iamwatch

Twitter

ATELIERS DEMONACO (อะทิลิเยร์ เดอโมนาโก) นาฬิการะดับสูงจากราชอาณาจักรโมนาโก เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยไปเป็นที่เรียบร้อยที่งาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอตช์ แฟร์ 2013 ที่เซ็นทรัลชิดลม ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2013 โดยมี Mr. Niels Eggerding ผู้เป็น Commercial Director ของแบรนด์ เดินทางมาเยือนประเทศไทยในโอกาสนี้ด้วย และทาง IAMWATCH ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาถึงเรื่องราวและความเป็นมาของแบรนด์ ติดตามจากบทสนทนาต่อไปนี้ได้เลยครับ

IAW: คุณใช้คำนำหน้าชื่อแบรนด์ของคุณว่า ATELIERS คุณต้องการจะสื่อถึงอะไรครับ 

"มันเป็นไอเดียที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกๆ เลยครับ คอนเซ็ปต์ที่จะสร้างนาฬิการะดับสูงในลักษณะนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2007 โดยเป็นความมุ่งมั่นของ Pim Koeslag ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของโรงงาน Frederique Constant ซึ่งเป็นนักประดิษฐ์นาฬิกาหนุ่มไฟแรง เขาเป็นคนที่มีไอเดียเลิศๆ มากมาย เขามีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะสร้างนาฬิกาตูร์บิยอง นาฬิกามินิทรีพีทเตอร์ และนาฬิการะดับคอมพลิเคชั่น แบบใหม่ๆ ขึ้นมา Dr.Peter Stas เจ้าของแบรนด์ Frederique Constant และ Alpina ก็เปิดไฟเขียวให้เขาเดินหน้าทำโปรเจ็คต์ที่เขาต้องการอย่างเต็มที่ ราว 18 เดือนต่อมา เขาก็มาพร้อมกับนาฬิกาเรือนสมบูรณ์ที่เขาสร้างขึ้น

จากนาฬิการูปแบบใหม่นี้เองทำให้พวกเขาปรึกษากันถึงการสร้างแบรนด์นาฬิการะดับสูงขึ้นมาแบรนด์หนึ่ง แล้วพวกเขาก็มองว่า นาฬิกาชั้นเยี่ยมส่วนใหญ่นั้นล้วนถูกผลิตขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทั้งสิ้น แล้วถ้าจะสร้างแบรนด์และผลิตนาฬิกาขึ้นมาในโรงงานของตนในเจนีวาขึ้นมาอีก มันจะมีอะไรที่แตกต่าง เมื่อพวกเขาจ้องมองนาฬิกาที่ทำขึ้นมาซึ่งมีความงดงามและโดดเด่นไม่เหมือนใครอย่างละเอียด ก็ทำให้พวกเขานึกไปถึง ดินแดนที่สวยงามและหรูหราอย่างราชอาณาจักรโมนาโก จึงเกิดแนวคิดที่จะสร้างโรงงานผลิตนาฬิกาขึ้นในโมนาโก โดยนำช่างนาฬิกาและเครื่องไม้เครื่องมือในการผลิตนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์เข้าไปทำการผลิตที่โรงงานในโมนาโก คำว่าโรงงานก็คือ ATELIER และนี่เองจึงเป็นที่มาของการเรียกขานแบรนด์ว่า โรงงานแห่งโมนาโก หรือ ATELIERS DE MONACO และแล้วการก่อตั้งแบรนด์และโรงงานตามคอนเซ็ปต์ที่ตั้งใจไว้ก็เสร็จสมบูรณ์และนาฬิกาเมดอินโมนาโกแบรนด์นี้ก็พร้อมเปิดตัวสู่ตลาดโลกในปี 2009"

IAW: พูดถึง Pim ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการสร้างสรรค์นาฬิกาของแบรนด์กันบ้าง พื้นเพของเขาเป็นอย่างไรครับ

"Pim ทำงานอยู่กับเรามาเป็นปีที่ 12 แล้ว เขาเริ่มต้นชีวิตการเป็นช่างและนักประดิษฐ์นาฬิกาหลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนฝึกสอนช่างนาฬิกาด้วยการเป็นเทรนนีในโรงงานของ Patek Philippe และเขาก็ได้รับสิทธิที่จะบรรจุเป็นพนักงานของ Patek Philippe ด้วย แต่เขาเลือกที่จะมาทำงานกับ Peter เพราะเขาตระหนักดีว่า หากเขาเป็นพนักงานของ Patek Philippe เขาก็จะเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งในหมู่พนักงานจำนวนหลายพันคนเท่านั้น แต่ถ้าเขามาทำงานกับ Peter เขาจะมีโอกาสสร้างสรรค์อะไรได้มากกว่าและก็จะเป็นคนที่ทำอะไรให้องค์กรได้มากกว่าด้วย ซึ่งก็พิสูจน์ได้จากการที่เขามีส่วนในการสร้างสรรค์กลไกอินเฮ้าส์ต่างๆ ให้กับ Frederique Constant และการที่เขาได้ร่วมให้เกิดนาฬิกาชั้นเยี่ยมอย่าง ATELIERS DEMONACO ขึ้นมา เขาเป็นตัวหลักที่เป็นคนสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับนาฬิกาของเรา"

IAW: พูดถึงจุดเด่นหลักๆ ของนาฬิกากันบ้าง โดยเฉพาะรุ่น Perpetual Calendar ซึ่งมีระบบใหม่ๆ ที่น่าสนใจที่คุณเรียกว่า Eazy Adjust ระบบนี้เป็นไอเดียการสร้างสรรค์ของ Pim ด้วยใช่มั้ยครับ

"มันเป็นแนวคิดร่วมกันของ Peter และ Pim ซึ่งต้องการสร้างนาฬิการะดับคอมพลิเคทที่มีความซับซ้อนขึ้นมา โดยจะต้องมีเอกลักษณ์ทางคุณสมบัติที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และก็จะต้องเป็นนวัตกรรมที่จดสิทธิบัตรเป็นของตนเองได้ด้วย นี่เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับการสร้างสรรค์ เพราะแบรนด์ชั้นสูงแบรนด์ต่างๆ ก็ล้วนแต่มีนาฬิกาที่มีคอมพลิเคชั่นอย่าง เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ด้วยกันทั้งนั้น Peter จึงให้โจทย์กับ Pim ว่า เราน่าจะสร้างกลไกคอมพลิเคชั่นอย่างเพอร์เพทชวล คาเลนดาร์นี้ขึ้นมาใหม่ โดยคิดค้นให้สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้ด้วยการปรับตั้งที่เม็ดมะยมเพียงจุดเดียว ซึ่งก็เป็นแนวคิดเดียวกับที่ใช้ในนาฬิกา Frederique Constant Slimline Moonphase ที่ออกมาใหม่ในปีนี้ซึ่งสามารถปรับตั้งมูนเฟสได้ด้วยเม็ดมะยมโดยไม่ต้องมีพุชเชอร์ใดๆ"

IAW: ระบบ Eazy Adjust นี้ สำหรับผมแล้วต้องบอกว่า เป็นความคิดที่หลักแหลมมากๆ มันทำให้ใช้งานนาฬิกาเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ได้ง่ายขึ้นเยอะ

"ใช่ครับ ปัญหาของนาฬิกาเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ของแบรนด์อื่นๆ ก็คือ วิธีการปรับตั้งค่าต่างๆ นั้นยากเกินไป สมมุติว่าคุณเก็บนาฬิกาของคุณไว้ในเซฟราวๆ สักเดือนหนึ่ง เวลาคุณจะหยิบออกมาใส่สักที ก็จะมีความยุ่งยากมากมายก่อนที่จะนำมาสวมใส่ได้ แต่สำหรับระบบของเรา คุณสามารถตั้งค่าได้อย่างง่ายดายกว่าด้วยการใช้เพียงเม็ดมะยมร่วมกับปุ่มกดบนเม็ดมะยมในการเลือกโหมดการตั้งค่าและการปรับตั้งค่า ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ระบบของเราออกแบบมาให้สามารถปรับตั้งค่าปฏิทินได้ตลอดเวลาแม้แต่ในช่วงเวลาต้องห้ามอย่างสี่ทุ่มถึงตีสองซึ่งในกลไกทั่วไปนั้นจะเป็นช่วงของการเปลี่ยนค่าปฏิทินซึ่งการปรับตั้งค่าในช่วงเวลานี้อาจทำให้กลไกเสียหายได้ แต่กลไกของเรานั้นคุณสามารถทำได้อย่างปลอดภัย เพราะเราได้ออกแบบกลไกให้การเปลี่ยนค่าต่างๆ ในปฏิทินกระทำการพร้อมๆ กันในเวลาเที่ยงคืนตรง"

IAW: โดยปกติแล้ว เท่าที่ทราบนาฬิกา ATELIERS DEMONACO จะมีตัวเรือนด้านนอกเป็นทองคำ แต่สำหรับรุ่น Perpetual Calendar นี้มีเวอร์ชั่นไทเทเนี่ยมล้วนด้วย แต่ราคาไม่ได้ต่างกับรุ่นที่ใช้วัสดุทองคำเท่าไหร่เลย

"ใช่ครับ ตัววัสดุภายนอกไม่ได้เป็นตัวหลักในการกำหนดราคาของเรา มูลค่าของเราส่วนใหญ่นั้นอยู่ที่ตัวกลไกครับ สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดของเราในรุ่น Perpetual Calendar นี้จะเป็นรุ่นที่เรียกว่า Turini ซึ่งจะใช้แผ่นแซฟไฟร์รมดำเป็นส่วนหนึ่งของหน้าปัดเพื่อให้มองเห็นบางส่วนของกลไกและจานแสดงค่าปฏิทินด้วย สำหรับคนที่ชื่นชอบในเสน่ห์ของกลไกโดยเฉพาะ"

IAW: อีกจุดหนึ่งซึ่งทำให้นาฬิกาของ ATELIERS DEMONACO มีความแตกต่างจากนาฬิกาแบรนด์อื่นๆ ก็คือ ลักษณะของตัวเรือนที่เหมือนกับมีชิ้นส่วนโล่ห์ต่างๆ มาประกบเข้ากับแกนตัวเรือนกลาง เหตุผลอะไรถึงทำออกมาแบบนี้ครับ

"ถ้าคุณต้องการตัวเรือนนาฬิกาที่มีความสวยงามและมีการขัดแต่งในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการขัดเงาและการขัดลายโดยละเอียดในส่วนต่างๆ ของตัวเรือน หากคุณใช้ตัวเรือนแบบชิ้นเดียวหรือน้อยชิ้น คุณจะไม่สามารถทำให้มันมีความแตกต่างของระดับและรูปแบบการขัดได้มากนัก แต่กับแนวคิดของเราที่ใช้ชิ้นส่วนวัสดุทองคำ 18k ชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ของตัวเรือนหลายสิบชิ้น มาประกอบเข้ากับแกนตัวเรือนกลางวัสดุไทเทเนี่ยมน้ำหนักเบาก็คือ ช่างฝีมือของเราจะสามารถบรรจงขัดแต่งชิ้นส่วนตัวเรือนชิ้นต่างๆ ได้ทีละชิ้น เพื่อให้แต่ละชิ้นมีความงดงามในรูปแบบต่างๆ กัน ก่อนที่จะนำมาประกอบเข้ากับแกนตัวเรือน กว่าจะได้ตัวเรือนนาฬิกาของเราขึ้นมาสักเรือนจึงจะต้องใช้เวลามากมายในการขัดแต่งจนไปถึงการประกอบ และทุกขั้นตอนนั้นล้วนถูกกระทำด้วยมือของช่างผู้เชี่ยวชาญทั้งสิ้น แต่ผลที่ได้ก็คุ้มค่า เพราะเราได้งานตัวเรือนที่สวยกว่า ดูมีมิติของเหลี่ยมมุมต่างๆ ทำให้เปล่งประกายความหรูหราสู่สายตาของผู้พบเห็นได้มากกว่าตัวเรือนนาฬิกาแบบธรรมดาทั่วไป"

IAW: ลักษณะของขอบตัวเรือนที่มีส่วนเว้าโค้งละมุนตาก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจและทำปฏิกิริยาสะท้อนหักเหกับแสงอย่างสวยงาม แต่ผมเห็นว่าคุณมีนาฬิการุ่นที่ประดับเพชรบนบริเวณนี้ด้วย คุณมีวิธีเซ็ตติ้งเพชรลงบนขอบตัวเรือนลักษณะนี้อย่างไรครับ 

"สำหรับรุ่นที่ประดับเพชรนั้น เราจึงเลือกที่จะติดตั้งด้วยเพชรเม็ดเล็กจัดเรียงกัน 3 แถวแทนการใช้เพชรเม็ดใหญ่ เพราะหากใช้เพชรเม็ดใหญ่เพียงแถวเดียว แม้จะได้ความอลังการของเพชรแต่ก็จะทำให้ส่วนเว้าอันเป็นดีไซน์ที่เราตั้งใจนั้นหายไป การใช้เพชรเม็ดเล็ก 3 แถวนั้น ทำให้เราสามารถเซ็ตเพชรลงบนพื้นผิวของขอบตัวเรือนในองศาที่แตกต่างกันตามความเว้าของแต่ละระดับได้ จึงทำให้ลักษณะของขอบตัวเรือนทรงเว้าโค้งของเรายังคงอยู่แม้จะมีการประดับเพชรก็ตาม

แม้แต่กระจกแซฟไฟร์ที่เราใช้ก็มีความพิเศษเหนือธรรมดาด้วยนะครับ แน่นอนว่านาฬิกาชั้นดีทั่วไปก็มักจะใช้กระจกแซฟไฟร์ที่เคลือบด้วยสารกันแสงสะท้อนที่ด้านใน หรือทั้งด้านในและด้านนอกกันอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถมองเห็นด้านในได้อย่างกระจ่างชัดที่สุด แต่ของเรานั้น นอกจากการเคลือบด้วยสารกันแสงสะท้อนทั้งด้านในด้านนอกแล้ว เรายังเคลือบทับด้วยสารป้องกันรอยขีดข่วนไว้อีกชั้นหนึ่งด้วย เพราะอย่าลืมว่าแม้กระจกแซฟไฟร์จะมีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนเป็นพื้นฐานแต่สารกันแสงสะท้อนที่เคลือบอยู่นั้นไม่ได้มีความทนทานต่อรอยขีดข่วน เราเล็งเห็นความสำคัญของจุดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ด้วยครับ คุณจึงแน่ใจได้ว่าคุณจะมองเห็นหน้าปัด และวัสดุทองคำที่ใช้ทำเข็มและหลักชั่วโมงของเราได้อย่างชัดเจนไปอีกนานแสนนาน"

IAW: ใครเป็นผู้ออกแบบรูปทรงของนาฬิกาให้เป็นแบบนี้ครับ 

"Pim และดีไซเนอร์ของเราที่ชื่อ Manuelle ครับ ที่ต้องบอกอีกอย่างก็คือ เราต้องการที่จะสร้างตัวเรือนรูปแบบเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครขึ้นมา และจะใช้ตัวเรือนแบบเดียวกันกับนาฬิกาทุกรุ่นของแบรนด์ โดยจะมีความแตกต่างกันอยู่ที่ขนาด กลไก ฟังก์ชั่น และการตกแต่ง ของแต่ละรุ่น ทั้งนี้เพื่อจะทำให้ทราบได้ทันทีว่านี่คือนาฬิกาของ ATELIERS DEMONACO ถ้าเห็นนาฬิกาที่มีตัวเรือนลักษณะนี้ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับแบรนด์นาฬิการะดับสูง คือ ต้องสามารถบ่งบอกความเป็นเราได้ทันทีที่พบเห็น ขณะนี้เรามีตัวเรือนอยู่ 2 รูปแบบคือ ตัวเรือนทรงกลม กับตัวเรือนทรงเหลี่ยม"

IAW: แต่บานพับของบัคเกิ้ลของคุณทำจากไทเทเนี่ยม เพราะอะไรถึงไม่ใช้ทองคำทั้งหมดครับ 

"เหตุผลหลักของเราคือ เราต้องการให้มันมีคุณภาพคงทนสำหรับการใช้งานครับ เพราะหากคุณใช้ทองคำทำ เมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะ คนที่ใช้บานพับทองคำจะรู้ดีว่ามันจะเกิดความเสียหายขึ้นและใช้งานได้ไม่ดีเหมือนเดิม ทั้งบานพับทองคำยังก่อให้เกิดอาการแพ้สำหรับบางคนอีกด้วย เราจึงตั้งใจออกแบบให้บานพับด้านในเป็นไทเทเนี่ยมที่มีข้อดีทั้งน้ำหนักเบา ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และมีความคงทน โดยมีเพียงส่วนของตัวล็อคด้านนอกซึ่งเป็นส่วนที่มองเห็นยามสวมใส่เป็นวัสดุทองคำชนิดเดียวกับตัวเรือน"

IAW: มีจุดเด่นอะไรในนาฬิกาของคุณ ที่อยากจะบอกเราอีกครับ 

"อีกส่วนที่เราภูมิใจนำเสนอก็คือ โรเตอร์ของเราครับ โรเตอร์ของเราถูกออกแบบขึ้นให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจะทำขึ้นจากทองคำ 18k ชิ้นเดียว ซึ่งจะนำมาฉลุและสลักขัดแต่งลวดลายรวมไปถึงการลงสีทองตกแต่งอย่างประณีตสวยงาม"

IAW: มาถึงส่วนของหน้าปัดบ้าง หน้าปัดของ ATELIERS DEMONACO ก็ดูมีเอกลักษณ์ไม่แพ้ตัวเรือนเช่นกัน จุดเด่นของหน้าปัดที่คุณอยากพูดถึงคืออะไรครับ 

"วัสดุหลักๆ ที่ใช้ทำหน้าปัดของเราจะมีอยู่ 2 อย่าง ก็คือ ไทเทเนี่ยม กับหินออนิกซ์ ซึ่งจะถูกทำเป็นลายกิโยเช่ด้วยกันทั้งคู่ หน้าปัดหินออนิกซ์ของเราก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่มีความยากในการทำ อย่างแรกก็คือการสลักลาย อย่างที่สองก็คือการติดตั้งหลักชั่วโมง ซึ่งสำหรับเราแล้วจะไม่ใช้การแปะติดลงไปธรรมดา แต่จะเป็นการเซ็ต ซึ่งจะต้องมีการเจาะรูลงบนพื้นหินอย่างระมัดระวังสุดๆ ในส่วนนี้เราทำของเราเอง เพราะไม่มีซัพพลายเออร์รายใดอยากที่จะทำงานยากๆ เช่นนี้ สำหรับในรุ่นตูร์บิยองของเราคุณจะเห็นว่าบริดจ์ที่ใช้นั้นจะทำจากแซฟไฟร์ซึ่งเป็นการตัดให้ได้รูปทรงที่ถูกต้องด้วยเลเซอร์ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในการทำ แต่เราก็ตั้งใจทำเพื่อให้นาฬิกาของเรามีความโดดเด่นและแตกต่างจากนาฬิกาของผู้ผลิตรายอื่น"

IAW: อีกคำถามที่เราอยากรู้ก็คือ ใครเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ให้กับนาฬิกาครับ เพราะ Pim ไม่สามารถสร้างทุกอย่างได้ด้วยตัวของเขาเองแน่ๆ 

"Peter กับ Pim จะเป็นผู้เลือกซัพพลายเออร์ครับ ว่าจะให้ใครเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไรให้ โดยจะใช้ผู้ผลิตที่ดีที่สุดในแต่ละสาขา ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงจากโรงงานของเราในเจนีวาด้วย ชิ้นส่วนต่างๆ เหล่านี้จะถูกส่งไปประกอบในขั้นตอนสุดท้ายที่โรงงานของ ATELIERS DEMONACO ในโมนาโก" 

นาฬิกาจาก ATELIERS DEMONACO นี้ เป็นอีกแบรนด์ครับ ที่ผมอยากให้คุณๆ ได้เห็นตัวจริงกัน เพราะหากเพียงเห็นแต่ในภาพและประกอบกับชื่อแบรนด์ที่ยังไม่คุ้นหูแล้วคงไม่มีทางที่จะซึมซับถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ทางแบรนด์บรรจงทำอย่างละเอียดในทุกชิ้นส่วนตั้งแต่ตัวเรือน หน้าปัด จรดบัคเกิ้ล และกลไกชั้นดี เป็นแน่ เมื่อคุณได้ชมและสัมผัสเรือนจริงแล้ว คุณจะเข้าใจได้ทันทีครับว่า แบรนด์นี้มีความเป็นนาฬิกาชั้นสูงอย่างเต็มเปี่ยมอยู่ในทุกอณู และจะไม่แปลกใจกับราคาค่าตัวที่เขาตั้งไว้อีกต่อไป นอกจากนาฬิกาเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ นาฬิกาตูร์บิยองมินิทรีพีทเตอร์ และนาฬิกาตูร์บิยอง ที่มีราคาค่าตัวเกินล้านบาทแล้ว เค้าก็ยังมีนาฬิกากลไกอัตโนมัติที่วางราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทให้เป็นเจ้าของกันด้วย 

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท แม็คโครริช เมโทร จำกัด ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย โทร. 022556648 – 9 

By: Pramote R. & Viracharn T.