iamwatch

Twitter

Mr. Akio Naito ประธานของ SEIKO Watch Corporation หรือ SWC ผู้วางวิสัยทัศน์ให้กับทั้งแบรนด์นาฬิกาทั้ง SEIKO และ GRAND SEIKO กับบทสัมภาษณ์ที่ทำให้เห็นถึงความเป็นไปของแบรนด์ทั้งสองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น “ผมขอเล่าให้ฟังกับงานด้านต่างๆ ของเราสำหรับปีที่ผ่านมาในปี 2022 นี้ไปจนถึงปีหน้า 2023 เดือนมีนาคม จากการที่เราเริ่มต้นปรับปรุงมุมมองของGRAND SEIKO ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยเป้าหมายให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ที่ดีและแตกต่าง สามารถเพลิดเพลินกับแบรนด์ด้วยหลากหลายองค์ประกอบ ซึ่งสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งก็คือ การปรับปรุงและเปลี่ยนชื่ออาคารดั้งเดิมของเราจาก WAKO เป็น SEIKO House Ginza จากการที่อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านกินซ่าอันเป็นจุดหมายสำคัญแห่งหนึ่งของคนทั่วโลก ที่เราเชื่อว่าจะทำให้เกิดเป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของทั้งแบรนด์ SEIKO และ GRAND SEIKO ต่อไปในอนาคต” Mr. Akio กล่าว

“นอกจากนี้เรายังได้เปิดบูติคนาฬิกา GRAND SEIKO ณ เมืองและย่านสำคัญทั่วโลก โดยในญี่ปุ่นเรามีทั้ง SEIKO House และ GRAND SEIKO แฟล็กชิปบูติค ในย่านกินซ่า รวมไปถึงบูติคใหม่ล่าสุดในลอนดอน นิวบอนด์สตรีทในพฤศจิกายนที่ผ่านมา และเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าที่มาริน่าเบย์แซนด์สิงคโปร์ ในขณะที่เราก็เพิ่งเปิดสำนักงานใหญ่ของ GRAND SEIKO Asia Pacific ที่สิงคโปร์สำหรับงานด้านการตลาดสำหรับภูมิภาคนี้ ส่วนในนิวยอร์กเราก็มีบูติคนาฬิกา GRAND SEIKO เดิมที่เมสันเอเวนิวอยู่แล้ว และกำลังจะขยายเป็นบูติคใหม่ใกล้ๆ กันอีกสองสามช่วงตึก เหมือนกันกับที่เบเวอร์ลีฮิลล์ ที่เราจะมีการเพิ่มพื้นที่เป็นสองเท่าในช่วงปีหน้า ซึ่งถือว่าเรามีความสุขกับแบรนด์ GRAND SEIKO ที่แข็งแกร่งมากขึ้นๆ ในปัจจุบัน ทั้งลูกค้าระดับต่างๆ และราคาต่อหน่วยที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกันในตลาดสหรัฐอเมริกา”

“และกับข่าวล่าสุดที่ผ่านมา ที่เราเพิ่งชนะรางวัลระดับ Geometry ของงาน GPHG เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเราพอใจมากที่ Kodo สามารถเป็นนาฬิกากลไกซับซ้อน เรือนแรกของแบรนด์ที่ได้รับรางวัลนี้ได้ และยังเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์วงการนาฬิกาโลก ที่สามารถนำกลไกคอนสแตนท์ฟอร์ซ มาผนวกกับกลไกตูร์บิยองด้วยกันได้ จนทำให้เกิดการแสดงค่าเวลาที่เที่ยงตรงได้มากที่สุด จากการที่นาฬิการุ่นนี้จัดแสดงเป็นครั้งแรกที่งาน Watches and Wonders ในปี 2022 และเราจึงจะเข้าร่วมงานแสดงนี้ต่อไปเป็นปีที่สอง เพื่อตอกย้ำความสำเร็จพร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสามารถอื่นๆ ของแบรนด์ และยังเป็นการนำเทรนด์ตามแบบของเราเพื่อนำเสนอสู่ตลาดยุโรป โดย GRAND SEIKO จะเป็นแบรนด์นาฬิกาจากญี่ปุ่นแบรนด์เดียว ที่จะจัดแสดงในงาน Watches and Wonders 2023 และจะเป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิการะดับสูงของงาน”

Mr. Akio Naito: ตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับแบรนด์นาฬิกาคือระดับกลางๆ พร้อมคุณภาพที่ดี ราคาไม่แพงจนเกินไป ส่วนสำหรับแบรนด์นาฬิกาจากญี่ปุ่น เคยถูกมองว่าไม่ใช่แบรนด์นาฬิกาหรูหรา ต่างจากแบรนด์นาฬิกาจากยุโรป ซึ่งผมรู้สึกต่างเพราะผมมักคิดเสมอว่าความเป็นญี่ปุ่น ได้รับความนิยมมากขึ้นจากแนวคิดที่แตกต่างของเราเช่น อาหารญี่ปุ่น รถญี่ปุ่น หรือการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่ผู้คนจำนวนมากทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผมจึงคิดว่าเราก็มีโอกาสสร้างแบรนด์จากญี่ปุ่นได้เช่นเดียวกันและ GRAND SEIKO ก็เหมาะสมและตรงกับความต้องการนี้จริงๆ เพียงแต่ต้องอธิบายและต้องสื่อสารให้ผู้คนได้เข้าใจถึงคุณค่า ปรัชญา และธรรมชาติของเวลาในแบบฉบับของญี่ปุ่นเพราะ GRAND SEIKO เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูหรา ที่มีสไตล์ที่แตกต่างไปจากแบรนด์นาฬิกาจากยุโรป

 

 

iamwatch.net: สำหรับแนวคิดธรรมชาติของเวลาจาก GRAND SEIKO ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์นาฬิกาอื่นๆ และจากทั้งแบรนด์ยุโรปด้วย แต่เร็วๆ นี้กลับได้เห็นแนวคิดนี้ปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ จากแบรนด์นาฬิกาต่างๆ ตั้งแต่แบรนด์ระดับเดียวกันไปจนถึงแบรนด์นาฬิกาแบบอินดิเพนเดนซ์ คุณให้ความเห็นอย่างไรได้บ้างในเรื่องนี้? 

 

 

Mr. Akio Naito: โดยปกติแล้วหากมีแนวคิดบางอย่างเริ่มเกิดขึ้น ก็จะต้องมีผู้ตามเกิดขึ้นมาเสมอเช่นกัน คิดถึงสิ่งที่เราได้เปรียบจากเทคโนโลยีในการผลิต การสร้างหน้าปัดและการดำเนินการของคู่แข่งที่มีข้อจำกัด ที่มาจากการปรับปรุงในกระบวนการผลิตที่ใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยรวมไปถึงวิธีการจ้างงานบุคลากรจากแบรนด์นาฬิกา ที่มีความคิดที่แตกต่างมาช่วยงานด้านการจัดการตลาดในแบบแบรนด์จากญี่ปุ่น รวมไปถึงการสร้างทีมผู้เชี่ยวชาญจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก จนกระทั่งถึงทีมงานระดับโลก เพื่อส่งเสริมแบรนด์และสื่อสารทางการตลาดอย่างเหมาะสมในแต่ละตลาด ทั้งหมดนี้คือวิสัยทัศน์ของผมที่พยายามทำให้เกิดความสำเร็จขึ้น อันจะทำให้ GRAND SEIKO สามารถแข่งขันกับแบรนด์นาฬิกาหรูหราอื่นๆ จากยุโรปได้