New GRAND SEIKO Elegance Collection, Ref. SBGW283

นาฬิกากลไกไขลานรุ่นใหม่ใน Ref. SBGW283 จาก Elegance Collection ของ GRAND SEIKO มีตัวเรือนขนาดย่อมที่ 37.3 มิลลิเมตร หนา 11.7 มิลลิเมตร ซึ่งนับว่าเล็กกว่าขนาดมาตรฐานของนาฬิกาแนวเดรสคลาสสิค ในตลาดโดยส่วนใหญ่ที่มักจะมีขนาดราว 38 มิลลิเมตรขึ้นไปแทบทั้งสิ้น ในขณะที่ขนาด 37.3 มิลลิเมตรก็ถือว่าเกือบจะเข้าขั้นนาฬิกาวินเทจแล้ว แต่รูปลักษณ์โดยรวมที่ได้เห็นจากนาฬิกาเรือนนี้ก็ไม่ได้ออกแนววินเทจมากจนเกินไป หากแต่ดูเป็นแนวคลาสสิคร่วมสมัยมากกว่า ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่มีรายละเอียดและมีโทนสีสันของหน้าปัดที่น่าสนใจ ซึ่งเมื่อลองสืบค้นกลับไปก็จะพบว่า ตัวเรือนเดียวกันนี้เคยใช้มาก่อนแล้วกับนาฬิกาใน Ref. SBGW231 ซึ่งเป็นนาฬิกาใน Elegance Collectionเช่นเดียวกัน แต่จะมากับหน้าปัดสีขาวอันเย็นยะเยือกจากธีมเซกกิ (Sekki) อันเป็นการแบ่งฤดูกาลอันละเอียดอ่อนของชาวญี่ปุ่น โดยเป็นตัวแทนของคันโร (Kanro) หรือฤดูที่อยู่ในช่วงต้นเดือนตุลาคม อันเป็นขณะเวลาที่ข้าวพร้อมจะถูกเก็บเกี่ยวก่อนที่อากาศจะหนาวเย็น โดยช่วงเช้าในขณะเวลานั้นจะมีน้ำค้างปกคลุมพืชพันธุ์ท่ามกลางหมอกจางๆ เหนือทุ่งนา ซึ่งสีขาวเย็นยะเยือกของหน้าปัดก็จะสื่อถึงแสงทอผ่านหมอกยามเช้านั่นเอง

 

Screen Shot 2565 05 09 at 23.49.16

 

ซึ่งนาฬิกาใน Ref. SBGW283 ก็ใช้ธีมฤดูกาลด้วยเช่นกันแต่เป็นฤดูที่เรียกว่าคิชุน (Kishun) ซึ่งเป็นเวลาขณะที่ฤดูร้อนกำลังเริ่มต้นขึ้น และสีฟ้าอ่อนๆ บนหน้าปัดก็สื่อถึงสีของฟากฟ้าเหนือภูเขาอิวาเตะที่สูงเสียดฟ้าถึง 2,000 เมตร และที่เป็นฟากฟ้าเหนือภูเขาอิวาเตะ ก็เป็นเพราะเป็นอาณาบริเวณแหล่งที่ตั้งของสตูดิโอชิสุกุอิชิ อันเป็นสถานที่ผลิตนาฬิกาของ GRAND SEIKO นั่นเอง ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมของ GRAND SEIKO ที่จะนำอิทธิพลและแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ อันแวดล้อมแหล่งผลิตมาเป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งผลงานของแบรนด์ และเมื่อมองผ่านกระจกแซพไฟร์ทรงกล่องสไตล์วินเทจเข้าไป ก็จะเห็นลายที่ไม่เหมือนใครบนหน้าปัด ที่ราวกับเกิดขึ้นจากธรรมชาติในผิวหน้าปัดสีฟ้าอ่อนละมุน เพราะมีการเคลือบสารกันการแสงสะท้อนด้านในของกระจก ขณะที่สีเงินของหลักชั่วโมงทั้งสิบสองและเข็มทั้งสาม ก็สร้างมาให้อ่านค่าเวลาที่ชัดเจน ด้วยสเกลที่ประทับพิมพ์สีดำกับปลายเข็มนาทีและเข็มวินาที ที่เรียวแหลมยาวและดัดโค้งตามแนวของกระจกไปจนถึงสเกลโดยรอบ รวมกันเป็นความเรียบง่ายที่น่าหลงใหลอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนบนเรือนเวลาของผู้ผลิตรายใด ทั้งยังสร้างความรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่มอง

 

11GS

 

นอกจากนี้ยังมีการเจียรเหลี่ยมกับรูปแบบการขัดแต่ง ของเข็มและหลักชั่วโมงที่ทำให้สามารถอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจน แม้ในสภาวะที่มีแสงตกกระทบและแสงสะท้อน เข้ากันได้ดีกับตัวเรือนสตีลทรงกลมสไตล์เดรสคลาสสิค ที่มีแนวขาตัวเรือนยาวที่ดูโค้งละมุนพร้อมแนวปาดแบบอสมมาตร โดยมีระยะความยาวจากขาตัวเรือนด้านบนสู่ด้านล่างที่ 44.3 มิลลิเมตร ที่แนบบนข้อมือได้อย่างพอดีกับความหนารวม 11.7 มิลลิเมตร พร้อมการขัดผิวเงาดุจกระจกด้วยเทคนิคซารัทสึอันเลื่องชื่อของ GRAND SEIKO ที่สามารถสร้างภาพสะท้อนได้อย่างไร้การบิดเบือนพร้อมความแวววาว รวมไปถึงเม็ดมะยมที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และหนาเมื่อเทียบกับขนาดของนาฬิกา ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ คำอธิบายที่ดีที่สุดถึงปรัชญา “ประกายแห่งคุณภาพ” อันเป็นสิ่งที่เหล่านักออกแบบของ GRAND SEIKO มุ่งเน้นมาตั้งแต่ยุค 60s และที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ สายหนังจระเข้คุณภาพสูงสีน้ำเงินเข้มเส้นงาม ที่เลือกใช้เป็นลายตารางใหญ่ที่ดูคลาสสิคเป็นอย่างยิ่ง พร้อมหัวเข็มขัดสตีลเข้าคู่กัน โดยการแสดงเวลาแบบ 3 เข็มสุดเรียบง่ายนี้ จะให้อัตราความแม่นยำอยู่ในช่วง -3 ถึง +5 วินาทีต่อวันซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมมาก ซึ่งนี่คือผลจากการทำงานของกลไกไขลานอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 9S64

 

Screen Shot 2565 05 10 at 00.37.31

 

ที่นอกจากจะโดดเด่นด้วยขนาดของชุดกลไกที่บางเฉียบแล้ว ยังมอบพลังสำรองลานได้นานถึง 72 ชั่วโมง มากับฟังก์ชั่นหยุดเข็มวินาทีในขณะตั้งเวลาเพื่อให้สามารถเทียบเวลาได้ถึงระดับวินาที ส่วนการตกแต่งชิ้นส่วนต่างๆ ก็กระทำอย่างพิถีพิถันตามมาตรฐานระดับสูงของนาฬิกาจาก GRAND SEIKO เช่นเดียวกับการประกอบและการปรับตั้ง ที่กระทำการด้วยมือของช่างผู้เชี่ยวชาญ อย่างที่สามารถมองเห็นความสวยงามได้ผ่านทางกระจกแซฟไฟร์ด้านหลังตัวเรือน โดยนาฬิกาใน GRAND SEIKO, Elegance Collection, Ref. SBGW283 เรือนนี้จะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 185,800 บาท

 

11SBGW283G

 

 

 

Screen Shot 2565 05 10 at 00.47.07