New AUDEMARS PIGUET Royal Oak Offshore 42MM

AUDEMARS PIGUET นำเสนอนาฬิการุ่น Royal Oak Offshore ใน 3 โมเดลใหม่ที่พัฒนาจากรุ่นดั้งเดิมในปี 1993 ซึ่งรังสรรค์ด้วยวัสดุที่แตกต่างกันตั้งแต่สตีล ไทเทเนียม และพิ๊งค์โกลด์ พร้อมคงไว้ซึ่งรายละเอียดสำคัญของนาฬิการุ่นดั้งเดิม ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติโครโนกราฟฟลายแบ็คคาลิเบอร์ล่าสุด รวมถึงระบบการถอดเปลี่ยนสายด้วยตัวเองแบบใหม่ ทั้งยังมีการปรับดีไซน์หน้าปัดเล็กน้อย พร้อมการนำฝาหลังที่กรุกระจกแซฟไฟร์กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงกลไกการทำงานซึ่งรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต

 

ROO 26238OR OO 2000OR 01 closeup GP18 JPEG

 

โดยกลไกคาลิเบอร์ 4404 ชุดใหม่นี้แตกต่างจากกลไกโครโนกราฟทั่วไป ที่ผู้สวมใส่สามารถหยุด รีเซ็ท และเริ่มต้นจับเวลาใหม่ได้ในครั้งเดียว โดยชิ้นส่วนคอลัมน์วีล ที่จะทำงานร่วมกับคลัทช์แนวตั้ง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เข็มนาฬิกามีการกระโดด เมื่อกลไกโครโนกราฟเริ่มหรือหยุดการจับเวลา นอกจากนี้ในส่วนของปุ่มกดจับเวลา ยังถูกพัฒนาให้กดง่ายและมีความนุ่มนวลขึ้น อีกทั้งยังมีกลไกการรีเซ็ทเป็นศูนย์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าเข็มจับเวลาบนหน้าปัดย่อยแต่ละเข็ม จะรีเซ็ตเป็นกลับศูนย์อย่างไม่ติดขัด

 

ROO 26238OR OO 2000OR 01 SDT JPEG

 

และพัฒนาการใหม่ของนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ คือการใช้ฝาหลังแบบกระจกแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นกลไกการทำงานภายใน รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอลัมน์วีลและค้อนโครโนกราฟ ที่มีการเคลื่อนไหวเมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นการจับเวลา อีกทั้งยังสามารถชมการทำงานของโรเตอร์ที่ผลิตจากพิ๊งค์โกลด์ รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยมืออย่างบรรจง ไม่ว่าจะเป็นการขัดลายโกทส์เดอเจอเนฟ เทคนิคการขัดลายซาติน รวมไปถึงการขัดเหลี่ยมและมุมของชิ้นส่วนต่างๆ

 

ROO 26238ST OO 2000ST 01 closeup GP15 JPEG

 

มาในรูปแบบตัวเรือนและสายสตีล พร้อมแบบตัวเรือนไทเทเนียม/สายไทเทเนียม และแบบตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์/สายพิ๊งค์โกลด์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการนำเสนอดีไซน์ที่พัฒนาจากปี 1993 ด้วยหน้าปัดลาย “เปอตีท์ ทาพิสเซอรี่ (Petite Tapisserie)” บนตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์ โดยแบบตัวเรือนสตีลและแบบตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์ จะโดดเด่นด้วยปุ่มกดและเม็ดมะยมที่ผลิตจากยางสีน้ำเงิน รวมถึงขอบยางสีน้ำเงิน (Gasket) ที่เชื่อมขอบตัวเรือนเข้ากับตัวเรือน ในขณะที่แบบตัวเรือนไททาเนียมจะมาพร้อมเม็ดมะยม ขอบยาง และปุ่มกดโครโนกราฟที่ผลิตจากยางสีดำ รวมถึงขอบยางสีดำด้วยเช่นกัน

 

ROO 26238TI OO 2000TI 01 closeup GP07 JPEG

 

หน้าปัดลวดลายปอตีท์ทาพิสเซอรี่ ในแบบตัวเรือนสตีลจะมาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของนาฬิกาในปี 1993 เฉดสีน้ำเงินคลาสสิคที่เรียกว่าสี “Night Blue, Cloud 50” ในคอลเลคชั่นสีของ AUDEMARS PIGUET ส่วนแบบตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์ จะมาพร้อมหน้าปัดสีเดียวกัน ที่เพิ่มความแปลกใหม่ด้วยหน้าปัดย่อยโครโนกราฟสีพิ๊งค์โกลด์เพื่อให้เข้ากันกับตัวเรือน และสำหรับแบบตัวเรือนเรือนไทเทเนียม จะถูกนำเสนอด้วยหน้าปัดสีเทาอ่อน ที่จะช่วยขับสีดำของหน้าปัดย่อยและขอบตัวเรือนด้านในให้ยิ่งโดดเด่น

 

ROO 26238TI OO 2000TI 01 closeup GP08 JPEG

 

ทั้งนี้แม้ว่านาฬิกาทั้ง 3 โมเดลใหม่จะรักษารูปแบบการจัดวางหน้าปัดย่อย แบบแนวตั้งของนาฬิกาในรุ่นดั้งเดิมไว้ แต่ก็มีการสลับตำแหน่งของหน้าปัดย่อยแสดงชั่วโมงและวินาทีของการจับเวลา โดยนำหน้าปัดชั่วโมงไว้ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และหน้าปัดวินาทีไว้ที่ตำแหน่ง 6นาฬิกา แต่ยังคงหน้าปัดนาทีไว้ที่ 9 นาฬิกาเช่นเดิม นอกจากนี้หน้าปัดย่อยทั้งหมดยังถูกจัดวางให้ห่างจากจุดศูนย์กลางของหน้าปัด เพื่อทำให้ดีไซน์ภาพรวมของหน้าปัดดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

222

และเพื่อคงไว้ซึ่งดีไซน์ของนาฬิการุ่นดั้งเดิม อักษรย่อ AP และโลโก้ AUDEMARS PIGUET ที่รังสรรค์ด้วยทองคำจะถูกจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และช่องแสดงวันที่จะมีมาพร้อมกระจกขยาย เพื่อให้สามารถมองเห็นตัวเลขวันที่ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันกับหน้าปัดนาฬิการุ่นที่นำเสนอครั้งแรกในปี 1993 โดยมีระบบการถอดเปลี่ยนสายแบบใหม่ ที่ในครั้งนี้ได้นำเสนอในสายนาฬิกาแบบโลหะเป็นครั้งแรก ซึ่งกลไกการเปลี่ยนสายนี้ถูกออกแบบไว้กับหมุดและและชุดล็อคบนตัวเรือนโดยตรง ซึ่งจะกลมกลืนไปกับดีไซน์ของตัวเรือนนาฬิกาไปพร้อมกันอีกด้วย

ROO 26238ST OO 2000ST 01 SDT JPEG

ความสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพของระบบถอดเปลี่ยนสายใหม่นี้ จะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเปลี่ยนสายและหัวเข็มขัดของนาฬิกาได้ด้วยตนเอง โดยการกดปุ่มเพื่อปลดสายออก โดยจะต้องใช้การกด 2 ครั้งในการปลดสายเพื่อเพิ่มความแน่นหนาและปลอดภัยทุกครั้งที่สวมใส่นาฬิกาไว้บนข้อมือ ซึ่งสายนาฬิกาโลหะจะสามารถเปลี่ยนเป็นสายยางเพื่อลุคและไลฟ์สไตล์ที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น โดยนาฬิการุ่นนี้จะมาพร้อมสายนาฬิกาสำรองที่มีระบบถอดเปลี่ยนสายพร้อมกันในชุดอีดด้วย

55 ROO 26238TI OO 2000TI 01 SDT JPEG

โดยสายยางสำรองของแบบตัวเรือนสตีลและพิ้งค์โกลด์จะเป็นสีน้ำเงิน และสำหรับแบบตัวเรือนไทเทเนียมจะมาพร้อมสายยางสีดำ ทั้งนี้นาฬิกาทั้ง 3 เรือนจะมีคุณสมบัติกันน้ำอย่างครบถ้วน โดยเมื่อเปลี่ยนเป็นสายยางแล้วนาฬิกาเรือนนี้จะสามารถใส่เพื่อการดำน้ำได้ลึกสูงสุด100 เมตร โดยสายนาฬิกาสำหรับนาฬิกาในรุ่น Royal Oak Offshore ในขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตรนี้ ยังมีการนำเสนอในรูปแบบสายยางสีฟ้าและสีกากี  รวมไปถึงสายหนังลูกวัวสีดำให้เลือกเพิ่มเติมด้วยอีกเช่นกัน