9S หนึ่งในสุดยอดกลไกอินเฮ้าส์จาก GRAND SEIKO

 

จากแนวคิดของ GRAND SEIKO ที่ต้องการสร้างนาฬิกาที่ดีที่สุดในโลก ที่สามารถให้ความเที่ยงตรงที่สูงสุด และก้าวข้ามขีดจำกัดด้านเทคโนโลยีตลอดมา ซึ่งมีทั้งความเหนือชั้นด้านรูปลักษณ์ภายนอก และความสามารถในระดับสูงของกลไกภายใน

 

section top

 

เนื่องจากงานการสร้างนาฬิกาชั้นเลิศ ต้องอาศัยองค์ประกอบต่างๆ มากมาย จากชิ้นส่วนกลไกที่มีมากกว่า 200-300 ชิ้นมาประกอบเข้าด้วยกัน ดังนั้นความสอดคล้องในทุกรายละเอียด จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องคำนึงถึงในทุกขั้นตอนการทำงาน

 

section mechanism img 01

 

ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่เพียงความสามารถด้านการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เท่านั้น เพราะการคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่เหมาะสมสำหรับกลไกแต่ละชนิด ยังเป็นสิ่งที่ GRAND SEIKO ใส่ใจและมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างมีขั้นตอนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

 

section craftmanship img 01

 

นอกจากนั้นยังมีช่างนาฬิกาที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ และเป็นหัวใจหลักในการทำงานในแทบทุกด้าน ที่นอกจากจะต้องมีทักษะ ความชำนาญ จากประสบการณ์อันยาวนานแล้ว ยังต้องมีหัวใจทุ่มเทให้กับกลไกต่างๆ เหล่านี้ในตลอดทุกวันทำงาน

section craftmanship img 02

อย่างที่สามารถมองเห็นได้ในขั้นตอนการทำงาน ช่างนาฬิกาของ GRAND SEIKO ต้องมีความสามารถในการปรับแฮร์สปริง ที่มีค่าความคลาดเคลื่อนในระดับ 1/100 มิลลิเมตรได้ด้วยมือ ซึ่งถือเป็นงานหัตถศิลป์ที่มีความละเอียดอ่อนสูง ดังที่ปรากฏอยู่ในกลไกตระกูล 9S ทุกชุด

 

Screen Shot 2563 12 15 at 8.17.24 AM

และงานการขัดแต่งชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ด้วยมือแม้ ที่แม้จะเป็นเพียงเฟืองซี่เล็กๆ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญเสมอสำหรับ GRAND SEIKO เพราะถือเป็นการลดความเสี่ยง และการเพิ่มความลื่นไหลให้กับชุดกลไก เพื่อให้สูญเสียพลังงานในการทำงานให้น้อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

Screen Shot 2563 12 15 at 8.18.58 AM

รวมไปถึงเทคโนโลยีในการผลิตสำหรับชิ้นส่วนต่างๆ อย่างเช่นชุดบาลานซ์วีล ที่มักมีเกิดปัญหาการบิดเบี้ยว จากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ด้วยการเพิ่มแกนที่สี่ในวงบาลานซ์วีลเพื่อแก้ปัญหานี้ ที่ถือเป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่สำคัญและส่งผลถึงการแสดงเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา

 

section craftmanship img 03

 

เทคโนโลยี MEMS (Micro-Electro-Mechanical Systems) เป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจของ GRAND SEIKO จากการเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การผลิตชิ้นส่วน ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักที่เบาเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดค่าความคลาดเคลื่อนที่ต่ำเพียง 1/1,000 มิลลิเมตรเท่านั้น

 

section technology point img 01

อย่างเช่นเอสเคปวีลที่ใช้เทคโนโลยี MEMS ในการผลิต และทำให้สามารถสร้างชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบากว่าเอสเคปวีลทั่วๆ ไปถึง 5% และยังสร้างสร้างให้ปลายฟันเฟือง มีส่วนลาดและไม่ทำให้เกิดการค้างของน้ำมันหล่อลื่น อันจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนขึ้นได้หลังจากการใช้งาน

 

section quality img 02

 

หรือแพลเล็ทฟอร์คที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการปล่อยพลังงาน ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี MEMS ที่ช่วยให้มีน้ำหนักที่ลดลงถึง 25% รวมทั้งเมนสปริงที่มีความแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งถูกพัฒนาสำหรับกลไกคาลิเบอร์ 9S85 เพื่อสร้างพลังสำรองลานที่เหมาะสมในระดับสูงสุดถึง 55 ชั่วโมง

 

Screen Shot 2563 12 15 at 8.21.49 AM

 

แฮร์สปริงเป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จของ GRAND SEIKO จากประสบการณ์การผลิตอันยาวนานกว่า 50 ปีทำให้เกิดวัสดุแบบใหม่ที่เรียกว่า Spron ขึ้นจากการผสมโคบอลท์เข้ากับนิคเกิ้ล เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นที่เหนือชั้น แข็งแรง ทนความร้อนได้สูง และทนการกัดกร่อนจากสภาพการใช้งานได้สูงเช่นกัน

 

66666

 

ทุกสิ่งเหล่านี้ร่วมกันสร้างให้เกิดความสำเร็จขึ้นกับกลไกจาก GRAND SEIKO ซึ่งไม่ได้เป็นการโอ้อวด แต่เป็นบทพิสูจน์และแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่เกิดขึ้นจริง และทำให้นาฬิกา GRAND SEIKO สามารถกล่าวอ้างได้ถึงความสามารถด้านความเที่ยงตรง ที่เหนือกว่าระดับโครโนมิเตอร์จากสวิตเซอร์แลนด์

 

8888

 

ซึ่งในช่วงต้นของนาฬิกาจาก GRAND SEIKO ในปี 1960 ยังมีเครื่องหมายระบุถึงความเที่ยงตรงในระดับโครโนมิเตอร์ไว้บนหน้าปัด แต่หลังจากช่วงปี 1970s เป็นต้นมา GRAND SEIKO สามารถพัฒนากลไกของตัวเองให้มีความสามารถเหนือชั้นกว่า จึงไม่ต้องระบุถึงระดับความเที่ยงตรงโครโนมิเตอร์อีกต่อไป

 

section quality img 01

 

มาตรฐานนี้ GRAND SEIKO เรียกว่า New GS Standard ซึ่งนำมาใช้อย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1998 โดยมีข้อกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดกว่ามาตรฐานอื่นใด นอกจากนี้ยังมีบางเวอร์ชั่นที่มีการปรับแต่งในระดับสูงยิ่งขึ้นไปอีกโดยจะมีระบุเครื่องหมาย GRAND SEIKO Special Standard ซึ่งมีอัตราความเที่ยงตรงที่สูงสุดถึงระดับ +4/-2 วินาทีต่อวัน โดยถือเป็นความเที่ยงตรงที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลไกอื่นๆ ทั่วไป

 

 

GS 1920x720