'Review' DAMASKO DA 36 Black นาฬิกาเรือนหล่อที่ไม่ธรรมดา
นาฬิกาแบรนด์ Damasko อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูมากนักในกลุ่มนักสะสมนาฬิกา แต่ถ้าเอ่ยถึง Sinn คงไม่มีใครไม่รู้จัก ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้ Damasko เคยเป็นโรงงานที่ผลิตตัวเรือนให้กับ Sinn แบรนด์นาฬิกาเยอรมันที่สร้างชื่อเรื่องความแกร่งของตัวเรือนที่ไม่ธรรมดา มีเรื่องเล่ากันมาว่า ความแกร่งของตัวเรือนนี่ขนาดคนประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ลื่นไถลไปบนพื้นถนนจนกางเกงขาด แต่นาฬิกายังไม่มีรอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย และนี่เป็นที่มาของความน่าสนใจของบริษัทนาฬิกาเบื้องหลังที่ปัจจุบันมายืนอยู่แถวหน้าของนาฬิกานักบินอย่างไม่น้อยหน้าแบรนด์อื่นๆ
(ซ้าย) Damasko DA 36 Black (ขวา) Sinn 656S Siam Naliga Project 4
เนื่องจาก Damasko เคยผลิตตัวเรือนให้กับ Sinn ผมเลยขอหยิบยกตัวอย่างนาฬิกาเรือนพิเศษที่ผลิตโดย Sinn โดยเป็นการปรับรายละเอียดของนาฬิการุ่น 656S ให้กลายมาเป็นนาฬิกาโปรเจ็คต์ที่ 4 ของ Siam Naliga ซึ่งมีหน้าตาการออกแบบคล้ายคลึงกันกับ Damasko DA 36 Black เรือนนี้ แต่สำหรับตัวเรือนของโปรเจ็คต์ 4 นี้ ถูกผลิตโดย SUG ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตตัวเรือนนาฬิกาสเตนเลสสตีลเคลือบดำด้วยกรรมวิธี Tegiment เพื่อเพิ่มความแกร่งให้กับตัวเรือนที่คาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับความแกร่งของตัวเรือนสตีลชนิดพิเศษ Ice-hardening เคลือบ Damest ดำ ของ Damasko
กรรมวิธีเคลือบดำแบบ Tegiment Surfaces ของ Sinn จะใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่าชั้น Tegiment ทำหน้าที่เชื่อมอยู่ตรงกลางระหว่างพื้นผิวสตีลชั้นในกับชั้นเคลือบแข็งด้วยกรรมวิธีพีวีดีให้เป็นสีดำด้านซึ่งอยู่ชั้นบนสุดเพื่อให้สามารถป้องกันการหลุดลอกได้ดีและทำหน้าที่เป็นเสมือนชั้นปรับสภาพที่จะเชื่อมพื้นผิวสตีลด้านในที่อ่อนนุ่มกว่าพื้นพีวีดีดำเคลือบแข็งชั้นนอกให้ผนึกเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี แก้ปัญหาปฏิกิริยาเปลือกไข่ (Egg shell effect) ที่อาจเกิดการแข็งนอกร้าวในอย่างในการเคลือบพีวีดีทั่วไปลงได้ และยังเสริมให้ชั้นเคลือบแข็งพีวีดีดำมีค่าความแข็งถึงระดับ 2,000 วิคเกอร์สด้วย โดยนำมาใช้เป็นครั้งแรกในปี 2003
ตัวเรือนสเตนเลสสตีล Ice-hardened, nickel free ความแข็งแกร่งสูง ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Damasko
ส่วนตัวเรือนสตีล Ice-hardening เคลือบ Damest ดำของ Damasko DA 36 Black นั้น เป็นกรรมวิธีการผลิตตัวเรือนที่ทาง Damasko คิดค้นขึ้นและต่อมาก็ได้สงวนสิทธิ์ในการใช้ในอุตสาหกรรมนาฬิกาไว้ให้กับนาฬิกาของตนเท่านั้นซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Sinn ต้องเปลี่ยนกรรมวิธีไปเป็นการเคลือบพีวีดีที่ใช้เทคนิค Tegiment ซึ่งผลิตโดยซัพพลายเออร์อื่นแทน จากที่เคยให้ Damasko ผลิตตัวเรือนให้มาก่อน กรรมวิธี Ice-hardened คือการทำให้วัสดุสเตนเลสสตีลมีความแข็งแกร่งทนทานต่อรอยขีดข่วนและการกระแทกได้ดียิ่งขึ้นกว่าสเตนเลสสตีลเกรด 316L ที่ใช้กันทั่วไปโดยการเติมไนโตรเจนเข้าไปด้วยแรงดันสูงขณะหลอมโลหะด้วยสัดส่วน 0.35% ไนโตรเจนกับคาร์บอนจะทำให้โลหะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติปลอดสารนิคเกิ้ลอีกด้วย โดยจะมีความแข็งของโลหะในระดับ 710 วิคเกอร์ส หรือราว 3 เท่าของสเตนเลสสตีลทั่วไป สำหรับการเคลือบดำด้วยกรรมวิธี Damest นั้นเป็นการเคลือบพื้นผิวแบบมัลติเลเยอร์ด้วยกรรมวิธี PECVD ซึ่งบนพื้นผิวเคลือบชั้นบนจะมีความหนาราว 7 ไมครอน และมีความแข็งถึงระดับ 2,500 วิคเกอร์ส สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี พื้นผิวชั้นถัดไปซึ่งหนาราว 1.5 ไมครอนจะเป็นชั้นที่ไอออนซึมลงไปทำปฏิกิริยาและมีความแข็งราว 1,500 วิคเกอร์ส ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมกับเนื้อตัวเรือนวัสดุสเตนเลสสตีล Ice-hardened ที่มีความแข็งราว 700 วิคเกอร์ส ตัวเรือนเคลือบ Damest ดำของ Damasko จึงมีความยืดหยุ่นอยู่ในความแข็งแกร่งทำให้ยากที่จะเกิดการบิ่นหรือกระเทาะแตกและยังทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีมาก
แสดงชั้นการเคลือบดำแบบ Damest ของ Damasko
ด้วยหน้าตาโดยรวมและลักษณะต่างๆ ที่ดูแล้วใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงตัวเรือน การจัดวางรายละเอียดต่างๆ บนหน้าปัด รูปแบบของเข็ม ตลอดจนเม็ดมะยมแบบขันเกลียว และกระจกแซฟไฟร์เคลือบกันสะท้อนที่ทำให้เห็นหน้าปัดสีดำด้านสนิทอย่างชัดเจน รวมถึงขนาดตัวเรือนที่พอๆ กัน คือ 40 มิลลิเมตร ของ Damasko และ 38.5 มิลลิเมตรของ Sinn SNG4 แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้วจะเห็นข้อแตกต่างของขนาดได้อย่างชัดเจนแม้จะต่างกันเพียง 1.5 มิลลิเมตรก็ตาม จุดเด่นของทั้งคู่นอกจากจะใช้เครื่อง ETA ที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกันแล้ว ฝาหลังของ Damasko จะเป็นแบบทึบและมีฝาหลังด้านในอีกชั้นหนึ่งที่ครอบคลุมส่วนของกลไกได้อย่างมิดชิด ภายในตัวเรือนถูกบุด้วย Soft iron Cage เพื่อป้องกันพลังงานแม่เหล็กจากภายนอกที่อาจจะส่งผลต่อความเที่ยงตรงของกลไกนาฬิกา ในส่วน Sinn SNG4 นั้นจะใช้ฝาหลังกรุแซฟไฟร์เปลือยให้เห็นโรเตอร์เคลือบสีดำพร้อมสลักข้อความ Siam Naliga และโลโก้ เรียกว่าเป็นการเทรดระหว่างฟังก์ชั่น anti-magnetism กับความงามบนตัวกลไก (ใน Sinn 656S เวอร์ชั่นปกติจะใช้ฝาหลังสเตนเลสสตีลทึบธรรมดา และกรุในตัวเรือนด้วย Soft iron Cage เพื่อป้องกันสนามแม่เหล็กเช่นเดียวกันกับ Damasko)
Sinn 656S เวอร์ชั่นปกติ จะมากับมาร์กเกอร์เป็นตัวเลขร่วมกับขีดและเข็มที่เคลือบด้วยลูมิโนว่าสีขาว ที่เหนือตำแหน่ง 6 นาฬิกาจะมีสัญลักษณ์บ่งบอกว่าสามารถป้องกันสนามแม่เหล็กได้
Soft Iron Cage ในตัวเรือนของ Damasko จะทำหน้าที่ป้องกันการทำงานของเครื่องจากสนามแม่เหล็กภายนอก สามารถต้านทานได้ถึงระดับ 80,000 A/m
(ซ้าย) Damasko DA 36 Black ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ ETA 2836-2 (ขวา) Sinn 656S Siam Naliga Project 4 ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ ETA 2824-2 เครื่องของทั้งคู่มี 25 จิวเวล และเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมงเช่นเดียวกัน
บนหน้าปัดลักษณะเข็มดูคล้ายกันและเด่นมากทั้ง 2 เรือน โดย DA 36 Black เรือนนี้อ่านค่าได้ชัดเจนด้วยการใช้พรายน้ำลูมิโนว่าสีเหลืองสะดุดตาบนเข็มวินาทีตัดกับสีขาวบนมาร์กเกอร์ โดยส่วนของ DA 36 Black จะใช้มาร์กเกอร์ที่เป็นตัวเลข พร้อมฟังก์ชั่นบอกวันที่และวันที่โดยแสดงวันได้ 2 ภาษา แบบว่ามีทั้งซับไตเติ้ลอังกฤษและเยอรมัน ณ ตำแหน่งราว 3.30 นาฬิกา และใช้เม็ดมะยมที่จดทะเบียนสิทธิบัตรโดยมีสรรพคุณแข็งแกร่งไม่สึกกร่อนด้วยวัสดุที่ใช้ซึ่งทำจากโลหะ Ice-hardened เคลือบดำเช่นเดียวกับตัวเรือนและหมุนลื่นสบายด้วย lubricant cell ภายในระบบตามภาพที่แสดงให้เห็นครับ
ระบบเม็ดมะยมที่ Damasko คิดค้นขึ้น จะมีเซลล์บรรจุสารหล่อลื่นเพื่อลดแรงเสียดทานของแกนเม็ดมะยม ทำให้อายุการใช้งานของโอริงยาวนานขึ้น และยังใช้โอริงที่ทำจากวัสดุชนิดใหม่ซึ่งเรียกว่า Viton ที่มีความทนทานเป็นพิเศษ ตัวเม็ดมะยมกับสลักเกลียวทำจากสเตนเลสสตีล Ice-hardened ที่แข็งแรงทนทาน สลักเกลียวมีขนาดกว้าง 2 มิลลิเมตร และมีความยาวเท่ากับขนาดเม็ดมะยมเพื่อความแข็งแรง ขจัดปัญหาการหลวมคลอนเมื่อใช้งานไปนานๆ
สำหรับหน้าปัดของ Sinn SNG4 จะใช้มาร์กเกอร์เคลือบลูมิโนว่าในลักษณะแบบขีดโดยรอบ แบ่งเป็นมาร์กเกอร์ย่อยที่เป็นสีขาวและมาร์กเกอร์หลักที่เป็นสีเหลืองเช่นเดียวกับบนเข็ม มีโลโก้ Siam Naliga ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเป็นสีเหลือง วันที่แสดงอยู่ที่ตำแหน่งระหว่าง 4 นาฬิกาและ 5 นาฬิกาโดยมีขนาดเล็กกว่าและไม่เห็นชัดเท่าใน DA 36 Black
Damasko เป็นนาฬิกาที่อาจจะมีรูปลักษณ์คล้ายกับ Sinn ด้วยความที่เป็นนาฬิกานักบินลักษณะเดียวกันและมาจากชาติเดียวกัน แต่ Damasko ก็มีรายละเอียดที่ซับซ้อนซ่อนอยู่ในความเหมือนและความเรียบง่ายของตัวเรือน ทุกชิ้นส่วนได้รับการออกแบบและคำนึงถึงการใช้งานอย่างรอบคอบด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่คิดค้นขึ้นมาทำให้เป็นที่กล่าวถึงของนักสะสมนาฬิกา นับว่าเป็นนาฬิกาที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาอีกแบรนด์หนึ่งที่น่าสนใจครับ
สนใจนาฬิกา Damasko สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและราคาได้ที่ บริษัท World of Watch 2 ตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา Damasko ในประเทศไทย โทร. 080-988-0940
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.damasko.de
By: Prayuth P.
