อขนาดให้ตัวรับสัญญาณมีขนาดเล็กและใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยในการรับสัญญาณจากดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวง หรือมากกว่ามาประมวลผลเพื่อแสดงเวลาผ่านหน้าปัดจึงสามารถบรรจุลงในตัวเรือนขนาด 47 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้ำหนักรวมตัวเรือนและสายไทเทเนียมแล้วเพียง 135 กรัมเท่านั้น ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากขนาดและน้ำหนักของนาฬิกาปกติในปัจจุบันแต่อย่างใด จึงสามารถสวมใส่เป็นนาฬิกาคู่ใจในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ขัดเขิน

  

ตัวเรือน/สาย: ขนาด 47 มิลลิเมตร หนา 16.5 มิลลิเมตร

- รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นผลิตจำนวนจำกัด 2,500 เรือนจะทำจากวัสดุไทเทเนียมเคลือบดำด้วยกรรมวีธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้งสกัดเนื้อด้านข้างให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษมากับสายไทเทเนียมเคลือบดำด้วยกรรมวีธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้งพร้อมสายสายซิลิคอนแบบพิเศษ

- รุ่นโปรดักชั่นปกติมีให้เลือกในตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบดำด้วยกรรมวีธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้งพร้อมสายไทเทเนียมเคลือบดำแบบเดียวกัน หรือตัวเรือนไทเทเนียมพร้อมสายไทเทเนียม หรือตัวเรือนสตีลเคลือบดำด้วยกรรมวีธีแบล็กฮาร์ดโค้ตติ้งพร้อมสายซิลิคอนแบบพิเศษ หรือตัวเรือนสตีลพร้อมสายซิลิคอนแบบพิเศษ

- ขอบตัวเรือนของทุกแบบทำจากเซรามิก

- กระจกหน้าปัดทำจากแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน

- กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร ป้องกันสนามแม่เหล็กได้ในระดับ 4,800 A/m

เครื่อง: Calibre 7X52 ควบคุมเวลาและปรับตั้งไทม์โซนด้วยสัญญาณ GPS บอกวันที่แบบเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ และฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์ มีความเที่ยงตรงในระดับ +/- 15 วินาทีต่อเดือน (ในกรณีที่ไม่ได้รับสัญญาณเวลาและอยู่ในอุณหภูมิระหว่าง 5 องศาเซลเซียสถึง 35 องศาเซลเซียส)

ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที และวินาที บอกวันที่แบบเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ไม่ต้องปรับตั้งจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2100 บอกเวลาแบบเวิลด์ไทม์ 39 ไทม์โซน และเดย์ไลท์เซฟวิ่ง พร้อมสัญลักษณ์แสดงผลการรับสัญญาณ

 

By: Viracharn T.