มารู้จักกับ DAMASKO นาฬิกาอุดมเทคนิคจากเยอรมนี

 

Damasko DC86 still KopieS

 

 

หากจะกล่าวถึงนาฬิกาที่เน้นในด้านเทคโนโลยีของกระบวนการผลิตวัสดุแล้ว ต้องยอมรับว่าผู้ผลิตนาฬิกาขนาดเล็กรายหนึ่งจาก Regensburg ประเทศเยอรมนีเป็นหนึ่งในผู้นำของสาขานี้ นาฬิกาของพวกเขาถูกผลิตขึ้นภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า DAMASKO ซึ่งยังไม่ค่อยคุ้นหูวงการนาฬิกาในประเทศไทยมากเท่าใดนัก เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีการนำเข้ามาจำหน่ายมาก่อน แต่เชื่อว่าหลายท่านได้เคยสัมผัสและเป็นเจ้าของผลผลิตของเขามาแล้วจาก SINN นาฬิกาดังจากเยอรมันแบรนด์หนึ่งที่เคยเข้ามาทำตลาดในไทยก่อนที่จะเงียบหายไป ใช่แล้วครับผู้ผลิตนาฬิการายนี้นอกจากจะผลิตนาฬิกาภายใต้แบรนด์ DAMASKO ของตนเองแล้วยังเคยเป็นซัพพลายเออร์ในการผลิตนาฬิกาให้กับ SINN มาก่อน แต่ไม่ได้ถูก SINN เอ่ยชื่อหรือให้เครดิตอะไร จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่เมื่อเขาเริ่มเปิดตัวเองออกมาสู่สังคมนาฬิกาโลกมากขึ้น ผลงานที่พวกเขาเคยทำไว้ก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับฝีมือของพวกเขาได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องโฆษณาอะไรกันมากมาย

 

 

DSC 0572S

 

SINN นาฬิกาแบรนด์ดังจากเยอรมันที่เคยเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา ซึ่งทาง DAMASKO เคยเป็นซัพพลายเออร์ผลิตนาฬิกาให้ จะเห็นว่ามีลักษณะที่คล้ายคลึงกับนาฬิกา DAMASKO เป็นอย่างมาก (เรือนนี้เป็นรุ่น 656s ที่เป็นนาฬิกาโปรเจ็คต์ 4 ของสยามนาฬิกา)

 

 

บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 เพื่อออกแบบและผลิตนาฬิกาข้อมือจักรกลภายใต้ปรัชญาในการสร้างคุณลักษณ์พิเศษทางด้านเทคนิคให้กับผลงานของตนซึ่งแตกต่างจากผู้ผลิตนาฬิกาทั่วๆ ไป โดยจุดมุ่งหมายหลักก็คือ ต้องการให้นาฬิกาของตนมีความแข็งแกร่งทนทรหด มีความเที่ยงตรงสูง กว่านาฬิกาอื่นๆ ทั้งยังไม่ต้องการการบำรุงรักษาอะไรมากมายด้วย ตลอดการดำเนินงานภายใต้ปรัชญานี้ทำให้ปัจจุบัน DAMASKO เป็นเจ้าของสิทธิบัตรนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตนาฬิกามากมายหลายสิบฉบับด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลหะผสมชนิดแข็งแกร่งพิเศษกว่า 20 แบบด้วยกันซึ่งนำมาใช้ทำตัวเรือนและส่วนประกอบต่างๆ ของนาฬิกา คุณค่าสำคัญอีกอย่างของนาฬิกา DAMASKO ก็คือ ส่วนประกอบหลักของนาฬิการวมไปถึงเครื่องบางแบบนั้น ถูกผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเอง หรือเรียกว่า มีความเป็นอินเฮ้าส์อยู่สูงมากนั่นเอง โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการผลิตชิ้นส่วนทั้งหมดด้วยตนเองให้ได้ถึงระดับ 90% จากส่วนประกอบทั้งหมด ซึ่งก็คงจะไปถึงในอีกไม่ช้านาน

 

สิ่งที่ DAMASKO เฝ้าวิจัยและพัฒนานั้นได้รับผลสำเร็จออกมาเป็นนวัตกรรมที่ใช้ในนาฬิกาของตนมีอยู่มากมาย แต่ที่เห็นกันเด่นๆ ก็จะมีตั้งแต่ วัสดุสเตนเลสสตีลที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ, ซีลชนิดพิเศษที่มีความทนทานสูง, สปริงและเอสเคปเม้นท์ที่ทำจากโพลีซิลิคอน, ไมโครไฮบริดแบริ่ง 4 จุด สำหรับโรเตอร์ขึ้นลาน, บาลานซ์ที่ทำจากโมลิบดีนัม ไปจนถึงเครื่องอินเฮ้าส์รุ่นแรก Calibre A 35 ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ.2010 ผมจะขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ ถึงนวัตกรรมเหล่านี้ให้ทราบโดยสังเขปนะครับ โดยจะขยายความจากจุดมุ่งหมายหลัก 3 ประการ ที่ DAMASKO ต้องการให้นาฬิกาของตนเป็น คือ มีความแข็งแกร่งทนทรหด มีความเที่ยงตรงสูง และต้องการการบำรุงรักษาต่ำ

 

 

ความแข็งแกร่งทนทาน

 

ความแข็งแกร่งของนาฬิกา DAMASKO แสดงความโดดเด่นออกมาด้วย ตัวเรือนวัสดุสเตนเลสสตีลชนิดพิเศษที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นมาให้มีความแข็งแกร่งทนทานต่อรอยขีดข่วนและการกระแทกได้ดียิ่งขึ้นกว่าสเตนเลสสตีลเกรด 316 L ที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมิใช่การทำให้พื้นผิวมีความแข็งแกร่งด้วยการกระจายคาร์บอนเข้าไปในชั้นบนสุดของเนื้อสเตนเลสสตีลเกรด 316L จนมีความแข็งของพื้นผิวถึงระดับ 1,200 วิคเกอร์ส เหมือนดังที่มีผู้ผลิตอื่นๆ ทำ เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้มีความแข็งอยู่เพียงผิวชั้นบนสุดของโลหะซึ่งเปรียบเหมือนกับลักษณะของเปลือกไข่ที่ห่อหุ้มเนื้อในอยู่เท่านั้น 

 

สเตนเลสสตีลชนิดพิเศษที่ DAMASKO คิดค้นขึ้นซึ่งเปิดตัวในปี ค.ศ.1994 นั้น มีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมมากมาย ได้แก่ ปราศจากนิกเกิ้ล ทนทานต่อการกัดกรอน และมีความแข็งแกร่งในระดับ 60HRC หรือ 710 วิคเกอร์ส (ราวสามเท่าของวัสดุสเตนเลสสตีลที่ใช้กันอยู่ทั่วไป) ซึ่งมาจากการเติมไนโตรเจนเข้าไปด้วยแรงดันสูงขณะหลอมโลหะด้วยสัดส่วน 0.35% ซึ่งไนโตรเจนกับคาร์บอนนี่ล่ะที่จะให้ความแข็งแกร่งกับโลหะ DAMASKO เรียกโลหะที่ผ่านกระบวนการเพิ่มความแกร่งนี้ว่าสเตนเลสสตีล Ice-hardened, nickel-free และได้ทำการจดสิทธิบัตรเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย จึงมีเฉพาะ DAMASKO เท่านั้นที่จะสามารถใช้วัสดุชนิดนี้ได้ซึ่งนอกจากตัวเรือนแล้วยังใช้ทำเม็ดมะยมรวมถึงปุ่มกดต่างๆ ด้วยโดยถูกสร้างขึ้นในโรงงานของตนเองซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Regensburg 

 

 

gehaeuse neuS

 

 

หลายท่านคงเคยสัมผัสกับตัวเรือนวัสดุชนิดนี้กับนาฬิกาของ SINN ซึ่งทาง DAMASKO เคยผลิตส่งให้มาก่อน แต่ปัจจุบันนี้จะสามารถพบวัสดุชนิดนี้ได้ในนาฬิกา DAMASKO เท่านั้น ซึ่งความแข็งระดับนี้ เครื่องใช้ในบ้านทั้งบ้านคงมีเพียงตะไบเล็บแซฟไฟร์หรืออิฐแซฟไฟร์เท่านั้นล่ะที่จะทำให้ตัวเรือนชนิดนี้เป็นรอยได้ โดยนอกจากจะใช้ในการผลิตตัวเรือนนาฬิกาของ DAMASKO แล้ว สเตนเลสสตีลสุดพิเศษชนิดนี้ยังถูกนำไปทำบอลล์แบริ่งของเครื่องยนต์เจ็ท โรเตอร์แบริ่งของเฮลิคอปเตอร์ ปั้มเชื้อเพลิงของกระสวยอวกาศ แบริ่งความเร็วสูงในเครื่องกลึงซีเอ็นซี และเครื่องมือผ่าตัดและเครื่องมือทันตกรรมด้วย

 

damest coating

ส่วนในนาฬิกาที่เป็นตัวเรือนสีดำนั้น จะเป็นการนำเอาตัวเรือนสเตนเลสสตีล Ice-hardened, nickel-free ที่มีความแข็งเป็นพิเศษมาทำให้เป็นสีดำด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า Damest Coating ซึ่งเป็นการเคลือบพิ้นผิวแบบมัลติเลเยอร์ด้วยกรรมวิธี PECVD พื้นผิวเคลือบชั้นบนจะมีความหนาราว 7 ไมครอน และมีความแข็งที่ 2,500 วิคเกอร์ส สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีมาก ส่วนพื้นผิวชั้นถัดไปซึ่งเป็นส่วนเชื่อมต่อระหว่างผิวเคลือบกับผิวตัวเรือนอันเป็นส่วนที่ไอออนซึมลงไปบนตัวเรือนนั้นจะหนาราว 1.5 ไมครอน และมีความแข็งราว 1,500 วิคเกอร์ส การเคลือบแบบมัลติเลเยอร์นี้ทำให้พื้นผิวที่แข็งสุดๆ นี้มีคุณสมบัติความยืดหยุ่นอยู่ด้วย จึงทำให้ยากที่จะเกิดการบิ่นหรือกะเทาะแตก สำหรับขอบตัวเรือนสีดำหมุนได้สองทิศทางพร้อมสเกลนาทีหรือชั่วโมงในนาฬิกาบางรุ่นนั้นก็ถูกเคลือบแบบ Damest เช่นกัน

 

 

dichtsys engS

 

 

นอกจากวัสดุอันแข็งแกร่งแล้วการที่จะทำให้นาฬิกามีความทนทานในการใช้งานยังจะต้องมีส่วนประกอบอื่นๆ อีก เช่นระบบปะเก็นต่างๆ โดยเฉพาะที่ใช้ผนึกเม็ดมะยมรวมไปถึงปุ่มกดต่างๆ ซึ่งจะต้องทำหน้าที่กันความชื้นและฝุ่นไม่ให้เข้าไปภายในตัวเรือนถึงเครื่องได้ซึ่งโดยปกติแล้วนาฬิกาทั่วไปจะใช้ปะเก็นโอริงสองชิ้นที่ทำจากวัสดุอีลาสติกเช่น Nitril อายุการใช้งานก็จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่จะทนทานต่อความเสียดทานระหว่างก้านกับโอริงได้ดีและนานเพียงใดซึ่งการเสื่อมของปะเก็นก็มักจะเป็นปัญหาที่เกิดกับนาฬิกาอยู่บ่อยครั้งหากเจ้าของไม่คอยดูแลรักษา DAMASKO จึงได้คิดค้นระบบเซลล์บรรจุสารหล่อลื่นขึ้นมาโดยเป็นหลอดที่ทำจากสเตนเลสสตีลแข็งพิเศษของตนบรรจุสารหล่อลื่นสังเคราะห์แบบข้นหนืดเอาไว้ภายในติดตั้งอยู่ภายในเม็ดมะยมและปุ่มกดระหว่างโอริง 2 ชิ้นซึ่งทำขึ้นจาก Viton วัสดุชนิดใหม่ที่คิดค้นขึ้นให้มีความทนทานกว่าโอริงที่ใช้กันทั่วไปเพื่อป้องกันการรั่วซึม โดยจะทำหน้าที่ลดแรงเสียดทานของแกนเม็ดมะยมกับปุ่มกด ทำให้อายุการใช้งานของปะเก็นยาวนานยิ่งขึ้น แน่นอนว่าได้จดสิทธิบัตรเอาไว้เช่นกัน 

 

 

krone engS

 

 

ระบบเม็ดมะยมขันเกลียวก็ได้รับการคิดค้นขึ้นมาใหม่และทำการจดสิทธิบัตรเอาไว้แล้ว ทุกชิ้นส่วนจะถูกทำขึ้นจากสเตนเลสสตีลแบบแข็งชนิดเดียวกับตัวเรือนโดยสลักเกลียวที่ใช้จะมีขนาดกว้าง 2 มิลลิเมตรและมีความยาวเท่ากับขนาดเม็ดมะยม ส่วนปะเก็นที่ใช้ก็จะทำจาก Viton แตกต่างจากเม็ดมะยมขันเกลียวทั่วไปที่มักจะมีสลักเกลียวขนาดเล็กเพียง 1 มิลลิเมตรและมักจะใช้วัสดุทำเม็ดมะยมที่ไม่เหมาะสมอย่างทองเหลือง เยอรมันซิลเวอร์ หรือสเตนเลสสตีล ซึ่งจะขูดมุมของสลักเกลียวทำให้เกิดการหลวมคลอนและก่อให้เกิดปัญหาในการขึ้นลานหรือตั้งเวลาได้เมื่อใช้งานไปนานๆ 

 

 

ความเที่ยงตรงสูง

 

ปัจจัยที่จะทำให้นาฬิกาเดินได้อย่างเที่ยงตรงนั้น แบ่งง่ายๆ ออกเป็นผลกระทบจากภายนอกกับความเที่ยงตรงในการทำงานของเครื่อง ด้านผลกระทบจากภายนอกนั้น ตัวเรือนของ DAMASKO ทุกเรือนจะมาพร้อมกับเกราะต่อต้านสนามแม่เหล็กซึ่งติดตั้งเอาไว้ภายในตัวเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้สนามแม่เหล็กส่งผลกระทบทำให้เครื่องนาฬิกาทำงานคลาดเคลื่อนไปจากปกติ โดยสามารถต้านทานได้ถึงระดับ 80,000 A/m ซึ่งมีนาฬิกานักบินในท้องตลาดไม่มากนักที่ติดตั้งเกราะลักษณะนี้มาให้ แต่ DAMASKO ให้มากับนาฬิกาทุกรุ่นครับ

 

 

magnetfeld engS

 

 

สำหรับด้านความเที่ยงตรงในการทำงานของเครื่องนั้นเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนกว่ามาก โดยขึ้นอยู่กับส่วนประกอบมากมาย ซึ่ง DAMASKO ก็ได้ทุ่มเทอย่างมากในการคิดค้นและพัฒนา เริ่มตั้งแต่การใช้สายใยสปริงที่ทำจากวัสดุ EPS ซึ่งคิดค้นขึ้นมาใหม่และได้จดสิทธิบัตรเอาไว้แล้ว ผลิตด้วยกรรมวิธี DRIE (deep reactive ion etching) ออกมาเป็นโครงสร้างแบบ fault-free polycrystalline โดยไม่ได้เป็นแบบแบนเหมือนสปริงปกติแต่เป็นแบบมีส่วนโค้งและมีส่วนปลายเป็นหัวเหลี่ยม ข้อดีของ EPS สปริงคือ มีน้ำหนักเบากว่าสปริงปกติสามเท่า ลดผลกระทบการทำงานจากแรงโน้มถ่วงและแรงสะเทือน ให้ความมีจุดศูนย์กลางร่วมกันตลอดทุกตำแหน่งของเส้นสปริง และให้การเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระจากอุณหภูมิ ตำแหน่งของเครื่อง และสนามแม่เหล็ก ซึ่งส่งผลให้ความถี่ของการทำงานเป็นไปอย่างเที่ยงตรงสม่ำเสมอ 

 

 

damasko IMG 4293SIMG 4014S

 

 

การบำรุงรักษาต่ำ

 

สำหรับหัวข้อนี้ หลายสิ่งเป็นผลพวงจากระบบต่างๆ ที่ทาง DAMASKO คิดค้นขึ้นอาทิระบบปะเก็นแบบใหม่ที่ใช้เซลล์บรรจุสารหล่อหลื่นร่วมกับโอริง Viton แบบใหม่ซึ่งมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ไม่เสื่อมสภาพให้ต้องเป็นกังวลในการเข้าเซอร์วิสเปลี่ยนใหม่ ตัวเรือนสเตนเลสแบบแข็งพิเศษไม่เป็นรอยโดยง่ายให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขัด ส่วนการเคลือบดำแบบ Damest ก็มีความแข็งแรงทนทานไม่เป็นรอยหรือกะเทาะบิ่นโดยง่ายจึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าการเคลือบพีวีดีหรือดีแอลซีทั่วไป

 

 

Vierpunkt MikrokugellagerSAufzug komplettS

 

 

นอกจากนี้ก็ยังมีไมโครบอลแบริ่ง 4 จุดแบบใหม่ที่ไม่ต้องการน้ำมันหล่อลื่น ทำงานเงียบเชียบ และทนทานต่อแรงสะเทือน ผลิตจากสเตนเลสสตีลชนิดแข็งให้มีขนาดเล็กเป็นพิเศษที่ราว 2.7 มิลลิเมตรเท่านั้นเพื่อลดองศาความเอียงยามทำงานเนื่องจากความกว้างของไมโครบอลแบริ่งขนาดปกติทั่วไป ส่วนตัวบอลแบริ่งนั้นทำจากเซรามิก โดยนำมาใช้ในเครื่องอินเฮ้าส์ Calibre A35 ซึ่งจะมีความทนทานสูงกว่าแบบเดิมๆ นอกจากนี้ยังใช้เอสเคปเม้นท์วีลที่ทำจากซิลิเซียมซึ่งไม่ต้องการสารหล่อลื่นใดๆ น้ำหนักเบา ความเฉี่อย และความเสียดทานต่ำ กินแรงเครื่องน้อย ทั้งหมดนี้จะช่วยลดภาระในการเข้าซ่อมบำรุงไปได้มาก ไม่ต้องคอยเข้าเซอร์วิสไปล้างเครื่องหยอดน้ำมันเหมือนเครื่องทั่วไป

 

 

DA 36blackS1Damasko DC 67 SIS

 

(ซ้าย) DA 36 Black ตัวเรือนสตีลผิวด้าน Ice-hardened เคลือบ Damest ดำ ขนาด 40 มม. พร้อมเกราะป้องกันสนามแม่เหล็กติดตั้งอยู่ภายใน กันน้ำได้ 100 เมตร หน้าปัดสีดำด้าน หลักชั่วโมงและเข็มเคลือบสารเรืองแสงลูมิโนวา C1 สีขาว เข็มวินาทีเคลือบลูมิโนวา C1 สีเหลือง แสดงวันกับวันที่ ณ ตำแหน่ง 3.30 นาฬิกา ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ 25 จิวเวล ETA 2836-2 เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
(ขวา) DC 67 Si ตัวเรือนสตีลผิวด้าน Ice-hardened ขนาด 42 มม. ขอบตัวเรือนเคลือบ Damest ดำพร้อมสเกลหมุนได้ 2 ทิศทาง พร้อมเกราะป้องกันสนามแม่เหล็กติดตั้งอยู่ภายใน กันน้ำได้ 100 เมตร พื้นหน้าปัดเคลือบสารเรืองแสงลูมิโนวา C1 สีขาว มี 3 เคาน์เตอร์ย่อย บอกชั่วโมงจับเวลา นาทีจับเวลา และวินาที ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟ 25 จิวเวล Valjoux 7750 เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ใช้สปริง EPS และเซรามิกบอลแบริ่ง ผ่านมาตรฐานความเที่ยงตรงในระดับเดียวกับโครโนมิเตอร์ แสดงวันกับวันที่ ณ ตำแหน่ง 3.30 นาฬิกา

 

 

รูปลักษณ์ของนาฬิกาจาก DAMASKO จะมาในสไตล์นาฬิกานักบิน ตัวเรือนจะมี 2 แบบ คือ ขนาด 40 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนเกลี้ยงเกลา กับขนาด 42 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนหมุนได้พร้อมสเกลชั่วโมงหรือนาที ทรงตัวเรือนของทั้งสองแบบจะมีลักษณะเดียวกัน โดยแต่ละรุ่นจะมีทั้งแบบสเตนเลสสตีลผิวด้าน bead-blasted และแบบเคลือบดำด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า Damest ให้เลือก ซึ่งทั้งคู่จะมีคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งเป็นพิเศษและได้รับการติดตั้งเกราะป้องกันสนามแม่เหล็กเอาไว้ภายใน โดยทั้งหมดจะมาพร้อมคุณลักษณะพิเศษของ DAMASKO ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว กระจกหน้าปัดเป็นแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน

 

แต่ละรุ่นจะมีหน้าปัดให้เลือก 2 แบบ คือ แบบสีดำด้าน และแบบที่เคลือบด้วยสารเรืองแสงลูมิโนวา C1 สีขาวทั้งแผ่น มีฟังก์ชั่นให้เลือกคือ แบบสามเข็ม ซึ่งจะแบ่งออกเป็นแบบที่ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติจาก ETA หรือแบบสามเข็มกับแบบสองเข็มครึ่งที่ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์ A 35 ของตนเองซึ่งจะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ Si บนหน้าปัด และแบบโครโนกราฟสามเคาน์เตอร์ซึ่งจะใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟยอดนิยม Valjoux 7750 ซึ่งจะมี 2 ลักษณะคือ แบบ 7750 ปกติ กับแบบที่นำมาโมดิฟายด์โดยนำสปริง EPS และโรเตอร์ที่ใช้เซรามิกแบริ่งเข้ามาใช้ ทั้งยังทำให้มีมาตรฐานความเที่ยงตรงในระดับเดียวกับการทดสอบโครโนมิเตอร์ด้วย ซึ่งนาฬิกาโครโนกราฟที่ใช้เครื่อง 7750 ที่นำมาโมดิฟายด์จะมีสัญลักษณ์ Si อยู่บนหน้าปัด

 

 

DK 10siSCaliber Damasko A 35SDK backsiteS

 

(ซ้าย) DK 10 ตัวเรือนสตีลผิวด้าน Ice-hardened ขนาด 42 มม. ขอบตัวเรือนเคลือบ Damest ดำพร้อมสเกลหมุนได้ 2 ทิศทาง พร้อมเกราะป้องกันสนามแม่เหล็กติดตั้งอยู่ภายใน กันน้ำได้ 100 เมตร ฝาหลังกรุกระจกใสหน้าปัดสีดำด้าน หลักชั่วโมงและเข็มเคลือบสารเรืองแสง บอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 3.30 นาฬิกา ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์ 24 จิวเวล A 35 เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 52 ชั่วโมง ใช้เอสเคปเม้นท์วีลที่ทำจากซิลิเซียมสปริง EPS และเซรามิกบอลแบริ่ง

(กลาง) เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์ Calibre A 35

(ขวา) ฝาหลังของ DK 10 กรุกระจกใสมองเห็นเครื่องอินเฮ้าส์ Calibre A 35 ที่ประจำการอยู่ภายใน

 

 

หน้าตาของนาฬิกา DAMASKO อาจดูไม่หวือหวาและออกเป็นแนวนาฬิกาที่เน้นการใช้ประโยชน์ในลักษณะเป็น Tool Watch เสียมากกว่าจะออกมาเพื่อความสวยงาม ซึ่งก็มีผู้นิยมชมชอบนาฬิกาแบบนี้อยู่มากทีเดียว และก็มีนาฬิกาสไตล์นักบินลักษณะนี้อยู่มากในตลาดเหมือนกัน แต่สิ่งที่ DAMASKO มีซึ่งก็คือความเหนือชั้นเชิงวัสดุและเทคนิคการผลิตนั้นถูกอัดแน่นเอาไว้ภายในโดยไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาจากภายนอก จึงเป็นที่มาของบทความยาวๆ เรื่องนี้ครับ เพราะ DAMASKO นั้นมีความไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ในความธรรมดา จึงอยากแชร์ให้ได้ทราบกันครับ

 

ปัจจุบันนาฬิกา DAMASKO มีจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยบริษัท เวิลด์ ออฟ ว็อทช์ 2 จำกัด ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่นำ JUNGHANS กลับเข้ามาครับ ที่สำคัญคือ วางราคาเริ่มต้นไว้ที่ต่ำแสน ซึ่งน่าสนใจทีเดียวครับเมื่อเทียบกับสิ่งที่อยู่ภายใน

 

 

By: Viracharn T.

 

ข้อมูลเพิ่มเติมที่: http://www.damasko.de