MONTBLANC HIGHLIGHTS IN WATCHES & WONDERS EXHIBITION @ HONGKONG SEPTEMBER 2013

 

MONTBLANC เผยโฉมนาฬิกาไฮไลต์ที่นำมาจัดแสดงที่งานนิทรรศการนาฬิกา Watches & Wonders 2013 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน 2013 นี้ ที่ฮ่องกง

 

งานนี้เป็นงานระดับอินเตอร์เนชั่นแนลครั้งแรกของ MONTBLANC หลังจากที่ได้หัวเรือคนใหม่ซึ่งเป็นถึงระดับมือทองในการทำตลาดนาฬิกาที่ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งก็คือ Jerome Lambert ซีอีโอมือฉมังแห่ง Jaeger-LeCoultre ที่ย้ายเข้ามารับหน้าที่ซีอีโอของ Montblanc International ในปีนี้ และ julien Christian Marc Renard กรรมการผู้จัดการแห่ง Jaeger-LeCoultre North Asia ที่มาดำรงตำแหน่งประธานของ Montblanc Asia Pacific ในปีนี้เช่นกัน มาชมกันเลยครับว่าทั้ง 2 ท่าน เตรียมนาฬิกาไฮไลต์รุ่นใดมาให้กับชาวเอเชียได้สัมผัสกันในงานนี้บ้าง

 

 

Villeret 1858 Exo Tourbillon Rattrapante

 

Villeret 109447 ExoTourbillon Rattrapante Mood sRGB S

 

เริ่มกันด้วยนาฬิการะดับสูง Villeret 1858 กับรุ่น Exo Tourbillon Rattrapante ซึ่งเป็นนาฬิกาตูร์บิยองที่นอกจากจะนำเสนอกลไกชั้นสูงสุดซับซ้อนระดับแกรนด์คอมพลิเคชั่น ที่มากับตูร์บิยองและฟังก์ชั่นโครโนกราฟกลไกคอลัมน์วีล ซึ่งถูกขัดแต่งอย่างพิถีพิถันตามขนบเก่าแก่ภายในตัวเรือนรูปทรงเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งนั่นก็คือการวางบาลานซ์ขนาดใหญ่อยู่นอกกรงตูร์บิยอง และยังมากับฟังก์ชั่นสปลิทเซ็กเกินด์ในกลไกโครโนกราฟอีกด้วย ทั้งยังสามารถแสดงค่าเวลาไทม์โซนที่สองผ่านเข็มที่สองบนวงชั่วโมง พร้อมแสดงกลางวัน-กลางคืนของไทม์โซนที่สองด้วยเข็มบนหน้าปัดย่อยอีกต่างหาก ทั้งหมดนี้จะถูกนำสู่สายตาผ่านรูปแบบการแสดงเวลาชั่วโมงกับนาทีแยกกันแบบเรกูเลเตอร์ โดยมีรูปแบบการออกแบบองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าปัดเป็น 3 มิติ แผ่นและวงหน้าปัดต่างๆ นั้นจะผลิตขึ้นจากทองคำและมีการตกแต่งด้วยงานอีนาเมลแบบกรองเฟอบนวงหลักแสดงเวลาวงต่างๆ นาฬิการุ่นนี้จะถูกผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 18 เรือน ในตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 38.4 x 11.9 มิลลิเมตร

 

Villeret 109447 ExoTourbillon Rattrapante backside S

 

สำหรับกลไกสุดซับซ้อนและงดงามที่ใช้ในนาฬิการุ่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นกลไกอินเฮ้าส์ที่พัฒนาและผลิตขึ้นที่โรงงาน Villeret อันเก่าแก่ของ Montblanc โดยมีรหัสรุ่นว่า Calibre 16.61 ในรูปแบบของกลไกไขลานสุดซับซ้อน กำลังสำรอง 55 ชั่วโมง ความถี่การทำงาน 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง พร้อมจักรกลตูร์บิยองที่จะหมุนครบ 1 รอบในทุก 4 นาที

  

 

Nicolas Rieussec Rising Hours

 

Montblanc 108789 Nicolas Rieussec Rising Hours S

 

ต่อกันกับนาฬิกาจากคอลเลคชั่นดัง Nicolas Rieussec ซึ่งเรียกเสียงฮือฮากันมาแล้วจากงาน SIHH ที่เจนีวาเมื่อต้นปี นั่นก็คือรุ่น Rising Hours อันเป็นนาฬิกาโครโนกราฟที่มากับรูปแบบการแสดงผลเวลาหลักอันแปลกตาด้วยการใช้จานดิสก์ขนาดใหญ่ฉลุตัวเลขอารบิกทำหน้าที่แสดงชั่วโมงพร้อมๆ กับมีจานดิสก์ต่างสีรองอยู่ด้านหลังเพื่อแสดงสถานะเวลากลางวันหรือกลางคืนอีกชั้นหนึ่งด้วย ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการแสดงผลการจับเวลาและวินาทีด้วยจานดิสก์อันเป็นเอกลักษณ์และตัวตนของคอลเลคชั่น Nicolas Rieussec มาตั้งแต่รุ่นแรกได้อย่างยอดเยี่ยม 

 

กลไกอินเฮ้าส์ที่ใช้นั้นมีรหัสว่า MB R220 ซึ่งได้ทำการจดสิทธิบัตรการแสดงเวลากลางวัน-กลางคืนรูปแบบใหม่นี้เอาไว้เป็นที่เรียบร้อย กลไกนี้ขึ้นลานด้วยระบบอัตโนมัติป้อนสู่บาร์เรลคู่ที่กักเก็บพลังงานได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง โดยมากับกลไกการจับเวลา 30 นาที และแสดงวินาที ด้วยจานดิสก์ซึ่งสั่งการด้วยปุ่มกดเพียงปุ่มเดียว นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นแสดงวันกับวันที่ด้วยจานดิสก์อีก 2 จาน บน 2 ฝั่งของหน้าปัด และแสดงกำลังสำรองบนด้านหลังของกลไกด้วย บรรจุอยู่ในตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตร ในวัสดุเร้ดโกลด์ คู่กับพื้นหน้าปัดกิโยเช่สีเงิน และจะมีในตัวเรือนสตีล กับเวอร์ชั่นผลิตจำนวนจำกัด 28 เรือน ในตัวเรือนแพลตินั่ม ตามออกมาด้วย

 

 

Star Special Edition Carpe Diem Star

 

Montblanc 110090 Star Date Automatic Carpe Diem Front S Montblanc 110705 Star Date Automatic Carpe Diem Front S

 

คอลเลคชั่นนาฬิการูปโฉมคลาสสิกของ MONTBLANC ที่สืบสานต่อเนื่องกันมากว่า 15 ปี รุ่นพิเศษนี้ ผลิตขึ้นมาในตัวเรือนสตีล โดยมีกลไกขึ้นลานอัตโนมัติฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เลือก คือ แบบบอกเวลา 3 เข็มเรียบง่าย แบบโครโนกราฟพร้อมฟังก์ชั่น UTC แสดงเวลาไทม์โซนที่สองด้วยเข็มกลาง และแบบคอมพลีทคาเลนดาร์แสดงวัน วันที่ เดือน และมูนเฟส ทั้ง 3 แบบ จะมากับเข็มวินาทีกลางสีแดง เพื่อบ่งบอกความเป็นเอดิชั่น Carpe Diem อันเป็นภาษาลาติน ซึ่งสื่อความหมายว่า enjoy the day ในภาษาอังกฤษ ในรุ่น คอมพลีทคาเลนดาร์ (Quantieme Complet) และ Chronograph UTC จะใช้ตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร ส่วนรุ่น 3 เข็มจะใช้ตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร ทั้งหมดจะมีให้เลือกทั้งสายหนังจระเข้สีดำ และสายสเตนเลสสตีล

 

Montblanc 110704 Star Chronograph UTC Automatic Carpe Diem Front S Montblanc 110703 Star Quantieme Complet Carpe Diem FrontS

 

 

 

 

 

Star Classique Steel-Gold Automatic

 

Star Classique Automatic Steel Gold S Star Classique Lady Automatic Steel Gold S 

 

เวอร์ชั่นใหม่ปี 2013 ของคอลเลคชั่นคลาสสิก Star Classique นี้ มาในรูปโฉมแบบทูโทนอันเป็นลักษณะที่หลายแบรนด์พร้อมใจกันนำเสนอออกมาในปีนี้ โดยจะมีทั้งในแบบสำหรับคุณผู้ชายในตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร หน้าปัดสีเงินด้าน และแบบสำหรับคุณผู้หญิงในตัวเรือนขนาด 34 มิลลิเมตร หน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาว ทั้งคู่จะใช้เข็มและหลักชั่วโมงเคลือบเร้ดโกลด์ ตัวเรือนนั้นจะเป็นสตีลในขณะที่ขอบตัวเรือนจะเป็นเร้ดโกลด์ สอดคล้องต้องกับสายทูโทนที่เป็นสตีลสลับเร้ดโกลด์เช่นกัน ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง

 

 

Star Classique Lady Automatic

 

Star Classique Lady Automatic RG diamonds mood S

 

ปิดท้ายด้วยนาฬิกาเรือนทองประดับเพชรกลไกอัตโนมัติสำหรับคุณผู้หญิงจากคอลเลคชั่น Star ที่มาในตัวเรือนเร้ดโกลด์ขนาด 34 มิลลิเมตร ที่ประดับเพชรเรียงรายรวม 72 เม็ด น้ำหนักรวม 0.526 กะรัต บนขอบตัวเรือน คู่กับหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาว สวมคู่กับสายหนังจระเข้สีขาวเคลือบเงา

 

นอกจากนี้ก็จะมีเหล่านาฬิกาจากคอลเลคชั่นสปอร์ตหรู TimeWalker ซึ่งก็จะมีรุ่น World-Time Hemisphere นาฬิกาเวิลด์ไทม์แสดงเวลา 24 ไทม์โซน ที่มีทั้งเวอร์ชั่นซีกโลกเหนือ กับเวอร์ชั่นซีกโลกใต้ ซึ่งจะต่างกันที่สีของหน้าปัดและรูปแบบโครงแผนที่ซึ่งจะเป็นในมุมมองจากขั้วโลกเหนือกับมุมมองจากขั้วโลกใต้ และเวอร์ชั่นปี 2013 ของ Voyager UTC นาฬิกาบอกเวลาไทม์โซนที่สอง และ TwinFly Chronograph นาฬิกาฟลายแบ็คโครโนกราฟเข็มจับเวลากลางพร้อมฟังก์ชั่นแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง ซึ่งออกมาให้เห็นกันตั้งแต่ที่งาน SIHH 2013 ที่จัดขึ้นในเจนีวาเมื่อช่วงต้นปี

 

By: Viracharn T.