PIAGET POLO S อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับนาฬิกาแนวสปอร์ตหรู

 

ถ้าจะพูดถึงนาฬิกาเรือนสเตนเลสสตีลแนวสปอร์ตหรู (ลักชัวรี่ สปอร์ต วอตช์) สำหรับคุณผู้ชายซึ่งเป็นที่นิยมกันมากที่สุด นาฬิกาที่คนส่วนใหญ่นึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้น Nautilus (นอติลุส) กับ Aquanaut (อควาน็อต) ของ PATEK PHILIPPE (ปาเต็ก ฟิลิปส์), Royal Oak (รอยัล โอ้ค) ของ AUDEMARS PIGUET (โอเดอมาร์ส ปิเก้ต์) หรือ ROLEX (โรเล็กซ์) ตัวเรือนแบบ Oyster (ออยสเตอร์) รุ่นต่างๆ แล้วก็คงมีบ้างที่อาจนึกถึง Overseas (โอเวอร์ซีส์) ของ VACHERON CONSTANTIN (วาเชอรอง คองสตองแตง) หรือ Ingenieur (อินจีเนียร์) ของ IWC (ไอ ดับเบิ้ลยู ซี) นาฬิกาที่เอ่ยถึงนี้ก้าวขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าของนาฬิกากลุ่มนี้ด้วยหลายเหตุผลประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของแบรนด์ ประวัติความเป็นมาของรุ่น เอกลักษณ์ในดีไซน์ที่ถือเป็นไอค่อนของแบรนด์ ความยอดเยี่ยมของกลไก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้นาฬิกาเหล่านี้สามารถจำหน่ายได้ในราคาระดับสูง (ช่วงราคาตั้งแต่สองแสนกว่าบาทขึ้นไปจนถึงเกินล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับการตั้งราคาของแต่ละแบรนด์และความซับซ้อนของฟังก์ชั่นกลไกในแต่ละรุ่น) อีกทั้งนาฬิกาสไตล์นี้ของ PATEK PHILIPPE, AUDEMARS PIGUET และ ROLEX ยังสามารถขายต่อได้ไม่ยากในราคาที่ดีมากๆ ด้วย และแล้วในปี 2016 ก็มีแบรนด์นาฬิกาชื่อดังอีกแบรนด์หนึ่งส่งผลงานรุ่นใหม่ของตนเข้าร่วมชิงส่วนแบ่งการตลาดในนาฬิกากลุ่มนี้ด้วย นาฬิการุ่นนั้นมีชื่อว่า Polo S (โปโล เอส) จากแบรนด์ PIAGET (เพียเจต์)

 

 

Piaget Polo S C

 

5711 1A 010 5167 1A 001  15400ST OO 1220ST 01

 

datejust II   4500V 110A B128 SDT tr   22 IWC Ref. IW323902 Front

 

Polo S Automatic Ref. G0A41002 เมื่อรวมกลุ่มกับบรรดานาฬิกาสปอร์ตหรูเรือนสตีลสายสตีลรุ่นยอดนิยมที่เป็นแบบกลไกอัตโนมัติแสดงเวลาแบบสามเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่เช่นเดียวกัน จากคอลเลคชั่นปัจจุบันของแบรนด์ต่างๆ อย่างเช่น PATEK PHILIPPE Nautilus Ref.5711/1A-010; PATEK PHILIPPE Aquanaut Ref.5167/1A-001; AUDEMARS PIGUET Royal Oak Selfwinding Ref.15400ST.OO.1220ST.01; ROLEX Datejust II Ref.116300; VACHERON CONSTANTIN Overseas Ref.4500V/110A-B128 และ IWC Ingenieur Automatic Ref.IW323902

 

 

เรื่องศักดิ์ศรีของแบรนด์นั้น PIAGET ไม่ได้ต้อยต่ำกว่าใคร เมื่อพิจารณาจากความเก่าแก่และชื่อชั้นของแบรนด์ ความโดดเด่นด้านการออกแบบและผลิตกลไก และประวัติความเป็นมาของนาฬิกาตระกูล Polo ที่เริ่มผลิตออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1979 ซึ่งปรากฎเป็นตัวเรือนทองคำที่มีดีไซน์โก้หรูแบบเฉพาะตัว ขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์ตระกูล 7P ซึ่งถือว่าเป็นของยอดเยี่ยมในยุคนั้น อันเป็นยุคที่กลไกควอตซ์กำลังเฟื่องฟู และกลไกจักรกลกำลังสูญพันธุ์ และก็เป็นตระกูลนาฬิกา PIAGET ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยุคทศวรรษที่ 1980 ถึงขนาดมียอดขายเป็นหนึ่งในสามของนาฬิกา PIAGET ทั้งหมดในยุคนั้นเลยทีเดียว แม้ต่อมาความโด่งดังของนาฬิกาตระกูลนี้จะลดน้อยถอยลงที่อาจด้วยว่า PIAGET มามุ่งเน้นให้ความสำคัญกับนาฬิกาลักษณะอื่นของตน อย่างนาฬิกา Altiplano ที่ใช้กลไกจักรกลขนาดบางเฉียบติดอันดับที่สุดในโลก และนาฬิกาประดับเพชรของตนมากกว่า แต่ Polo ก็ยังดำรงคงอยู่เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นนาฬิกาของ PIAGET มาโดยตลอด จนกระทั่งช่วงครึ่งหลังของปี 2016 นาฬิกา Polo ก็กลับมาเป็นที่พูดถึงกันอีกครั้ง ทันทีที่ PIAGET เปิดตัวนาฬิกา Polo แบบใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Polo S ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนชอบนาฬิกาแนวนี้ (ซึ่งมีอยู่มากมายทั่วโลก) โดยอักษร S ที่ต่อท้ายชื่อ Polo นั้นมีที่มาจากคำว่า Steel อันสื่อความหมายว่าเป็นนาฬิกา Polo เรือนสเตนเลสสตีลนั่นเอง (รุ่นอื่นๆ และรุ่นก่อนๆ ของนาฬิกาตระกูล Polo จะมีแต่ตัวเรือนทองคำ หรือตัวเรือนไทเทเนี่ยม)

 

 

PIAGET POLO S AMBIANCE PICTURE

 

 

PIAGET ออกแบบนาฬิกา Polo S ขึ้นมาใหม่ โดยยังคงรักษารูปทรงตัวเรือนแบบคูชั่นของนาฬิกาตระกูล Polo เอาไว้ ขณะที่รายละเอียดอื่นๆ ถูกปรับดีไซน์ใหม่เกือบทั้งหมด แถบเส้นนูนหลายเส้นที่พาดขวางบนขอบตัวเรือนกับสาย และรูปแบบสายที่เป็นดีไซน์แบบกลมกลืนต่อเนื่องกับตัวเรือน อันเป็นลักษณะดั้งเดิมของ Polo นั้นหายไป โดยแทนที่ด้วยดีไซน์ขอบตัวเรือนวงหนาเน้นขอบสัน วงหน้าปัดทรงคูชั่นเหลี่ยมมน และใช้สายสตีลสไตล์สปอร์ตขัดเงาสลับกับขัดลายที่ออกแบบมาอย่างสวยงามโดยเน้นความเป็นเหลี่ยมสันผสานความโค้งมนในแต่ละข้อสายทรงตัว H ที่แยกสายออกจากตัวเรือนอย่างชัดเจน มิได้ต่อเนื่องเป็นดีไซน์เดียวกับตัวเรือนอีกต่อไป และก็ยังไม่มีแบบสายยางหรือสายหนังออกมาให้เลือกด้วย ดีไซน์โดยรวมเหมือนเป็นการนำนาฬิกา Emperador ทรงคูชั่นแบบปัจจุบันของ PIAGET มาปรับรวมเข้ากับรูปทรงตัวเรือนแบบเดิมของ Polo แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมากลับชวนให้นึกถึงนาฬิกา Aquanaut กับ Nautilus ของ PATEK PHILIPPE อยู่ไม่น้อย

Piaget Polo S

 

1110P Back

 


PIAGET เปิดตัว Polo S ออกมาพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Polo S Automatic แบบแสดงเวลาสามเข็มพร้อมฟังก์ชั่นแสดงวันที่เป็นตัวเลขสีดำบนพื้นสีขาว และรุ่น Polo S Chronograph ฟังก์ชั่นโครโนกราฟ โดยรุ่นสามเข็มนั้นขับเคลื่อนด้วยกลไกขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง รหัสคาลิเบอร์ 1110P ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อให้เหมาะกับนาฬิการุ่นนี้ บรรจุในตัวเรือนที่มีความหนา 9.4 มม. ซึ่งไม่หนาและไม่บางจนเกินความเป็นนาฬิกาแบบสปอร์ต แสดงเวลาบนหน้าปัดที่คาดลายกิโยเช่เป็นแถบเส้นถี่ยิบตามแนวขวางล้อมด้วยวงขอบหน้าปัดพื้นเรียบที่พิมพ์สเกลเป็นเส้นขีดร่วมกับตัวเลขอารบิก (ซึ่งไม่เคยใช้หน้าปัดที่มีริ้วลายแบบนี้มาก่อนในนาฬิกาตระกูล Polo) และเจาะช่องหน้าต่างวันที่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูล้อมด้วยกรอบสีเงินไว้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เพื่อให้กลมกลืนกับกรอบรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูสีเงินอันผอมเรียวของแท่งหลักชั่วโมงที่ปรับดีไซน์มาจากหลักชั่วโมงของ Polo รุ่นอื่นๆ โดยไปกันได้ดีกับเข็มชั่วโมงกับนาทีที่ออกแบบเป็นทรงดาบ และกรอบสี่เหลี่ยมแนวตะแคงฉลุตัวอักษร P ของหัวเข็มวินาที และไม่ลืมที่จะเคลือบสารเรืองแสงไว้บนแท่งหลักชั่วโมงกับเข็มชั่วโมงและนาที เพื่อบ่งบอกความเป็นนาฬิกาแบบสปอร์ตด้วย

Piaget Polo S chronograph steel

 

1160P Back

 

 

สำหรับ Polo S รุ่นโครโนกราฟนั้น มีลักษณะในภาพรวมเหมือนกับรุ่นสามเข็ม หากแต่เพิ่มวงหน้าปัดขนาดเล็กที่ไม่เล็กนัก ล้อมด้วยวงกรอบสีเงิน และใช้เข็มจับเวลาขนาดเล็กทรงเรียวบาง เอาไว้ ณ ตำแหน่ง 3 กับ 9 นาฬิกา โดยในวงซ้ายที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกาจะใช้แสดงค่าชั่วโมงของการจับเวลา ส่วนในวงทางขวาที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาจะใช้แสดงค่านาทีของการจับเวลา ขณะที่ช่องหน้าต่างแสดงวันที่ยังอยู่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเช่นเดียวกับ Polo S รุ่นสามเข็ม กลไกของรุ่นโครโนกราฟจะเป็นกลไกขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง รหัส 1160P ซึ่งเป็นกลไกที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อใช้กับรุ่นนี้

  

Polo S ทั้งรุ่นออโตเมติก และรุ่นโครโนกราฟ ต่างใช้ตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 42 มม. ที่สามารถกันน้ำได้ถึงระดับ 100 เมตร เช่นเดียวกัน โดยตัวเรือนนี้เป็นการฟินิชชิ่งแบบขัดเงาสลับขัดลาย ซึ่งด้านบนของขอบตัวเรือนจะเป็นแบบขัดลายตามแนวขวาง ส่วนด้านความหนาของตัวเรือนนั้น รุ่นโครโนกราฟจะอยู่ที่ 11.2 มม. ซึ่งหนากว่ารุ่นออโตเมติกเพียงไม่ถึง 2 มม. ถือเป็นนาฬิกาสปอร์ตกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟที่มีความบางเป็นจุดเด่น ทั้ง 2 รุ่นใช้ฝาหลังแบบกรุกระจกแซฟไฟร์เพื่อให้สามารถชื่นชมความสวยงามของโรเตอร์สีเทาสเลทสลักตราประจำตระกูลของ PIAGET ได้

ทั้งรุ่น Polo S Automatic และ Polo S Chronograph เปิดตัวมากับความหลากหลายของสีหน้าปัด โดยรุ่น Polo S Automatic จะมีทั้งแบบหน้าปัดสีเงิน (รหัส G0A41001), แบบหน้าปัดสีเทาแอนทราไซต์ (รหัส G0A41003) และแบบหน้าปัดสีน้ำเงิน (รหัส G0A41002) วางราคาจำหน่ายไว้ที่ 9,350 เหรียญสหรัฐฯ (ราวสามแสนบาท) ส่วนรุ่น Polo S Chronograph จะมีแบบหน้าปัดสีเงิน (รหัส G0A41004) กับแบบหน้าปัดสีน้ำเงิน (รหัส G0A41006) ให้เลือก วางราคาจำหน่ายไว้ที่ 12,400 เหรียญสหรัฐฯ (ราวสี่แสนบาท)

 

เมื่อนาฬิกา Polo S พกข้อดีมาเต็มตัว ทั้งศักดิ์ศรีของแบรนด์ ปูมหลังของคอลเลคชั่น กลไกอินเฮ้าส์ชั้นเลิศ และวางราคาไว้ในระดับที่น่าคบหาเช่นนี้ ก็ทำให้ Polo S เป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มนาฬิกาสไตล์สปอร์ตหรู

 

By: Viracharn T.