GRAND SEIKO Masterpiece Collection, Spring Drive 8-Day Jewelry Watch

รูปลักษณ์ที่ทรงพลังของสิงโต เป็นสัญลักษณ์ที่ยืนยงของ GRAND SEIKO มาตั้งแต่การเปิดตัวนาฬิกาแบบแรกในปี 1960 ด้วยเหรียญทองรูปสิงโต ที่ประดับอยู่บนฝาหลังของตัวเรือน โดยในงาน Watches and Wonders Geneva 2022 GRAND SEIKO ได้มีการนำเสนอนาฬิกากลไกสปริงไดรฟ์ พร้อมการประดับอัญมณีที่มีแรงบันดาลใจมาจากสิงโตขาวกันไปแล้ว วันนี้จึงเป็นการเปิดตัวผลงานเอกอีกชิ้นหนึ่ง ของนาฬิกากลไกสปริงไดรฟ์ ที่ซึ่งความแข็งแกร่งและพลังแห่งสิ่งมีชีวิตแสนสง่างามนี้ ถูกทำให้มีชีวิตขึ้นผ่านงานศิลปะโดยช่างอัญมณี หากแต่ครั้งนี้มีการประดับประดาด้วยแซพไฟร์สีน้ำเงิน เพื่อเป็นเกียรติแก่สีอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์

 

sbgd213 c x4000

 

การผสานรวมความแม่นยำของกลไกสปริงไดรฟ์ ที่ถือเป็นความชัดเจนระดับสูงต่อการอ่านค่า ที่ชี้แสดงค่าในตำแหน่งของอัญมณีที่ถูกจัดวางไว้อย่างพิถีพิถัน ตลอดจนศิลปะและงานฝีมือสุดประณีต ที่ทำให้การสร้างสรรค์อันโดดเด่นครั้งนี้ เป็นการแสดงออกในทุกวิถีทางของอุดมคติแห่ง GRAND SEIKO โดยบริเวณกลางหน้าปัด คือมุกสีน้ำเงินอันเป็นสีสัญลักษณ์ของแบรนด์ กับตัวเรือนและหน้าปัดที่ประดับไปด้วยเพชรน้ำหนักรวมประมาณ 5.62 กะรัต พร้อมกันกับแซพไฟร์สีน้ำเงินน้ำหนักรวมอีกประมาณ 1.25 กะรัตซึ่งทั้งหมดเป็นการประดับด้วยฝีมือของช่างผู้ชำนาญการของ GRAND SEIKO ที่เป็นบทพิสูจน์ของนาฬิกาฝีมือระดับสูงของแบรนด์

 

sbgd213 a x4000

 

โดยขาตัวเรือนที่แข็งแรงและมีลักษณะ เป็นสันเหลี่ยมแสดงถึงพลังของสิงโต พร้อมเพชรจำนวนไม่ต่ำกว่า 112 เม็ดที่ถูกฝังอยู่พื้นผิวด้านบนของตัวเรือน พร้อมกับเพชรทรงบาแกตต์อีก 60 เม็ดที่ประดับอยู่ขอบตัวเรือน เพชรทั้งหมดนี้ถูกประดับอย่างแม่นยำ จนดูราวกับเป็นพื้นผิวเรียบในชิ้นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเข็มแสดงเวลาวินาทีที่ถูกให้ความร้อน จนเกิดเป็นสีเทาที่เข้ากับโทนสีโดยรวมได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังมีการประดับแซพไฟร์สีน้ำเงินเจียระไนอีก 1 เม็ดประดับไว้ที่เม็ดมะยม โดยตัวเรือนได้รับการขัดด้วยเทคนิคซารัทสึ ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับวัสดุแพลทินัม เพื่อให้ได้พื้นผิวดุจกระจกเงาที่ปราศจากการบิดเบือนของภาพสะท้อนโดยสมบูรณ์

 

sbgd213 b x4000

 

บนหน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้ แซพไฟร์สีน้ำเงินและเพชรทรงบาแกตต์ ที่ได้รับการเจียรให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นหลักชั่วโมงและหลักนาทีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ล้อมรอบแผ่นมุกที่มีความล้ำลึกและมีพื้นผิวราบเรียบที่ส่วนกลาง โดยอัญมณีทั้งหมดถูกประดับด้วยมือ ลงบนพื้นที่ระหว่างรางไวท์โกลด์คู่ ที่มีขนาดเล็กและบาง ซึ่งด้วยทักษะระดับสูงของช่างอัญมณีแห่งสตูดิโอชินชูซึ่งตั้งอยู่ในชิโอจิริ อันเป็นสถานที่ผลิตนาฬิกา GRAND SEIKO กลไกสปริงไดรฟ์ นอกจากนี้เพชรเม็ดงามจำนวนอีก 48 เม็ด และแซพไฟร์สีน้ำเงินอีกจำนวน 12 เม็ด ก็ถูกติดตั้งไว้รายรอบหลักชั่วโมงและหลักนาที เพื่อเพิ่มความลึกและมิติความสวยงามให้กับหน้าปัด

 

GRR

 

ซึ่งกลไกสปริงไดรฟ์ที่มาพร้อมกับพลังสำรองลานนาน 8 วันในภาพของทิวทัศน์แห่งภูเขาฟูจิ ที่สามารถมองเห็นได้ผ่านฝาหลังที่กรุกระจกแซพไฟร์ จะเผยให้เห็นการตกแต่งที่สวยงามของบริจด์แบบชิ้นเดียว ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นรูปทรงของภูเขาฟูจิ ซึ่งซ่อนกลไกสปริงไดรฟ์คาลิเบอร์ 9R01 ไว้ภายใน ซึ่งกลไกชุดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยคณะทำงานชั้นยอด ในฐานะนักประดิษฐ์นาฬิกาของสตูดิโอไมโครอาร์ติสท์ ซึ่งตั้งอยู่ในชิโอจิริเช่นเดียวกับสตูดิโอชินชู โดยกลไกชุดนี้จะให้ความแม่นยำในการแสดงค่าเวลาสูงถึง ±10 วินาทีต่อเดือน และยังมอบพลังสำรองลานได้นานถึง 8 วันหรือเท่ากับ 192 ชั่วโมงจากตลับลาน 3 ชุดที่ทำงานแบบเรียงลำดับกัน

 

sbgd213 d x4000

 

นาฬิกา GRAND SEIKO Masterpiece Collection, Spring Drive 8-Day Jewelry Watch ใน Ref. SBGD213 นี้จะทำงานด้วยกลไกไขลาน พร้อมมาตรแสดงระดับพลังสำรองลาน โดยสามารถปรับเข็มแสดงเวลาชั่วโมงได้แบบอิสระ กรุด้วยกระจกแซพไฟร์ชนิดผิวโค้งทั้ง 2 ฝั่งพร้อมเคลือบกันแสงสะท้อน และมีฝาหลังแบบเกลียวกรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ ให้ความสามารถในการการกันน้ำที่ระดับ 10 บาร์ และความต้านทานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ระดับ 4,800 แอมแปร์/เมตร ในตัวเรือนขนาด 44.5 มิลลิเมตร หนา 14.4 มิลลิเมตร พร้อมชุดล็อคสายแบบบานพับ 3ทบที่ปลดล็อคด้วยปุ่มกดผลิตจากแพลทินัม ใช้งานคู่กันกับสายหนังจระเข้สีน้ำเงินเข้ม

GSSS

และจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 9,266,000 บาท โดยผลงานประดับอัญมณีชิ้นเอกรุ่นนี้ จะนำเสนอในแบบผลิตจำนวนจำกัดเพียง 8 เรือนทั่วโลกเท่านั้น และจะถูกจัดแสดงที่บูติคนาฬิกา GRAND SEIKOบางแห่งในเดือนมิถุนายน 2023 โดยสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.grand-seiko.com/global-en/collections/sbgd213j

 

 

Screen Shot 2566 04 25 at 00.57.06