“CODE 11.59 BY AUDEMARS PIGUET” STANDS FOR ITS GENETIC CODE

ตั้งแต่ปี 1875 Audemars Piguet ได้สร้างสรรค์เรือนเวลาหรูหราไว้ในประวัติศาสตร์มากมาย ณ Vallée de Joux หนึ่งในต้นกำเนิดของศาสตร์การผลิตนาฬิกาข้อมือชั้นนำใจกลางประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประดิษฐกรรมทุกชิ้นถูกผลิต ขึ้นด้วยความประณีต งดงาม และสมบูรณ์แบบ ทั้งนาฬิการะดับมาสเตอร์พีซ นาฬิกาสปอร์ตสุดหรู นาฬิกาคลาสสิคเหนือกาลเวลา อีกทั้งเรือนเวลาอันสวยงามโดดเด่น สำหรับสุภาพสตรีที่เทียบได้กับจิลเวอรี่ล้ำค่า รวมไปถึงสุดยอดผลงานที่มีให้ครอบครองเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นในโลก ซึ่งในวันนี้ ผลงานรุ่นล่าสุดก็ปรากฏโฉมสู่โลกแล้วในงาน SIHH 2019 ที่ผ่านมา

 

FvfBYr1O

 

นาฬิการุ่นนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเรือนเวลาที่ถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อน หรือเป็นโมเดลที่เผยโฉมประจำปีเท่านั้น แต่เป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของ Audemars Piguet กับการเปิดตัวไลน์อัพใหม่อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอลเลคชั่นที่ชื่อว่า “CODE 11.59” โดยคำว่า “CODE” มาจากการนำตัวอักษรย่อของคำว่า Challenge, Own, Dare, Evolve ที่ล้วนแต่เป็นดีเอ็นเอหลักของแบรนด์มาเรียงใหม่จนเกิดเป็นรหัสที่สื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่ 11.59 คือเลขนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าสู่วันใหม่ ซึ่งเปรียบได้ดั่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำเกมอยู่หนึ่งก้าวเสมอ

 

UJNMqR4V

 

สิ่งที่จะได้เห็นต่อไปนี้ จะทำให้ทุกคนประหลาดใจ -  “ที่ Audemars Piguet เราแข่งขันกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อก้าวผ่านขีดจำกัดทางด้านหัตถศิลป์ โดยหยิบจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ ตลอดจนความเคารพอย่างสูงส่งต่อประเพณีดั้งเดิม ความภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิด และความมุ่งหวังในการรังสรรค์นวัตกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความแม่นยำและความคิดสร้างสรรค์ มาให้เป็นแรงขับเคลื่อน” คำกล่าวของ จัสมิน โอเดอมาร์ ประธานกรรมการบริษัท

 

xZYV3fn7

 

C = Challenge คือความท้าทายต่อขีดจำกัดทางด้านหัตถศิลป์ - บนเส้นทางประวัติศาสตร์กว่า 144 ปี Audemars Piguet ได้ฝึกฝนช่างฝีมือผู้มากพรสวรรค์เพื่อส่งต่อทักษะงานฝีมือชั้นสูง และเทคนิคในการประดิษฐ์นาฬิกาตามประเพณีที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ในขณะเดียวกันก็ผลักดันนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์เชิงสุนทรียศาสตร์ให้ขยายขอบเขตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง

 

O = Own คือมรดกตกทอด – กล่าวได้ว่า Audemars Piguet เป็นบริษัทประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศที่เก่าแก่ที่สุดเพียงแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ในความครอบครองของตระกูลผู้ก่อตั้ง ซึ่งนอกจากจะอุทิศตนเพื่อรักษามรดกตกทอด และแรงขับเคลื่อนที่ส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงเทคนิคหัตถศิลป์เก่าแก่ และนวัตกรรมที่ล้ำยุคไม่เหมือนใครแล้ว Audemars Piguet ยังเดินหน้าผลิตเรือนเวลาที่ผสานศาสตร์และศิลป์แห่งความเชี่ยวชาญ ไว้ในทุกรายละเอียด นอกจากนี้ยังคำนึงถึงแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ ที่ถ่ายทอดนิยามใหม่ๆ ในรูปแบบงานศิลป์อีกด้วย

 

D = Dare คือความกล้าที่จะเดินตามความปรารถนาอันแรงกล้า แม้ว่าจะมีความกดดันจากสงคราม เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในอุตสาหกรรม หลังจากวิกฤติการณ์ควอทซ์ แต่ Audemars Piguet ก็ไม่เคยสูญเสียความมุ่งมั่นในการผลิตนาฬิกา ทั้งยังเดินหน้าสร้างความประหลาดใจสู่โลกเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นหัตถศิลป์ของเรือนเวลาระบบกลไกที่สลับซับซ้อน ไปจนถึงเป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครกล้าท้าทายข้อจำกัด

 

E = Evolve คือการไม่เคยหยุดนิ่ง – Audemars Piguet ไม่เคยหยุดที่จะสร้างความท้าทายให้กับตัวเอง ในขณะเดียวกันก็อนุรักษ์เทคนิคการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศ ตามแบบฉบับดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น เพื่อพิสูจน์ถึงความปรารถนาอันแรงกล้านี้ Audemars Piguet จึงรังสรรค์หลากนวัตกรรมเวลาที่ไม่มีใครทำมาก่อน ทั้งยังขยายขอบเขตทักษะอันเชี่ยวชาญก่อนถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ช่างทำนาฬิการุ่นใหม่ต่อไป

 

NWKKrTgt

 

ความแม่นยำ และความคิดสร้างสรรค์ ดีไซน์ และความเชี่ยวชาญ - “นับเป็นครั้งแรกของ Audemars Piguet ที่ออกแบบคอลเลคชั่นเรือนเวลา ให้สามารถสวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง ทั้งยังมีให้เลือกมากถึง 13 โมเดล และมาพร้อมกลไกที่สลับซับซ้อน 4 แบบในคราวเดียว กล่าวได้ว่า การเปิดตัว CODE 11.59 ในครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญที่ Audemars Piguet จะต้องจารึกไว้” กล่าวโดย ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่ง Audemars Piguet