HALDIMANN

  

ทริปเยี่ยมชมโรงงานทริปแรกของ IAMWATCH ในปี 2014 นี้ เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมผู้ผลิตนาฬิกาอิสระรายหนึ่งซึ่งตั้งเวิร์คช็อปขึ้นในบ้านหลังหนึ่งที่เมืองทูน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเน้นผลิตนาฬิการะดับสูงที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ด้วยลักษณะอันลือลั่นของกลไกแบบฟลายอิ้งเซ็นทรัลตูร์บิยองที่มีทั้งแบบเอสเคปเม้นท์ชุดเดียวกับแบบเอสเคปเม้นท์สองชุด และล่าสุดกับกลไกแบบเซ็นทรัลบาลานซ์ ผู้ผลิตนาฬิการายนี้มีชื่อว่า Haldimann ครับ

 

 

023

 

สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าบ้านหลังนี้เกี่ยวข้องกับการผลิตนาฬิกาก็คือ นาฬิกาพกเรือนโตที่ติดตั้งอยู่บนประตูบ้านสีเขียว

 

034

 

 

044

 

โต๊ะทำงานประจำตัวอันแสนเรียบง่ายของ Mr. Haldimann

 

 

054

 

เครื่องจักรแต่ละชิ้นที่ใช้ เป็นเครื่องจักรแบบสมัยก่อนที่ต้องใช้ฝีมือของช่างนาฬิกาทักษะสูงเป็นผู้ใช้งานเพื่อสร้างชิ้นส่วนกลไกแต่ละชิ้นอันเป็นชิ้นส่วนเฉพาะขึ้นใช้เอง ยกเว้นเพียงแฮร์สปริงกับทับทิมเท่านั้นที่ไม่ได้สร้างขึ้นเอง

 

 

063

 

075

 

083

 

แต่ก็มีการนำเครื่องมือสมัยใหม่อย่างกล้องขยายกำลังขยายสูงมาใช้เพื่อตรวจสอบการทำงานด้วย ในภาพเป็นการตรวจสอบการทำงานของตูร์บิยองนาฬิการุ่น H1 ด้วยสายตา โดยขยายขึ้นจอมอนิเตอร์

 

094

 

1011

 

เครื่องขยายกำลังสูงชิ้นนี้ใช้สำหรับตรวจสอบขนาดและทรงของชิ้นส่วนเล็กๆ โดยขยายได้ถึงระดับ 100 เท่า เพื่อนำมาวางเทียบกับแผ่นปรินต์จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ความละเอียดสูง เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีขนาดถูกต้องอย่างแท้จริง

 

 

1111

 

ตูร์บิยองของกลไกนาฬิการุ่น H1 ทำจากสตีลโดยมีน้ำหนักเพียง 0.3 กรัม หรือเท่ากับสแตมป์ 4 ดวงนี้เท่านั้น

 

 

129

 

139

 

ห้องด้านในสุด เป็นสถานที่สำหรับงานขัดแต่งชิ้นส่วนอย่างละเอียด

 

 

149

 

ขอขอบคุณ Mr. Haldimann สำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น

 

 

156

 

 

เรือนซ้ายเป็นนาฬิการุ่นล่าสุด H11 ที่เปิดตัวที่งาน Baselworld 2013 โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การเป็นกลไกไขลานที่ติดตั้งบาลานซ์อยู่กึงกลางของกลไกซึ่งจะมองเห็นได้ชัดเจนจากทางด้านหลัง และมีการนำเข็มรูปแบบเดียวกับนาฬิกาพก Haldimann ในยุคก่อนอย่างเช่นเรือนในภาพแบ็คกราวด์มาใช้ ส่วนเรือนขวาเป็น H1 นาฬิกาข้อมือรุ่นแรกของแบรนด์ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการด้วยการใช้กลไกที่ติดตั้งตูร์บิยองลอยเด่นอยู่บริเวณกึ่งกลาง หรือที่เรียกว่าฟลายอิ้งเซ็นทรัลตูร์บิยองนั่นเอง สำหรับหน้าปัดนั้นก็ยังมีความพิเศษด้วยการใช้แผ่นสตีลบางๆ ฉลุหลักสเกล หลักชั่วโมง และชื่อแบรนด์ แล้วนำมาเคลือบเงิน ก่อนที่จะลงสีบนร่องฉลุทางด้านหลัง เพื่อให้สีอยู่ติดทนถาวรยาวนานต่างจากการพิมพ์หรือการเพ้นท์ลงบนหน้าปัดเหมือนกรรมวิธีการทำหน้าปัดโดยทั่วไป

 

 

167

 

มีการนำเครื่องชั่งแบบสมัยโบราณเข้ามาใช้ชั่งน้ำหนักชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ด้วย

 

 

เมื่อได้เห็นกระบวนการทำงานตั้งแต่การสร้างชิ้นส่วนต่างๆ ขึ้นใช้เองด้วยฝีมือของช่างนาฬิกาตามแบบแผนการผลิตนาฬิกาดั้งเดิมโดยแทบจะไม่มีการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องมืออัตโนมัติเข้ามาใช้ ตลอดจนขั้นตอนการประกอบและปรับตั้งอย่างประณีต บวกกับการสร้างสรรค์กลไกสุดพิเศษเฉพาะตัว และจำนวนการผลิตที่ทำได้เพียงปีละไม่ถึง 10 เรือน จึงทำให้นาฬิกา Haldimann เป็นที่ปรารถนาของนักสะสมนาฬิกาคนสำคัญจากทั่วโลก แม้จะมีราคาที่ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมากก็ตาม

 

 

By: Pramote R.