MONTBLANC เสริมทัพให้คอลเลคชั่นตระกูล Star ด้วยนาฬิกาโครโนกราฟ 2 รุ่นใหม่ในนาม Star Legacy

 

MONTBLANC (มงต์บลองค์) ยังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดนาฬิกาของตนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดคอลเลคชั่นนาฬิกาสไตล์คลาสสิกตระกูล Star ที่ผลิตออกจำหน่ายมานานหลายปีจนเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยกันดีอย่างคอลเลคชั่น Star กับ Star Classique ก็ได้ต้อนรับน้องใหม่ซึ่งมีชื่อไพเราะเสนาะหูว่า Star Legacy (สตาร์ เลกาซี) ซึ่งหลังจากเปิดตัวมาด้วยรุ่นกลไกอัตโนมัติกับรุ่นมูนเฟสแล้ว ก็ตามมาด้วยนาฬิกาโครโนกราฟ 2 รุ่น อันได้แก่รุ่น Star Legacy Nicolas Rieussec Chronograph กับรุ่น Star Legacy Automatic Chronograph ส่วนจะยังคงมีรุ่นที่เป็น Star เฉยๆ หรือ Star Classique กันอยู่อีกหรือไม่นั้น คงต้องรอดูความชัดเจนที่งาน SIHH 2018 ในเดือนมกราคมกันอีกครั้งว่าจะมีรุ่นใหม่ๆ ออกมาอีกหรือไม่ หรือจะค่อยๆ เฟดหายไปและแทนที่ด้วย Star Legacy ทั้งหมด

 

 

Montblanc Star Legacy Rieussec Chronograph Star Legacy Automatic Chronograph

 

 

Star Legacy Nicolas Rieussec Chronograph

 

MONTBLANC สานต่อผลผลิตนาฬิกาโครโนกราฟที่มีดีไซน์แบบเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีนามว่า Nicolas Rieussec กันอีกครั้งในปีนี้ด้วยรุ่นใหม่รุ่นนี้โดยมีรูปแบบดีไซน์หน้าปัดสไตล์คลาสสิกที่ดูสองคล้องกับแนวทางการออกแบบของ Star Legacy Automatic Chronograph ที่เผยโฉมออกมาพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นฟ้อนต์หลักชั่วโมงเลขอารบิก สเกลแบบรางรถไฟ และรูปทรงของเข็ม แต่ยังคงมีพื้นหน้าปัดรอบนอกเป็นแบบลายกิโยเช่เฉกเช่นเดียวกับรุ่นพี่ๆ ในตระกูล Nicolas Rieussec ด้วยกัน แต่เสริมความเด่นด้วยกรอบหน้าต่างวันที่ที่ออกแบบให้มีความโดดเด่นสะดุดตา ทั้งยังเพิ่มความมีมิติด้วยการใช้แผ่นหน้าปัดแสดงเวลากับจานดิสก์จับเวลาเป็นรูปทรงโดมซึ่งต่างไปจากที่เคย

 

 

Montblanc Star Legacy Nicolas Rieussec Chronograph 1

 

 

ด้วยความเป็นรุ่น Nicolas Rieussec ซึ่งใช้กลไกโครโนกราฟที่ออกแบบลักษณะการแสดงค่าจับเวลามาในแนวทางเฉพาะตัวเพื่อให้คล้ายกับเครื่องจับเวลาที่ช่างนาฬิกานาม Nicolas Rieussec เคยสร้างไว้สำหรับจับเวลาการแข่งม้าเมื่อเกือบ 200 ปีมาแล้ว นั่นก็คือใช้จานดิสก์ 2 จาน หมุนขยับค่าจับเวลานาทีกับวินาที โดยอ่านค่าเวลาที่ส่วนปลายของเข็มซึ่งยึดอยู่กับที่ซึ่งในรุ่นใหม่นี้จะมีแค่เข็มเดียว นั่นหมายความว่าจุดเริ่มต้นตำแหน่งที่ศูนย์ของทั้งสองจานจะไม่ได้เริ่มจาก 12 นาฬิกา แต่เป็น 3 กับ 9 นาฬิกาแทน โดยยังคงจับเวลารวมได้ 30 นาทีเหมือนรุ่นก่อนๆ ซึ่งก็ทำให้เหมือนกับเครื่องจับเวลาที่เป็นต้นฉบับยิ่งขึ้นแม้กระทั่งรูปทรงของเข็ม

 

 

Montblanc Star Legacy Nicolas Rieussec Chronograph 2

 

 

สำหรับกลไกนั้นยังคงเป็นเครื่องเดียวกับ Rieussec แบบกลไกอัตโนมัติรุ่นก่อนๆ นั่นก็คือ กลไกโครโนกราฟ ขึ้นลานอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ คาลิเบอร์ MB R200 กำลังสำรอง 72 ชั่วโมง แสดงเวลาเป็นชั่วโมงกับนาทีด้วยเข็ม จับเวลาด้วยกลไกคอลัมน์วีลและเวอร์ติคัลคลัตช์ สั่งการด้วยปุ่มกดปุ่มเดียวซึ่งอยู่ ณ ตำแหน่งราว 8 นาฬิกาบนด้านข้างของตัวเรือน และมีฟังก์ชั่นแสดงเวลาที่สองซึ่งจะแสดงด้วยเข็มฉลุสเกเลตันติดตั้งบนแกนเดียวกับเข็มแสดงเวลาหลักเหมือนเดิม ส่วนหน้าต่างแสดงวันที่ถูกย้ายไปอยู่ ณ 6 นาฬิกา โดยเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมและติดตั้งด้วยกรอบหน้าต่างชิ้นใหญ่ยึดด้วยสกรูว์สีน้ำเงิน ซึ่งทำให้ดูคลาสสิกและมีความสมดุลย์ลงตัวมากๆ ขณะที่หน้าต่างแสดงกลางวัน/กลางคืนของไทม์โซนที่สองนั้นเจาะเป็นช่องกลมเอาไว้ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ณ วงหน้าปัดแสดงเวลาอย่างแนบเนียน

 

 

Montblanc Star Legacy Nicolas Rieussec Chronograph 3

 

 

ตัวเรือนของรุ่นนี้มากับขนาด 44.8 มม. หนา 15 มม. ซึ่งจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า Rieussec รุ่นก่อนๆ ที่มีขนาด 43 มม. อีกเล็กน้อย แต่รูปทรงของตัวเรือนกับขาตัวเรือนที่มีความโค้งมนกว่าเดิมก็ทำให้ไม่รู้สึกว่าใหญ่โตสักเท่าใดนัก โดยดีไซน์ที่ใช้นั้นเป็นลักษณะเดียวกับตัวเรือนของนาฬิกา Star Legacy รุ่นอื่นๆ นั่นเอง ซึ่งก็รวมถึงรูปทรงของเม็ดมะยมด้วยเช่นกัน เมื่อมองโดยละเอียดแล้วจะเห็นได้ว่าทาง MONTBLANC ตั้งใจนำรุ่น Nicolas Rieussec ที่เดิมถือกำเนิดมาเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่น Star แล้วต่อมาถูกแยกออกไปเป็นอีกคอลเลคชั่นต่างหาก กลับมารวมเข้าอยู่ในคอลเลคชั่น Star อีกครั้ง หากแต่เป็นตระกูล Star Legacy ไม่ใช่ Star เฉยๆ ซึ่งเหตุผลนี้เองที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีชื่อเต็มว่า Star Legacy Nicolas Rieussec Chronograph 

 

 

Montblanc Star Legacy Rieussec Chronograph 4

 

 

เวอร์ชั่นที่เผยโฉมออกมาให้เห็นกันก่อนนี้ เป็นแบบตัวเรือนสตีล คู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน และหน้าปัดโทนสีเงิน ซึ่งมีรายละเอียดการตกแต่งที่สวยงามมีมิติ และใช้แผ่นดิสก์จับเวลาเป็นโทนสีทีเข้มขึ้นมาอีกนิดซึ่งเป็นสีเดียวกับกรอบหน้าต่างวันที่เพื่อให้เกิดความแตกต่างกับพื้นหน้าปัดโดยรวม ส่วนหลักชั่วโมง สเกล และตัวอักษรต่างๆ จะใช้เป็นสีดำ ในขณะที่เข็มใช้เป็นสีน้ำเงิน ยกเว้นเข็มเวลาที่สองที่เป็นแบบสเกเลตันสีเงิน

 

 

Star Legacy Automatic Chronograph

 

สำหรับรุ่นนี้จะเป็นนาฬิกาโครโนกราฟจับเวลาแนวคลาสสิกรูปแบบมาตรฐาน ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนไปจากโครโนกราฟรุ่นเดิม (ซึ่งเกือบทั้งหมดมาพร้อมฟังก์ชั่น UTC แสดงเวลาที่สองแบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มกลาง) ของตระกูล Star ตรงที่ วงหน้าปัดขนาดเล็กน้นเปลี่ยนตำแหน่งจาก 12-6-9 นาฬิกา มาเป็น 3-6-9 แทนซึ่งให้อารมณ์คลาสสิกและมีความสมดุลย์กว่า โดยมีการตกแต่งลายโลโก้ MONTBLANC อยู่บนหน้าปัดจับเวลาชั่วโมงที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาด้วย โดยเจาะหน้าต่างแสดงวันที่เอาไว้ระหว่าง 4 กับ 5 นาฬิกา ทั้งยังเปลี่ยนการใช้หลักชั่วโมงจากแบบเลขโรมันมาเป็นเลขอารบิกฟ้อนต์คลาสสิกและใช้สเกลนาทีแบบรางรถไฟซึ่งดูละม้ายกับ Longines และ Patek Philippe แต่ทาง Montblanc คงสื่อสารไปในแนวทางว่ามาจากลักษณะของ Minerva ซึ่งอยู่ภายใต้การครอบครองของตนเองมากกว่า และที่ต้องบอกก็คือ คราวนี้จะเป็นกลไกโครโนกราฟแบบเพียวๆ โดยไม่มีฟังก์ชั่น UTC มาให้แล้ว

 

 

Montblanc Star Legacy Automatic Chronograph 1

 

 

กลไกของรุ่นนี้เป็นแบบขึ้นลานอัตโนมัติ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 46 ชั่วโมง คาลิเบอร์ 25.02 ซึ่งก็คือกลไกที่ Montblanc ปรับแต่งบนพื้นฐานของเครื่อง ETA 7753 อันเป็นกลไกที่เคยใช้กับรุ่น TimeWalker Chronograph รุ่นเก่ามาก่อนแล้ว ส่วนตัวเรือนนั้นมาในขนาด 42 มม. หนา 14 มม. ซึ่งมีดีไซน์ที่ดูมนละมุนยิ่งขึ้นกว่าเดิม และใช้ปุ่มกดรูปทรงเหลี่ยมโค้งแทนของเดิมที่เป็นแบบปุ่มกลม โดยเวอร์ชั่นที่เผยโฉมมาให้เห็นกันก่อนนี้เป็นแบบตัวเรือนสตีล ที่มากับสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน แม็ตช์กับเข็มสตีลสีน้ำเงินที่ดูงามสะอาดตาแบบคลาสสิกบนหน้าปัดโทนสีขาวสว่างที่ใช้หลักชั่วโมงเป็นสีดำ

 

 

Montblanc Star Legacy Automatic Chronograph 2

 

By: Viracharn T.