Novelties from Watches & Wonders 2023 and watch fair in Geneva 2023, Part III

SARCAR จัดแสดงนาฬิกาที่โรงแรม D’Angletaire และยังคงนำเสนอภาพลักษณ์ของนาฬิกา แบบประดับเพชรอย่างเต็มรูปแบบเช่นเคยตั้งแต่นาฬิการุ่น La Magic Moon, Hare with Tsavorites พร้อมการประดับเพชรบริลเลี่ยนท์คัทจำนวน 359 เม็ดและซาวอาไรท์อีก 357 เม็ดเต็มตัวเรือนและขอบหน้าปัด เช่นเดียวกันกับ La Magic Moon, Polo ตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์กับการประดับเพชร 606 กะรัต และไฮไลท์กับ The Night Star ตัวเรือนไวท์โกลด์ และเพชรดิบน้ำหนัก 1.99 กะรัตที่สามารถหมุนและกดปุ่มเพื่อเปล่งแสงได้

 

Sar 01

 

Sar 2

 

Sar 3

 

Sar 4

 

CHANEL จัดแสดงนาฬิกาในบูธตามสไตล์ของแบรนด์ พร้อมการนำเสนอนาฬิการุ่น Première Camelia X-Ray ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนที่ผลิตจากแซฟไฟร์ และกลไกไขลานอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 2 พร้อมกันกับนาฬิการุ่น Première X-Ray ที่ผลิตลิ๊งค์ด้วยแซฟไฟร์สลับกับไวท์โกลด์ประดับเพชร นอกจากนี้ยังมี Monsieur Tourbillon Meteorite ที่มาในหน้าปัดหินอุกาบาต ตัวเรือนเซรามิคสีดำ และทำงานด้วยกลไกตูร์บิยองอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 5.1 พร้อมด้วยความพิเศษของ Mademoiselle Privé Pique-Aiguilles กับขนาดใหญ่ของหน้าปัด

 

Chanel 1

 

Chanel 2

 

Chanel 3

 

Chanel 4

 

LOUIS MOINET นำเสนอนาฬิการุ่น Impulsion ใหม่พร้อมความโดดเด่นด้วยกลไกอินเฮ้าส์ตูร์บิยองโครโนกราฟ พร้อมความเคร่งขรึมของโทนสีดำและเข็มแสดงเวลาสีแดงสามเข็ม พร้อมกันนี้ยังมีการนำเสนอนาฬิกาในรูปแบบงานศิลปะบนหน้าปัดกับ Savana Tourbillion กับภาพเสือเสมือนจริงจากเทคนิคไมโครเพนติ้งด้วยสีอคริลิค และความโดดเด่นกระจ่างตาของกรงตูร์บิยอง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ที่ช่วยทำให้ภาพบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนนี้ ยิ่งมีความพิเศษมากยิ่งขึ้น

 

LM 1

 

LM 2

 

BELL&ROSS นำเสนอนาฬิการุ่นใหม่หลายรุ่นทั้ง BR05 Skeleton Golden ที่แสดงให้ชุดกลไกภายในเป็นสีทอง, BR05 Green Gold ที่มีตัวเรือนผลิตจากพิ๊งค์โกลด์, BR03-92 Diver White Bronze กับตัวเรือนบรองซ์, BR01 Cyber Skull Bronze กับตัวเรือนบรองซ์ขนาด 45มิลลิเมตรที่เป็นเรือนไฮไลท์สำหรับงานในปีนี้ ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น 500 เรือนทั่วโลก, BR 03-93 GMT Blue พร้อมหน้าปัดสีน้ำเงินแมททาลิคใหม่ และ BR-X5 Carbon Orange ในตัวเรือนที่ผลิตจากคาร์บอนสีดำขนาด41 มิลลิเมตร

 

BL 1

 

BL 2

 

สำหรับ ORIS ปีนี้เจ้ากบ Kermit ถือเป็นไฮไลท์สำคัญ โดยมีสีเขียวอ่อนสดเป็นธีมหลักของบูธในปีนี้ กับทั้งภาพวาดลายเส้น และสีสันที่เป็นหน้าปัดของนาฬิการุ่น Propilot X Kermit Edition พร้อมความพิเศษของหน้ากบ Kermit แสดงแทนวันที่ 1ในหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และนาฬิการุ่น Aquis Date Diamonds ในตัวเรือนสตีลขนาด 41.5 มิลลิเมตร พร้อมความโดดเด่นของเพชรจากแล็บ (Lab Diamond) บนขอบเบเซิลจำนวน 48 เม็ด น้ำหนักรวมประมาณ 1.2 กะรัต

 

Oris 1

 

Oris 2

 

โดย LAURENT FERRIER ในปีนี้มีการนำเสนอนาฬิการุ่นสปอร์ตรุ่นแรกของแบรนด์ ที่มีการพัฒนาและนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องกับ Grand Sport Tourbillion Pursuit ในหน้าปัดสีแซลมอน พร้อมกลไกการทำงานอันทรงประสิทธิภาพชุดเดิมนั่นก็คือ กลไกไขลานตูร์บิยองอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ LF619.01 ที่ให้พลังสำรองลานนาน80ชั่วโมง โดยมีตัวเรือนและสายที่ผลิตจากไทเทเนียม แบบขัดด้านในขนาด 44 มิลลิเมตร หนา 13.40 และเข็มทรงหยดน้ำตามสไตล์ของนาฬิกาจาก LAURENT FERRIER

 

LE 1

 

ซึ่งสำหรับ LOUIS ERARD ในปีนี้ยังคงจัดแสดงงานที่โรงแรม D’Angletaire เช่นเคยพร้อมด้วยนาฬิการุ่นใหม่Excellence Marqueterie ที่ผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น 99เรือนทั่วโลก พร้อมความโดดเด่นของหน้าปัดที่ผลิตจากเทคนิคการใช้ไม้ชิ้นเล็กๆ ประกอบกันด้วยมือโดย Bastien Chevalier ช่างเทคนิคมาร์เกทรี ในแบบลวดลายสามมิติพร้อมลายเซ็นต์ของช่าง นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาแบบ Collaboration & Partnerships ที่เป็นการทำงานร่วมกันกับช่างนาฬิกา Alain Silberstein ในเวอร์ชั่นพิเศษสำหรับตลาดเม็กซิโก

 

LE 2

 

LE 3

 

และสำหรับ A. LANGE & SÖHNE มีการนำเสนอนาฬิการุ่นใหม่เพียงรุ่นเดียวนั่นก็คือ Odysseus Chronograph จากความโดดเด่นของกลไกโครโนกราฟอันเลื่องชื่อของแบรนด์ ทำให้นาฬิกาตัวเรือนสตีลในสปอร์ตไลน์เรือนแรกของแบรนด์ ตัดสินใจต่อยอดจากความสำหรับของรุ่นพื้นฐานด้วยกลไกโครโนกราฟ ซึ่งมีทั้งความพิเศษและความเรียบง่ายในสไตล์มินิมัลอย่างครบครัน จากการทำงานของกลไกชุดใหม่คาลิเบอร์ L156.1 Datomatic ที่ยังคงทำให้ตัวเรือนมีขนาดไม่ต่างจากเดิม แต่เพิ่มกลไกโครโนกราฟอันทรงคุณค่า

 

AS1

 

AS2