OMEGA Seamaster Olympic Games Collection นาฬิกาสุดพิเศษคอลเลคชั่นล่าสุดจากซีรี่ส์นาฬิกา Olympic Official Timekeeper
แฟนๆ OMEGA และคนรักนาฬิกาคงพอจะทราบอยู่แล้วว่านาฬิกา OMEGA นั้นเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการเจ้าประจำของมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิก เกมส์ (ทั้งโอลิมปิกฤดูร้อน และโอลิมปิกฤดูหนาว) มาเนิ่นนาน ซึ่งก็นับรวมได้ถึง 27 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ ค.ศ. 1932 เป็นต้นมา และก็ได้ผลิตนาฬิกาแบบพิเศษ (จัดอยู่ในหมวด Specialties) ลิมิเต็ด เอดิชั่น ในธีมกีฬาโอลิมปิก มาให้เป็นเจ้าของกันอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยแต่ละเอดิชั่นก็จะเป็นการนำนาฬิการุ่นต่างๆ มาเสริมดีไซน์ตกแต่งที่สื่อถึงกีฬาโอลิมปิก ซึ่งก็ยังถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยประเภทแรกนั้นเป็น นาฬิการุ่นพิเศษ ลิมิเต็ด เอดิชั่น สำหรับการแข่งขันในแต่ละครั้งซึ่งเรียกว่า คอลเลคชั่น Olympic Games โดยสีสันที่ใช้ก็จะเกี่ยวข้องกับชาติที่เป็นเจ้าภาพ พร้อมปรากฏตราสัญลักษณ์ประจำการแข่งขันครั้งนั้นๆ บนนาฬิกาแนวสปอร์ตคอลเลคชั่นปัจจุบันรุ่นต่างๆ สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในแต่ละเอดิชั่น ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะออกมาเป็นคอลเลคชั่นนาฬิกาจับเวลาโอลิมปิก ซึ่งเรียกว่าคอลเลคชั่น Olympic Official Timekeeper อันเป็นการนำนาฬิกาจับเวลาที่สร้างขึ้นสำหรับใช้จับเวลาการแข่งขันโอลิมปิกครั้งต่างๆ มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบและตกแต่งนาฬิกาที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งสำหรับ Seamaster Olympic Games Collection ที่เรานำมาให้ชมกันนี้เป็นประเภทหลังครับ
ที่มาของดีไซน์
แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ธีมการออกแบบหน้าปัดของ Seamaster Olympic Games Collection รุ่นนี้ นำมาจากหน้าปัดของนาฬิกาจับเวลา OMEGA ที่สร้างขึ้นสำหรับใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา และกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ณ เมือง อินส์บรุค ประเทศออสเตรีย ซึ่งจัดขึ้นในปีเดียวกันคือ ค.ศ. 1976
นาฬิกาจับเวลาที่สร้างขึ้นใช้ในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวและกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน เมื่อปี 1976 ต้นแบบแรงบันดาลใจแห่งหน้าปัดของนาฬิกาคอลเลคชั่นนี้
ลักษณะเด่นของนาฬิกาจับเวลาเรือนต้นแบบก็คือ ดีไซน์ฟ้อนท์เลขอารบิกกับตัวอักษรสีขาวบนพื้นหน้าปัดสีดำล้อมด้วยวงขอบหน้าปัดสีขาวขีดสเกลสีดำ ซึ่งชวนให้นึกถึงมาตรวัดของรถสปอร์ตในยุค 70s มากกว่าจะเป็นนาฬิกาจับเวลาสำหรับกีฬาโอลิมปิก ทั้งยังมีความสำคัญตรงที่ถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาจับเวลาแบบเข็มอนาล็อกยุคสุดท้ายที่ใช้ในการจับเวลากีฬาโอลิมปิกก่อนที่จะนำนาฬิกาจับเวลาแบบดิจิตอลมาใช้แทน
องค์ประกอบและสีที่ใช้กับหน้าปัดเช่นนี้ เมื่อบวกเข้ากับดีไซน์เข็มแบบแบนกว้างสีดำ-ขาว แต่มีส่วนปลายเป็นแท่งเรียวทั้งยังแต้มสีดำที่ส่วนปลายของเข็มนาทีเพื่อให้อ่านค่าได้ชัดบนวงขอบหน้าปัดสีขาวแล้ว ก็ทำให้อ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนเป็นที่สุด ทั้งยังมีเส้นขีดเป็นวงรอบหน้าปัดซึ่งมีการแบ่งช่องไฟทุกๆ 20 วินาที เพื่อใช้สำหรับคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจอย่างคร่าวๆ ด้วย ส่วนจานวันที่ก็ใช้เป็นพื้นสีขาวโดยมีตัวเลขเป็นสีดำขนาดใหญ่ซึ่งมีความสูงไล่เลี่ยกับหลักชั่วโมงเพื่อให้อ่านค่าได้ชัดๆ ผ่านช่องหน้าต่างรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา
สู่นาฬิกาข้อมือสไตล์คลาสสิก
หน้าปัดดีไซน์เฉพาะตัวนี้ถูกนำมาติดตั้งเข้ากับตัวเรือนสตีล สไตล์คลาสสิก ขนาด 39.5 มม. พร้อมเม็ดมะยมทรงหัวหอม ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนมาทั้งด้านนอกและด้านใน สามารถกันน้ำได้ถึงระดับ 60 เมตร ภายในตัวเรือนบรรจุกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 8800 ที่ใช้เอสเคปเม้นท์แบบโค-แอ็กเซียล และใช้บาลานซ์สปริงวัสดุซิลิคอน ให้กำลังสำรองได้ 55 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบมาตรฐานความแม่นยำระดับมาสเตอร์โครโนมิเตอร์ ซึ่งรับรองโดยสถาบัน METAS และต้านทานสนามแม่เหล็กได้ถึงระดับ 15,000 เกาส์ ทำหน้าที่บอกเวลาแบบสามเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ ตัวกลไกได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยการเคลือบโรเดียมและตกแต่งเป็นลายเจนีวาเวฟแบบเกลียวโค้งอันเป็นรูปแบบที่ OMEGA นิยมใช้ สวมคู่มากับสายหนังวัวฉลุรูพรุนเพื่อระบายอากาศและเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีขาวอันเป็นรูปแบบของสายนาฬิกามอเตอร์สปอร์ตสไตล์วินเทจ
ส่วนชื่อเรียกขานที่ใช้เป็น Seamaster นั้น นอกจากลักษณะดีไซน์ของขาตัวเรือนแล้ว มันก็แทบไม่ได้มีหน้าตาอะไรที่เหมือนกับ Seamaster รุ่นอื่นๆ ในคอลเลคชั่นปัจจุบันเลย ยิ่งเมื่อหน้าปัดของมันมีลักษณะที่คล้ายกับมาตรวัดของรถสปอร์ตด้วยแล้ว หากเรียกมันว่า Speedmaster ก็น่าจะชวนคล้อยตามได้มากกว่านี้
เสริมดีไซน์โค้ด โอลิมปิก
ความเป็นนาฬิกาโอลิมปิกของคอลเลคชั่นนี้ถูกบ่งบอกไว้บนหน้าปัดด้วย สัญลักษณ์ห้าห่วงคล้องกันของกีฬาโอลิมปิก ซึ่งอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และเมื่อพลิกมาทางด้านหลังก็จะพบกับแผ่นวงแหวนอลูมิเนียมที่ติดตั้งอยู่ภายใต้กระจกแซฟไฟร์ใสบนฝาหลัง ซึ่งจะปรากฏข้อความ OFFICIAL TIMEKEEPER พร้อมสัญลักษณ์ห้าห่วง และระบุชื่อและปีการแข่งขันโอลิมปิกที่ OMEGA เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 1932 ไล่เรียงอย่างครบถ้วนไปจนถึงปี 2028
5 แบบ 5 สี ผลิตจำนวนจำกัดสีละ 2,032 เรือน
Seamaster Olympic Games Collection รุ่นนี้ ผลิตขึ้นมา 5 แบบด้วยกัน โดยแต่ละแบบจะตกแต่งรายละเอียดด้วยสีที่แตกต่างกัน แยกออกเป็น 5 สี ตามสีวงแหวนทั้งห้าของสัญลักษณ์โอลิมปิก อันได้แก่ สีฟ้า สีเหลือง สีดำ สีเขียว และสีแดง โดยสีที่ว่านั้นจะใช้กับ สัญลักษณ์ห้าห่วงของโอลิมปิก เส้นขีดวงรอบหน้าปัด และสีที่แต่งอยู่บนปลายทั้งสองด้านของเข็มวินาทีสีดำ สีของสายหนัง และสีอโนไดซ์ของวงแหวนอลูมิเนียมระบุชื่อและปีการแข่งขันที่อยู่ภายใต้กระจกฝาหลัง ส่วนหมายเลขประจำเรือนจะถูกสลักเอาไว้ที่ด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวเรือน ส่วนสีของชื่อรุ่น Seamaster บนหน้าปัดก็จะเป็นสีเดียวกับธีมของแต่ละเรือนด้วย ยกเว้นแบบธีมสีดำ ที่จำเป็นต้องใช้เป็นสีขาว
จำนวนการผลิตของนาฬิกาทั้ง 5 แบบนี้ ถูกจำกัดเอาไว้ที่แบบละ 2,032 เรือนเท่ากัน ซึ่งตัวเลขนี้ก็มาจาก ปี ค.ศ. 2032 ซึ่งเป็นปีที่ 100 แห่งการเป็นผู้จับเวลาการแข่งขันโอลิมปิกอย่างเป็นทางการของ OMEGA ส่วนราคาจำหน่ายก็ตั้งไว้ที่ 188,000 บาท เท่ากันทั้ง 5 แบบ
(ราคาเงินบาทเป็นราคาขายที่ทางแบรนด์แนะนำซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว โดยอ้างอิงจากที่ปรากฎบนเว็บไซต์ของ Omega)
By: Viracharn T.