Miracle of BLUE Part I - Rolex (Hands-on Datejust 41 Ref. 126334 Blue Dial)

 

ตั้งแต่ได้เข้าร่วมงานแสดง Rolex Daytona Exhibition เมื่อกลางปีที่แล้ว ก็ทำให้ผมรู้สึกประทับใจแบรนด์นี้มากขึ้นอย่างรู้สึกได้ เพราะก่อนหน้านี้ความหนาหูหนาตาของทั้งเสียงที่พูดถึงและภาพที่ได้เห็น มันชินตาจนถึงกับเบื่อๆ แบรนด์นี้อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ ผมยังเป็นหนึ่งในแกนนำหลักนาฬิกาสายรองมาอย่างยาวนานอยู่แล้ว มีหรือจะเผลอใจให้สายหลักอย่างแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Rolex แต่ก็ว่าอย่างนั้นทั้งหมดก็คงไม่ได้ เพราะในขณะที่รุ่นดังในโมเดลสปอร์ตโปรเฟสชันแนลทั้งหลายออกจะเปรี้ยงปร้างกันอยู่ ก็ยังมีหลายๆ รุ่นที่ได้รับการตอบรับน้อยกว่าจนทำให้เราๆ อาจมีโอกาสได้เห็นและจับต้องตัวจริงกันได้บ้างแค่ตามร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วไป และวันนี้แกนนำสายรอง ก็ยังคงมุ่งมั่นพาทุกท่านมาพบนาฬิกาโมเดลดังที่น่าสนใจอีกหนึ่งโมเดล ที่แม้จะไม่ได้ขนาดดังเปรี้ยงปร้าง แต่ก็ไม่ได้หาดูหาซื้อกันได้ง่ายๆ อยู่เหมือนกันนะครับ 555

 

By: Pramote R.

 

Datejust ชื่อนี้ที่คุ้นหู

 

อย่างที่เกริ่นนำไปแล้วเกี่ยวกับความเปรี้ยงปร้างของโมเดลสปอร์ตโปรเฟสชันแนล ก็ขอขยายความกันหน่อยว่าตั้งแต่ช่วงก่อนปี 2000 เป็นต้นมา นาฬิกา Rolex ในโมเดลสปอร์ตโปรเฟสชันแนลทั้งหลาย ต่างก็ค่อยๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ในแบบที่ไม่ได้เป็นมาในช่วงปีก่อนๆ หน้านั้นที่ซึ่งเป็นช่วงรุ่งโรจน์ของนาฬิกากลุ่ม Datejust ซึ่งในขณะนั้นยังแยกตัวออกจากนาฬิกาโมเดล Oyster อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าถ้าขอบหยักสายจูบิลี่มีคำว่า Datejust บนหน้าปัดก็โอเค แต่ถ้าเป็นขอบเรียบสายออยสเตอร์ล่ะถือว่าเด็กๆ ไม่หรูเท่าไหร่ เพราะราคาค่าตัวก็มีความต่างกันพอสมควร ตรงข้ามกับในปัจจุบันที่ความนิยมสายแบบออยสเตอร์เพิ่มมากขึ้น และราคาค่าตัวของสายทั้งสองแบบก็แทบไม่แตกต่างกัน แต่ก็นะ.. ยังไงๆ ความรู้สึกของสายที่มีข้อต่อละเอียดๆ แบบจูบิลี่เข้ากับขอบตัวเรือนแบบหยักก็น่าจะยังดูหรูหรากว่าอยู่ดี อย่างไรก็ตาม Rolex ได้ปูพรมโมเดล Datejust ในปัจจุบันอย่างหลากหลายคอมบิเนชั่น เรียกว่ารวมกันหลายร้อยแบบก็ไม่น่าจะผิดอะไร ทั้งทางเลือกตามแบบของหน้าปัด ตามแบบของมาร์กเกอร์ ตามแบบขอบตัวเรือน และตามแบบสาย ที่ยังครอบด้วยขนาดตัวเรือนตั้งแต่ 26 (เลิกการผลิตแล้ว) 28, 31, 36 และล่าสุดที่เรากำลังจะพูดถึงกันอยู่นี้นั่นก็คือ 41 mm

 

 Lady Datejust28Datejust31Datejust36Datejust41

 

 *เทียบไซส์ต่างๆ ของ Datejust คอลเลคชั่นปัจจุบันให้เห็นกันชัดๆ

(เรียงจากซ้าย) Lady-Datejust 28, Datejust 31, Datejust 36 และ Datejust 41

ในเวอร์ชั่นวัสดุแบบเดียวกัน คือ ตัวเรือนสตีล สายสตีลแบบจูบิลี่ ขอบตัวเรือนแบบฟลุ้ตวัสดุไวท์โกลด์ โดยแต่ละรุ่นจะมีหน้าปัดให้เลือกหลายแบบ

 

Sport Watch ของแท้และดั้งเดิม

 

นาฬิกา Rolex เกือบทุกรุ่นยกเว้นโมเดล Cellini นั้นน่าจะถูกเรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาสปอร์ตได้อย่างเต็มตัวทั้งรูปลักษณ์และสมรรถนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดลโปรเฟสชันแนลที่มีคุณสมบัติด้านความเป็นนาฬิกาสปอร์ตอย่างโดดเด่น แต่ถึงอย่างนั้น โมเดลอย่าง Day-Date, Oyster Perpetual, Pearlmaster และ Datejust ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติความเป็นนาฬิกาสปอร์ตน้อยไปกว่าโมเดลโปรเฟสชันแนลมากเกินไปนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับนาฬิกาสปอร์ตจากแบรนด์อื่นๆ กลุ่มลักชัวรี่แบรนด์ด้วยกัน ซึ่งบทความนี้จะชี้ให้เห็นความเป็นสปอร์ตไลน์ของนาฬิกา Rolex Datejust 41 อย่างชัดเจน

 

IMG 6178 web

 

*Rolex Datejust 41(Ref. 126334 Blue Dial)

 

Size Does Matter ในยุคนี้

 

อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันว่าขนาดตัวเรือนของนาฬิกานั้นจะมีขนาดเล็กลงกว่าช่วง 10 ปีก่อน จนกลับมายังฐานที่มั่นเดิมนั่นก็คือ 38-40 mm เพราะถ้าเล็กกว่านี้ก็น่าจะดูเล็กเกินไป และถ้าใหญ่กว่านี้ก็ต้องบอกว่าล้นข้อมือเช่นกัน ดังนั้นการเปิดตัวและผลักดันตัวเรือนขนาด 41 mm ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นทิศทางที่มองสู่อนาคต เพราะฐานเดิมขนาด 36 mm นั้นเป็นกลุ่มที่นิยมในแบบความเป็นเทรดดิชั่นในรูปแบบของ Rolex อยู่แล้ว และ 36 เองก็ดูจะชินตาผู้คนทั่วไป แต่ 41 จะเป็นการรุกคืบสู่ตลาดลักชัวรี่สปอร์ตที่แท้จริง ที่มีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ รอดูการเปลี่ยนแปลงและการมาถึงของ Rolex มาอย่างยาวนาน ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะก่อนหน้านี้ที่ทาง Rolex เริ่มเปิดตัวขนาด 40 มม. กับโมเดลใหญ่ก่อนนั่นก็คือ Day-Date ในแบบตัวเรือนทอง ก็เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร และมาถึงตอนนี้กับโมเดล Datejust ที่ขนาด 41 ถูกนำมาใช้กับวัสดุแบบสตีลที่ต้องเรียกว่าเป็นตลาดหลักของนาฬิกาสปอร์ต และด้วยความแบนของตัวเรือน บวกกับองค์ประกอบหลักในความเป็น Rolex ที่มีอยู่อย่างครบถ้วน ผนวกกับความต้องการในยุคสมัยนี้ Rolex Datejust 41 จึงสามารถละเลียดตัวเข้าสู่กลุ่มลักชัวรี่สปอร์ตได้อย่างแนบเนียนและง่ายดาย อย่าลืมประเด็นสำคัญที่ค่าตัวของนาฬิการุ่นนี้ ไม่ได้อยู่ในระดับราคาที่สูงลิบลิ่วอย่างที่หลายแบรนด์เป็น ฉะนั้นประเด็นความคุ้มค่าจึงถูกหยิบยกมาช่วยในการตัดสินใจอยู่บ่อยครั้ง

 

IMG 6203 web

 

*Rolex Datejust 41 (Ref. 126334 Blue Dial) 

 IMG 6156 web

 

Datejust 41 (Ref. 126334 Blue Dial)

 

Rolex แทบจะเป็นแบรนด์เดียวที่เลือกใช้วัสดุสตีล 904L ในการผลิตตัวเรือนแบบสตีล ด้วยเหตุผลด้านความแข็งแกร่งและทนทาน และด้วยองค์ประกอบหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นขอบเบเซิลแบบหยัก (Flute) ที่ผลิตจากไวท์โกลด์ (ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับตัวเรือนวัสดุสตีลแล้ว ทาง Rolex เรียกเป็นชื่อเฉพาะของตนว่า White Rolesor) ทำให้เกิดความเงางามและภูมิฐาน และเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์สำคัญของนาฬิการุ่น Datejust มาอย่างยาวนาน มาประกอบกับสายจูบิลี่ในรูปแบบใหม่ที่นำมาใช้กับ Datejust เป็นครั้งแรก นั่นก็คือการมีชุดตัวล็อคออยสเตอร์แคล็ปพร้อมระบบขยายสายที่ทำให้สามารถขยับชุดสายออกไปได้อีกประมาณ 5 mm (Easylink) เพื่อให้สามารถปรับให้รับกับทุกขนาดของข้อมืออย่างง่ายดาย รวมเข้ากับหน้าปัดสีน้ำเงินยอดนิยมของนาฬิกาสปอร์ตยุคนี้ที่มีมาร์กเกอร์ชั่วโมงผลิตจากไวท์โกลด์เพื่อความคงทนและเงางามตลอดอายุการใช้งาน พร้อมการเรืองแสงแรงตาสีฟ้า (Chromalight) ให้บอกเวลาได้อย่างโดดเด่นยามค่ำคืน ผนวกกับเลนส์ไซคล็อปบนกระจกคริสตัลที่สามารถขยายเลขวันที่ให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจนตลอดเวลา และระบบกันน้ำทวินล็อคยึดด้วยสกรูว์ที่แฟนๆ ของแบรนด์นี้ย่อมต้องรู้จักกันดี เท่านี้ นาฬิการุ่นนี้ก็ดูจะพิเศษกว่านาฬิกาสตีลหน้าปัดสีน้ำเงินเรือนอื่นๆ เป็นไหนๆ แล้วจริงไหม 555

 

Datejust 126334 2

 

*หน้าปัดสีน้ำเงินของ Datejust 41 รุ่นนี้ สวยงามเป็นประกายด้วยเฉดสีเทาน้ำเงินถึงสีน้ำเงินเข้มต่างกันไปตามแต่มุมที่มองและสภาพแสง ซึ่งเกิดจากเทคนิคการเคลือบเมทัลออกไซด์หลากหลายระดับความหนาซ้อนทับกันหลายชั้นด้วยกรรมวิธี พีวีดี ส่วนชิ้นแท่งหลักชั่วโมงนั้นเป็นวัสดุทองคำ 18 กะรัต ที่เคลือบด้วยสารเรืองแสง โครมาไลท์ สีขาวซึ่งจะเปล่งแสงเป็นสีฟ้าในความมืด ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Rolex เอง

 

IMG 6187 web

 

*สายแบบ จูบิลี่ เป็นรูปแบบสายโลหะที่มีข้อเชื่อมต่อกัน 5 ข้อ ซึ่งออกแบบและผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับรุ่น Oyster Perpetual Datejust เป็นรุ่นแรก โดยเปิดตัวมาพร้อมกับนาฬิกา Datejust รุ่นแรก เมื่อ ค.ศ. 1945 โดยสายของ Datejust 41 เรือนสตีลนี้จะทำจากสตีล 904L เช่นเดียวกับตัวเรือน และมาพร้อมกับตัวล็อคบานพับแบบ ออยสเตอร์แคล็ป พร้อมระบบขยายสาย อีซี่ลิ้งค์ ที่ทำให้สามารถปรับเลื่อนระยะออกไปได้อีก 5 มม. เพื่อให้กระชับพอดีกับข้อมือได้มากที่สุด

 

IMG 6194 900

 

IMG 6201 web

 

 

ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมกลไกอินเฮ้าส์ คาลิเบอร์ 3235 ที่ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะนาฬิกาสปอร์ตตัวจริงกับพลังงานสำรองระดับ 70 ชั่วโมง พร้อมผ่านการรับรองจาก COSC ถึงสองครั้ง ทั้งจากการทดสอบกลไกเปล่า และการทดสอบกลไกที่บรรจุในตัวเรือนเรียบร้อยแล้ว ลดเสียงค่อนขอดจากภาพในอดีตเพราะปัจจุบันนี้ Rolex เดินหน้าไปไกลอีกหลายสเต็ปแล้ว และน่าจะยังคงเป็นผู้นำตลาดนาฬิกาในระดับนี้ต่อไปได้อย่างไม่ยากเย็นเลย

 

C 3235

 

*กลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 3235 ที่ใช้กับ Datejust 41 ถือเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของกลไก Rolex ซึ่งทางแบรนด์ได้ทำการพัฒนาและผลิตขึ้นมาโดยมีสมรรถภาพระดับสูงสุดเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยให้กำลังสำรองได้อย่างยาวนานถึงราว 70 ชั่วโมง และมีฟังก์ชั่นวันที่แบบปรับเปลี่ยนทันที ณ เวลาเที่ยงคืน แน่นอนว่ากลไกทุกเครื่องจะต้องผ่านการทดสอบความแม่นยำตามมาตรฐานโครโนมิเตอร์ของ COSC มาเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อประกอบเข้ากับตัวเรือนแล้วก็จะต้องผ่านการทดสอบความแม่นยำตามมาตรฐานของ Rolex อีกครั้งหนึ่งด้วย ซึ่งรวมกันหมายถึงการรับรองมาตรฐาน ซูเปอร์เลทีฟ โครโนมิเตอร์ อย่างที่ระบุไว้บนหน้าปัดนั่นเอง โดยกลไกเครื่องนี้จะมีความแม่นยำถึงระดับ -2 / +2 วินาทีต่อวัน

 

 

Rolex Datejust 41

Ref. 126334 Blue Dial

ราคา 335,800 บาท

ผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย S.A.B. (Thailand) Co., Ltd.

 

 

Captioned by: Viracharn T.