NEW PIECES FROM BAUME & MERCIER in WATCHES & WONDERS 2013

 

แบรนด์นาฬิกาอันเก่าแก่ Baume & Mercier ที่ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อ 183 ปีที่แล้ว ได้ออกนาฬิการุ่นใหม่มาหลายแบบด้วยกันในปี 2013 นี้ และเหล่านาฬิการุ่นล่าสุดที่นำมาอวดโฉมในงาน WATCHES & WONDERS เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาก็คือนาฬิกาฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์จากคอลเลคชั่น Capeland นาฬิกาฟังก์ชั่นจีเอ็มทีและนาฬิกากลไกฟลายอิ้งตูร์บิยองจากคอลเลคชั่น Clifton และปิดท้ายด้วยนาฬิกาประดับเพชร 2 รุ่นสำหรับคุณผู้หญิงจากคอลเลคชั่น Linear ครับ

 

 

Capeland Worldtimer

 

 

412

 

 

เริ่มกันที่นาฬิกา Capeland ที่บรรจุด้วยกลไกอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์ที่สามารถแสดงเวลาของ 24 เมืองอันเป็นตัวแทนของ 24 ไทม์โซนทั่วโลกพร้อมกันบนหน้าปัดกันก่อนเลย ทันทีที่เห็นต้องบอกว่า ลักษณะการออกแบบ ฟอนท์ตัวเลข และสีขาวของผืนหน้าปัดนั้นช่างดูคลาสสิกลงตัวและไปกันได้ดีกับตัวเรือนสไตล์คลาสสิกขนาด 44 มิลลิเมตรที่มีให้เลือกทั้งเร้ดโกลด์ 18k หรือสเตนเลสสตีล ของ Capeland และยังสามารถชมกลไกที่ได้รับการขัดแต่งอย่างดีได้จากทางกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลังด้วย

 

 

511314

 

 

123

 

 

 

 

Clifton GMT

 

315

 

 

นาฬิกาสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยอย่างคอลเลคชั่น Clifton รุ่นนี้ มากับฟังก์ชั่น GMT อันเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นยอดนิยมของคนรักนาฬิกาซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ กลไกที่ใช้เป็นกลไกอัตโนมัติที่เชื่อถือได้และเป็นที่คุ้นเคยกันดีซึ่งก็คือ ETA 2893-2 นั่นเอง การแสดงเวลาไทม์โซนที่สองนั้นจะชี้บอกแบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มกลางเรียวบางที่มีปลายเป็นหัวศร และยังมีฟังก์ชั่นแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างให้มาด้วย สีของหน้าปัดจะมีให้เลือก 2 แบบคือ สีเงิน หรือสีเทาแอนทราไซต์ ที่ถูกขัดซาตินแบบรัศมีดวงอาทิตย์ สวมคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลเพื่อแม็ตชิ่งกับหลักชั่วโมงและเข็มสีทองในแบบหน้าปัดสีเทา หรือสายหลังจระเข้สีดำในแบบหน้าปัดสีเงิน ส่วนตัวเรือนนั้นจะเป็นสเตนเลสสตีลขนาด 43 มิลลิเมตรที่มาพร้อมฝาหลังกรุแซฟไฟร์

 

 

124213

 

 

 

Clifton 1892 Flying Tourbillon

 

214

 

เพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงความยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์ของนาฬิกา Baume & Mercier ซึ่งเคยผลิตนาฬิกาตูร์บิยองออกมาและส่งเข้าประชันที่ Kew Observatory ในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1892 โดยได้รับคะแนนความเที่ยงตรงในการทำงานถึง 91.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของโลกและคงอยู่ต่อเนื่องมากอีก 10 ปี ในปีนี้ทางแบรนด์จึงได้ออกนาฬิกาตูร์บิยองมาอีกครั้งเพื่อประกาศถึงคุณค่าแห่งแบรนด์โดยบรรจุอยู่ในตัวเรือน Clifton ทรงร่วมสมัย และให้ชื่อว่า Clifton 1892 Flying Tourbillon โดยเป็นการผลิตในจำนวนจำกัดในตัวเรือนเร้ดโกลด์เพียง 30 เรือนเท่านั้น

 316125

 กลไกที่ใช้เป็นกลไกไขลาน Calibre P591 กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง ที่มีฟลายอิ้งตูร์บิยองหมุนครบรอบใน 1 นาทีทำหน้าที่ควบคุมการเดิน ผลิตและขัดแต่งอย่างสวยงามโดยโรงงาน Val Fleurier สามารถชื่นชมความงดงามได้จากทางแซฟไฟร์บนฝาหลัง ส่วนทางด้านหน้าปัดสีเงินโอปอลีนนั้นจะถูกเปิดช่องที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกาเพื่อให้เห็นการทำงานของตูร์บิยองแบบชัดๆ ชี้บอกเวลาด้วยเข็มสีทองซึ่งชี้บอกไปที่หลักชั่วโมงสีเดียวกัน ด้วยขนาดเครื่องที่ใหญ่เอาการจึงทำให้ตัวเรือนของ Clifton รุ่นนี้มีขนาดใหญ่ถึง 45.5 มิลลิเมตรให้สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้เส้นสวยกันอย่างเต็มข้อมือ 

 

 

   

Linea Day & Night Limited Edition

 

215

 

Linea เป็นนาฬิกาสำหรับคุณผู้หญิงของ Baume & Mercier ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ระบบกลไกของการเปลี่ยนสายที่ทำได้อย่างง่ายดายด้วยมือของคุณผู้หญิงเอง ซึ่งโดยปกติแล้วในปัจจุบันจะมีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบการตกแต่ง และมีทั้งแบบที่ใช้กลไกควอตซ์และกลไกอัตโนมัติ แต่รุ่น Day & Night ที่เห็นกันอยู่นี้ จัดว่าเป็นเอดิชั่นพิเศษที่ผลิตแบบจำนวนจำกัดโดยเป็นนาฬิกา Linea ประดับเพชรที่มีคอนเซ็ปต์การตกแต่ง 2 แบบ ซึ่งก็คือแบบ Day และแบบ Night นั่นเอง 

 

126

 

ในแบบ Day นั้น จะมากับพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวตกแต่งลวดลายเป็นพระอาทิตย์เปล่งรัศมี ขณะที่ในแบบ Night จะใช้พื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีน้ำเงินแทนท้องฟ้ายามค่ำคืนพร้อมประดับประดาด้วยการวาดดวงดาวและการติดตั้งเพชร โดยมีการเปิดช่องหน้าต่างขนาดใหญ่เพื่อแสดงมูนเฟสของพระจันทร์ดวงใหญ่ให้เห็นกันชัดๆ อีกต่างหาก บริเวณหน้าปัดครึ่งล่างของทั้ง 2 รุ่น จะมีเส้นเกลียวคลื่นอ่อนช้อยเป็นตัวแทนแห่งท้องทะเลซึ่งประดับประดาด้วยเพชรเรียงรายอย่างสวยงามต่อเนื่องไปบนขอบตัวเรือนในขณะที่รูปแบบการประดับเพชรบนขอบตัวเรือนด้านบนนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไปตามธีมของงานตกแต่งหน้าปัด สำหรับสายนั้น แบบ Day จะมาคู่กับสายหนังวัวสีขาวมุก ส่วนแบบ Night จะใช้เป็นสายซาตินสีน้ำเงิน ซึ่งทั้งคู่จะมีสายสตีลมาให้สลับใช้งานอีกเส้นหนึ่งด้วย

 

317

 

ตัวเรือนของทั้ง 2 แบบ จะใช้วัสดุสเตนเลสสตีลและมีขนาดที่ 32 มิลลิเมตรและหนา 9.26 มิลลิเมตรเท่ากัน ทำงานด้วยกลไกควอตซ์จาก Ronda สำหรับจำนวนเพชรที่ใช้นั้น ในแบบ Days จะมีทั้งหมด 65 เม็ด น้ำหนักรวม 0.34 กะรัต ส่วนในแบบ Night จะมีจำนวนเพชร 83 เม็ด น้ำหนักรวม 0.33 กะรัต ผลิตในจำนวนจำกัดแบบละ 100 เรือนเท่านั้น 

 

By: Viracharn T.