Novelties from Watches & Wonders 2023 and another watch fair, Part II

ในปีนี้งานนาฬิกา Watches & Wonders ถือเป็นงานนาฬิกาที่ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้อย่างเต็มตัว พร้อมการเปิดตัวอย่างสวยงามทั้งด้านงานการแสดงนาฬิกา การจัดงานโดยรวม รวมทั้งการผลักดันสื่อให้พร้อมใจกันนำเสนอได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีผู้ร่วมเข้างานอย่างคับคั่งมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังพร้อมทั้งระบบการนำเสนอในรูปแบบออนไลน์ พร้อมกับแบบออฟไลน์อีกด้วย ซึ่งจำนวนผู้เข้างานในแต่ละวันและแต่ละช่วง ก็น่าจะสามารถบอกได้ถึงความสำเร็จของงานได้อย่างดี

 

Chopard 1

 

CHOPARD นำเสนอนาฬิการุ่น Mille Miglia Classic Chronograph ในขนาด 40.5 ทั้งในแบบหน้าปัดแมททาลิคโทนสีแดง, สีเขียว และสีฟ้า เข้าคู่กับสายหนังวัวสีน้ำตาลสไตล์วินเทจ พร้อมกันกับการนำเสนอนาฬิการุ่น Alpine Eagle 41 XPS พร้อมหน้าปัดใหม่สีมอนเต้โรซ่าพิ๊งค์ (Monte Rosa Pink) ที่ผลิตจากทองคำพร้อมลวดลายบนหน้าปัด นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น Alpine Eagle Cadence 8HF ในตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 41 มิลลิเมตร พร้อมกลไกความถี่สูงระดับ 8 เฮริท์ซหรือ 57,600 รอบต่อชั่วโมง

 

Chopard 2

 

Chopard 3

 

PANERAI นำเสนอนาฬิการุ่น Radiomir เป็นธีมหลักในปีนี้ ทั้งนาฬิกาใน Ref. PAM01026 ในขนาดตัวเรือนพาเนอไรโกลด์เทค 40 มิลลิเมตร ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 900 กับหน้าปัดสีขาวลวดลายซันเบริทส์ พร้อมสายหนังที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้ตามความต้องการ และมีขนาดพอเหมาะกับสุภาพสตรีเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาใน Ref. PAM01349 ที่ผู้คนเรียกกันว่า California Dial กับตัวเรือนบรูนิโตอีสตีล พร้อมรูปแบบการขัดแบบด้าน และหน้าปัดที่ออกโทนสีดำ/เขียวดูแปลกตา

 

PR 1

 

PR 2

 

VAN CLEEF & ARPELS จัดแสดงนาฬิการุ่น Perlée Watches ที่นำเสนอรูปแบบของช่างทองเข้ากับการออกแบบนาฬิกาชั้นสูง พร้อมทางเลือกหลากหลายทั้งสีหน้าปัดและสาย พร้อมกันกับนาฬิการุ่น Lady Féerie หน้าปัดมุกที่คัดเลือกสีสรรค์อย่างพิเศษ ผนวกกับชิ้นหน้าปัดอีนาเมล ที่ประกอบเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น Ludo Mini Watch ที่ตอกย้ำความเป็นจิวเวอรี่ว็อช กับลักษณะการเปิดหน้าปัดเพื่อดูค่าเวลา ในขณะที่มีรูปแบบของกลไกข้อมือได้อย่างเต็มตัว

 

VC 1

 

VC 2

 

VC 3

 

CARTIER จัดแสดงนาฬิกาหลากรุ่นตั้งแต่ Santos-Dumont หน้าปัดสเกเลตันกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 9629MC พร้อมสัญลักษณ์เครื่องบินปีกสองชั้นที่ Alberto Santos-Dumont ใช้บินผนวกเข้ากับชุดกลไก และนาฬิการุ่น Clash [Un] Limited ที่เป็นนาฬิกาข้อมือรูปแบบกำไลใหม่ล่าสุดจาก CARTIER รวมทั้งนาฬิการุ่น Tank Américaine ที่มีตัวเรือนแบบยาวโค้งแนบข้อมือตามแบบนาฬิการุ่นดั้งเดิม พร้อมกันกับนาฬิการุ่น Tank Normale Skeleton ตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ที่ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น 50 เรือน

 

Cartier 1

 

Cartier 2

 

Cartier 3

 

Cartier 4

 

ZENITH กับนาฬิการุ่น Pilot ใหม่ที่นำเสนอทั้งในแบบตัวเรือนเซรามิคและสตีล หรือแบบ 3 เข็มในขนาด 40 มิลลิเมตรพร้อมกลไก El Primero คาลิเบอร์ 3620 และแบบโครโนกราฟฟลายแบ็คในขนาด 42.5 มิลลิเมตร พร้อมกลไก El Primero คาลิเบอร์ 3652 ที่มีความถี่สูง 36,000 รอบต่อชั่วโมง โดยมีสายผ้ามาให้ทั้งสองสีทั้งดำและเขียวกากี นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น Defy Skyline Skeleton ที่มีตัวเรือนขนาด 41.5 มิลลิเมตร และสายที่ผลิตจากเซรามิค พร้อมกลไก El Primero คาลิเบอร์ 3620 ที่แสดงให้เห็นการทำงานได้บนหน้าปัด

 

Z 1

 

Z 2

 

Z 3

 

Z 4

 

IWC กับการกลับมาของนาฬิการุ่นIngenier จากการออกแบบดั้งเดิมโดย Mr. Gerald Genta ซึ่งครั้งนี้มาในขนาดตัวเรือน 40 มิลลิเมตรที่เข้ากันได้ดีกับทุกขนาดข้อมือ พร้อมทางเลือกสีหน้าปัดทั้งสีดำ สีขาว และสีเขียว พร้อมรุ่นพิเศษในตัวเรือนและสายที่ผลิตจากไทเทเนียม กับหน้าปัดสีเทา โดยทุกรุ่นจะทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 32111 ที่ความถี่ 28,800 รอบต่อชั่วโมง และให้พลังสำรองลานนานถึง 120 ชั่วโมง พร้อมซอฟท์-ไอรอนอินเนอร์เคส ที่ช่วยป้องกันชุดกลไกจากพลังแม่เหล็กไฟฟ้าจากภายนอก

 

IWC 1

 

IWC 2

 

IWC 3

 

IWC 4

 

IWC 5

 

TAG Heuer และนาฬิการุ่นใหม่ Carrera Chronograph ที่มีตัวเรือนสตีลในขนาด 39มิลลิเมตร ทำงานด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ TH20-00 ที่ความถี่ 28,800 รอบต่อชั่วโมง ให้พลังสำรองลานนาน 80 ชั่วโมงพร้อมหน้าปัดลวดลายเซอร์ลูล่าบรัสด์สีน้ำเงิน และโดดเด่นสุดกับนาฬิการุ่น Carrera Plasma, Diamant D’Avant-Garde กับการประดับด้วยเพชรจากห้องแล็บทั้งเรือน นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น Formula 1 X GULF กลไกควอท์ซ ในตัวเรือนและสายสตีลในขนาด 43 มิลลิเมตรนำเสนอพร้อมกันอีกด้วย

 

Tag 1

 

Tag 2

 

Tag 3

 

ROGER DUBUIS และบูธที่แสดงให้เห็นความไฮเทคของเทคโนโลยี และนาฬิการุ่น Excalibur Blacklight Spin-Stone MB 42mm ที่ผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น 28 เรือนสำหรับจำหน่ายเฉพาะที่บูติคเท่านั้น พร้อมกันนี้ยังมีนาฬิการุ่น Excalibur Spider Huracán Sterrato MB Titanium 45mm ตัวเรือนไทเทเนียมพร้อมความโดดเด่นของกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ RD630 และอีกครั้งกับนาฬิการุ่น Excalibur Knight of the Round Table ในตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์ พร้อมรายละเอียดอันงดงามภายใต้หน้าปัด

 

RD 1
 
RD 2
 
RD 3
 
RD 4